เดิมพัน!! ศักดิ์ศรีชาติ???

“สินบนแก๊งคอลเซ็นเตอร์” 40 ล้านบาทต่อเดือน ก่อปฏิกิริยาตามมา รวดเร็ว รุนแรง! งานนี้…มันใหญ่เกินตัวคนพูด ระดับ…รัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ต้องออกมาตอบกระแสสังคมไทย พร้อมจะขจัด “หัวขบวน” แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่รุกเข้าไทย หรือปล่อยให้เป็นเพียงคำพูดเอาแต่หล่อไปวันๆ ขอรู้ไว้…งานนี้ มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย และศักดิ์ศรีของชาติ เป็นเดิมพันที่สูงมาก!!??
“คำพูดเป็นนาย!” งานนี้…จัดว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้ว สำหรับ…คำพูดที่ไม่มีใครถามของ นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ที่พูดไว้กลางประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา…
“มีผู้ติดต่อผ่านเพื่อน สมาชิก ส.ส.เสนอเงินสินบน เดือนละ 40 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่แตะต้องและไม่ดำเนินการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บไซต์หลอกลวง”
เรื่องนี้…กลายเป็นประเด็นข่าวการเมืองของไทยที่ร้อนระอุ! มีการ ขยายผลเรื่องนี้ ในมิติต่างๆ เกี่ยวพันกับทั้ง ตัวคนพูด และนักการเมืองใหญ่ รวมถึง อดีต รมว.ดีอี และใครอีกหลายๆ คน???
ปมนี้…ถือว่า ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนทั้งในรัฐบาลและสังคมอย่างที่สุด! เพราะมันได้สะท้อนว่า…
อาชญากรรมข้ามชาติกล้าท้าทายอำนาจรัฐ และพร้อมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อความเงียบ แลกกับการจะใช้ประเทศไทย เป็นฐานของธุรกิจผิดกฎหมาย!!!
การเปิดประเด็นดังกล่าว ทำให้ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะ ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร ออกมาเรียกร้องอย่างเข้มข้นว่า…นายไชยชนกไม่ควรเงียบ!!!
หากมีการเสนอสินบนจริง? รัฐบาลต้องใช้โอกาสนี้…เป็น “จุดเปลี่ยน” ในการปราบปรามเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ให้สิ้นซาก!!!
ไม่ใช่แค่การจับ “ตัวเล็กตัวน้อย” อย่าง…บัญชีม้าหรือ เหยื่อที่ถูกบังคับให้ทำงาน แต่ต้อง “จัดการหัวขบวน” ที่เป็นตัวการใหญ่
หาก “หัวขบวน” ถูกทำลาย เครือข่ายอาชญากรรมทั้งระบบจะล่มสลาย ไปด้วย
นายรังสิมันต์ ยังชี้ว่า…เบื้องหลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาจเชื่อมโยงถึงบุคคลระดับสูงและทุนต่างชาติ โดยมีการกล่าวถึง “นายหน้า” ที่ใกล้ชิดกับ “ผู้นำการเมือง” กัมพูชา และ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย!!??
อีกทั้ง…ยังมีสายสัมพันธ์กับนักการเมืองไทยระดับรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งหาก ตรวจสอบจริงจัง! อาจพบพยานบุคคลสำคัญและเส้นทางเงินที่โยงใยเป็นเครือข่ายข้ามพรมแดน
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า…เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบนี้ ไม่ใช่แค่เพียงหลักสิบหรือหลักร้อยล้าน แต่ อาจมากถึง…หมื่นล้านบาท!!!
ที่อาจถูกใช้…เพื่อซื้อการเพิกเฉย หรือความคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ในหลายระดับ
ท่าทีดังกล่าวทำให้ คณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ ความหวังจะเชิญใช้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เข้าให้คำชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ เพื่อยืนยันว่า…รัฐบาลมีความจริงจังเพียงพอหรือไม่? ต่อการกวาดล้างขบวนการเหล่านี้
หาก “ผู้นำรัฐบาล” เลือกที่จะนิ่งเงียบ! สังคมย่อมอาจ “ตีความ” ได้ว่า…มีการ “หลบเลี่ยง” หรือ “เอื้อประโยชน์” ให้อาชญากรรมจริง!!!
ในขณะที่ ฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะ นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้ พร้อมขอให้สื่อมวลชนไปถามนายไชยชนก เอง ขณะที่ รมว.ดีอี ก็ได้สั่งการให้ นายพชร อนันตศิลป์ ปลัดกระทรวงดิจิทัลคนใหม่ เร่งหาข้อมูลเพื่อขยายผลสืบสวน ทันที!
แต่คำถามใหญ่ที่ยังคงคาใจของคนไทยอยู่ นั่นคือ…รัฐบาลจะทำจริงหรือไม่???
เพราะที่ผ่านมา การจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มักเป็นเพียงการโชว์ผลงานเล็ก ๆ จับคนใช้ “บัญชีม้า” ปิดเว็บเล็ก ๆ แต่ “ต้นตอ” และ “นายทุนใหญ่” ยังลอยนวล!!!
ประเด็นนี้…ไม่ได้สะท้อนแค่ ความล้มเหลวในการปราบปราม แต่ยังโยงถึงความมั่นคงของชาติ เนื่องจาก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเครือข่ายสแกมเมอร์ คือ อาชญากรรมที่เชื่อมโยงกับการฟอกเงิน การพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย และแม้กระทั่งการค้ามนุษย์
หากปล่อยให้ “ทุนมืด” เหล่านี้แข็งแรงมากขึ้น! ย่อมส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและความปลอดภัยของประชาชนโดยตรง
อีกทั้ง ยังเปิดช่องให้ ไกลุ่มทุนต่างชาติไ ใช้เงินสกปรกเข้ามา”ฮุบกิจการ” ทั่วไปของคนไทย ผ่านกระบวนการ “ฟอกขาวเงินสกปรก” สร้างความสั่นคลอนต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและอธิปไตยของไทย อย่างที่สุด!!!
เสียงเรียกร้องจาก…ฝ่ายค้าน นักวิชาการ และประชาชน ที่ต่างเห็นตรงกันว่า…รัฐบาลต้องแสดงเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดสวยหรู หรือถ้อยคำสร้างภาพไปวันๆ
หากรัฐบาลไม่กล้าชนกับ “หัวขบวนตัวจริง” แต่พูดเอาหล่อไปวันๆ เหมือนที่สังคมไทย…ตั้งข้อสงสัย???
แน่นอนว่า…ประชาชนก็จะมองการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ เป็นเพียง “ละครทางการเมือง” ที่ใช้สร้างคะแนนนิยมชั่วคราวเท่านั้น
วันนี้…ประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญ??? เป็น…รัฐบาล นายกรัฐมนตรี และรมว.ดีอี จะต้องเลือกว่า ขอ…“พูดเอาหล่อ” แล้วปล่อยให้ “ทุนมืด” ครอบงำต่อไป
หรือจะ เลือกลงมือจริงจัง แล้วประกาศเดินหน้า “ขจัดหัวขบวน” ถอนรากถอนโคนเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ!!!
สิ่งนี้…รัฐบาลไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้อีกต่อไป เพราะมีบางสิ่งที่เดิมพันสูงสุด! อยู่ นั่นคือ…
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทย!!??
รวมถึง…ศักดิ์ศรีของชาติไทย…ที่คอยค้ำคอของนักการเมืองฝั่งนี้!!!.