รัฐเอาจริง??? ปราบค้ามนุษย์!!!

“วาระแห่งชาติ…ปราบค้ามนุษย์! ภารกิจของ “รัฐบาลอนุทิน” ผ่าน รอ.ธรรมนัส นำรุกทุกมิติ ทั้งในประเทศ-นอกประเทศ หลัง “ขบวนการสแกม–แรงงานเถื่อน–อาชญากรรมข้ามชาติ” พ่นพิษแรง! แต่ ความจริงจังนี้ เป็นแค่ “โชว์ผลงานปลายปี” หรือคือ “จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่” ขจัดวงจรค้าคนไทยและข้ามชาติได้จริง? ไม่ใช่แค่…ไฟไหม้ฟางและลูบหน้าปะจมูก!!!

วันนี้ (22 ต.ค.2568) ณ ทำเนียบรัฐบาล, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นั่งหัวโต๊ะเป็น ประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ครั้งที่ 3/2568 ท่ามกลางบรรยากาศที่…ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เพราะนี่คือ…

การประชุม “วาระแรก” หลังเขาได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านนี้อย่างเป็นทางการ

ร.อ.ธรรมนัส เปิดการประชุมด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะย้ำว่า “สิ่งที่เราจะทำในกรอบเวลาที่เหลืออยู่ ต้องทำให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญระดับชาติ”

เขายังกล่าวด้วยว่า…กรรมการชุดนี้ส่วนใหญ่เป็น “พี่น้องที่รู้จักกันมานาน” และเชื่อว่าจะร่วมมือกันอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดผลสำเร็จตามนโยบายที่ นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา…

คำพูดของ ร.อ.ธรรมนัส ไม่ใช่แค่…พิธีกรรมการประชุมทั่วไป แต่เป็นสัญญาณเชิงยุทธศาสตร์ เพราะในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้ นายกฯอนุทิน เอง ก็เพิ่งออกมาประกาศกลางทำเนียบว่า…

“การปราบสแกมเมอร์และค้ามนุษย์ จะถูกยกระดับเป็น…วาระแห่งชาติ”

โดยได้สั่งการให้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินของขบวนการสแกมข้ามชาติ ซึ่งเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ในรูปแบบใหม่ และสั่งให้เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างกระทรวงดิจิทัล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงยุติธรรมอย่างเป็นระบบ

ทิศทางดังกล่าว…สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวระดับภูมิภาค ที่ นายกฯอนุทิน เพิ่งเดินทางเยือน  สปป.ลาว อย่างเป็นทางการ…ครั้งแรก! เพื่อหารือเรื่อง…ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

โดยเฉพาะ เครือข่ายค้ามนุษย์และแก๊งสแกมตามแนวชายแดน!!!

การหารือครั้งนั้น…นำไปสู่ การตกลงตั้งกลไกแลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมตรวจตราแนวชายแดน ซึ่งถือเป็น ครั้งแรกในรอบหลายปีที่ไทย–ลาว ยกระดับการประสานงานเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ในเวลาเดียวกัน หน่วยงานความมั่นคงของไทย ก็เริ่มขยับ! ไล่กันแต่…ตำรวจ ปคม. และ ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ของ สตช. ที่ต่างก็ เร่งเปิดปฏิบัติการตรวจสอบแรงงานต่างด้าว โรงงานแปรรูป รวมถึงเ  เส้นทางลำเลียงคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย

ทั้งหมดนี้…เคยถูกใช้เป็นช่องทางค้าคนและส่งต่อแรงงานเข้าสู่เครือข่ายออนไลน์

สำรวจจากกระแสข่าวในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ชัดว่า… มีการตรวจพบขบวนการใหม่ที่เชื่อมโยงกับ เมียนมา และ กัมพูชา ขณะที่ ต่างประเทศเอง ก็เริ่มส่งเสียง เกี่ยวกับพฤติการณ์ของขบวนการเหล่านี้

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า… มีการส่งเหยื่อชาวไทยที่ถูกค้ามนุษย์ กลับประเทศกว่า 260 คน จากค่ายใน เมียนมา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และยังมีคนไทยอีกหลายร้อยคนที่ยังรอความช่วยเหลือในพื้นที่สีเทา

รัฐบาลไทย…จึงกำลังเผชิญแรงกดดัน 2 ด้าน???

ด้านหนึ่ง คือ แรงกดดันจากภายใน เมื่อสังคมไทยเรียกร้องให้รัฐจัดการอย่างเด็ดขาด! หลังเกิดคดีคนไทยถูกหลอกไปทำงานต่างประเทศ หรือถูกบังคับให้เข้าร่วมขบวนการสแกมออนไลน์

อีกด้านหนึ่ง คือ แรงกดดันจากต่างประเทศ ที่ต้องการให้ไทยแสดงความจริงจัง เพื่อรักษามาตรฐาน TIP Report ของสหรัฐฯ และสถานะประเทศต้นทาง–ทางผ่านของเหยื่อค้ามนุษย์ในภูมิภาค

ในเชิงยุทธศาสตร์ การมอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส กำกับดูแลงานค้ามนุษย์ จึงมีความหมายทางการเมืองไม่น้อย???

เพราะเขาเป็นทั้ง…รองนายกฯ และรมว.เกษตรฯ ซึ่งมีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงพื้นที่ชายแดน การใช้เครือข่ายนี้ขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ จึงอาจเป็น “หัวใจ” ของนโยบาย “ปราบค้ามนุษย์อย่างเป็นรูปธรรม” ที่เขาพูดถึงเมื่อช่วงต้นของบทความข่าวชิ้นนี้…

แต่แม้ รัฐบาลจะขยับจริง คำถามสำคัญที่ยังไม่จางจากสังคม ก็คือ “รัฐบาลไทย…เอาจริงแค่ไหน?”

เพราะในอดีต…แผนปราบค้ามนุษย์เคยถูกใช้เป็นเพียงวาทกรรมทางการเมือง และไม่สามารถจับผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ได้จริง

หลายคดี…จบลงที่แรงงานชั้นล่างถูกลงโทษ แต่ตัวการใหญ่ลอยนวล

ดังนั้น ความท้าทายครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการตั้ง คณะกรรมการฯชุดใดๆ ก็ตาม แต่คือ…การสร้างระบบตรวจสอบที่โปร่งใส และเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานได้จริง!!!

ในระยะต่อไป…รัฐบาลอนุทิน อาจต้องพิสูจน์ด้วย “ผลงานที่จับต้องได้” เช่น การปิดแหล่งสแกม–ศูนย์โทรหลอกลวง, การจับกุมเครือข่ายค้ามนุษย์รายใหญ่ หรือ การช่วยเหลือเหยื่อกลับประเทศอย่างเป็นระบบ ฯลฯ

ทั้งหมดนี้…จะเป็นตัววัดว่า “รัฐบาลเอาจริง” ตามคำประกาศหรือไม่???

ขณะเดียวกัน ความร่วมมือระหว่างประเทศ…ก็จะเป็นอีกบททดสอบสำคัญ เพราะหากขาดการแลกเปลี่ยนข้อมูล ขบวนการเหล่านี้…ก็จะเพียงแค่ “ย้ายฐาน” ไปประเทศเพื่อนบ้าน และกลับมาในรูปแบบใหม่อีกครั้ง

ภารกิจของ รัฐบาล, นายกฯอนุทิน และ รองฯธรรมนัส ในวันนี้ จึงไม่ได้มีเพียงแค่…เป้าหมายการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังเป็น เดิมพัน ต่อ “ความน่าเชื่อถือของรัฐไทย” บนเวทีโลก

เมื่อ ทั้งโลกต่างกำลังเฝ้าจับตามองบแบบไม่กระพริบ ว่า ที่สุด! ประเทศไทยจะสามารถเปลี่ยนภาพจาก “จุดผ่านของขบวนการค้ามนุษย์” มาเป็น “ประเทศต้นแบบของการปราบค้ามนุษย์ในภูมิภาคอาเซียน” ได้จริงหรือไม่???

หรือต้องทำ…เพราะ แรงบีบ! จากนานาอารยประเทศ แต่ท้ายที่สุด…เรื่องนี้จะเป็นได้แค่ ไฟไหม้ฟาง และลูบหน้าปะจมูก!!! เหมือนในทุกยุคของทุกรัฐบาลที่ผ่านมา!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password