กรมทรัพย์สินทางปัญญา เร่งเสริมแกร่งสินค้า GI รับแผนรัฐ Quick Big Win  

“อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา” ขานรับนโยบาย Quick Big Win  ของ “รมว.พาณิชย์” ประกาศเดินหน้าเร่งผลักดันการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า GI รุกเสริมแกร่ง SME ด้วยทรัพย์สินทางปัญญาอย่างยั่งยืน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯได้รับมอบนโยบายจาก นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เร่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการ SMEs โดยการเพิ่มรายได้ผ่านสินค้า GI ซึ่งถือเป็น “ของดีประจำถิ่น” ซึ่งที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า สินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น GI สามารถเพิ่มมูลค่าได้มากกว่าสินค้าทั่วไปถึง 2-5 เท่า อาทิ ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จากเดิมราคาขายก่อนเป็น GI อาจอยู่ที่ลูกละ 100 – 200 บาท แต่เมื่อได้เป็น GI ราคาขายอยู่ที่ลูกละ 300 – 500 บาท

โดยแนวทางที่ กรมฯจะเร่งดำเนินการ คือ มุ่งเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการท้องถิ่น และ SMEs ผ่านกลไกการส่งเสริมสินค้า GI ไทย ที่ปัจจุบัน มีจำนวน 239 สินค้า ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในปี 2568 กว่า 82,000 ล้านบาท และเพื่อต่อยอดให้เห็นผล Quick Win อย่างเป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือน กรมฯ จะเร่งต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า GI ที่ขึ้นทะเบียนแล้ว ทั้งการจัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้า การพัฒนาภาพลักษณ์สินค้าสู่ระดับพรีเมียม และการขยายช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการส่งเสริมการขึ้นทะเบียน GI ในสินค้าใหม่ๆ

รวมถึง ว่าที่ GI 5 รายการ ได้แก่ ทุเรียนชุมพร กกเหล่าพัฒนา (นครพนม) ไก่เบตงยะลา ผ้าทอนาหมื่นศรี (ตรัง) และ มะยงชิดแม่ย่าสุโขทัย โดยจะร่วมมือกับพาณิชย์จังหวัด ร่วมเฟ้นหาสินค้าคุณภาพที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นให้เข้าสู่ระบบการคุ้มครอง GI พร้อมประสานความร่วมมือสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศร่วมวิเคราะห์ตลาดเป้าหมาย เพื่อร่วมกันส่งเสริมการขยายตลาดสินค้า GI ไทยสู่สากลด้วย

นอกจากนี้ รมว.พาณิชย์ ยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ SMEs ที่สภาพแวดล้อมในยุคนี้ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงต้องคำนึงถึงปัจจัยรอบด้าน อาทิ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรมจะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยในการตอบโจทย์ความท้าทายเหล่านี้ได้

ซึ่ง กรมฯ จะดำเนินกิจกรรมเชิงรุกเพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญา ส่งเสริมการนำนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญามาใช้ประโยชน์ และตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ๆ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งผลักดันให้ผู้ประกอบการสามารถนำทรัพย์สินทางปัญญามาใช้เป็นกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างแต้มต่อทางการค้าและสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ SMEs ท่ามกลางภาวะการแข่งขันทางการค้าที่เข้มข้นในปัจจุบัน 

กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติทันที โดยจัดทำแผนงานที่ตอบโจทย์นโยบายเร่งด่วน ทั้งด้านการส่งเสริมการพัฒนา GI การจับคู่นวัตกรรมที่เหมาะสมให้ผู้ประกอบการ และการบ่มเพาะผู้ประกอบการ SMEs ให้เข้มแข็ง ผ่านการใช้ประโยชน์จากระบบทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า ทรัพย์สินทางปัญญาจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับประชาชน และเสริมความสามารถการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน นางอรมน กล่าวยืนยัน.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password