นายกฯหวังท่องเที่ยวบูมหนุนเศรษฐกิจปลายปี – ชี้! ‘แจกเงินหมื่นดิจิทัล’ รับช่วงต่อ Q1-2/68
นายกรัฐมนตรีเชื่อไตรมาส 4 แจกเงินหมื่นดิจิทัลเกิดแน่! ย้ำ! ต้องการเม็ดเงินใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจในทุกพื้นที่ทั่วไทย คาดไตรมาส 1-2 ของปี 2568 ได้เห็นผลบวกจากมาตรการนี้ หวังการท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยช่วงปลายปีนี้
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวตอนหนึ่งระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อผู้มวลชนถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า โครงการนี้ได้รับผลกระทบจากปัญหาความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ทำให้ต้องเลื่อนจากกรอบเวลาเดิมภายในต้นปี 2567 ทั้งนี้ รัฐบาลต้องการเม็ดเงินใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะใช้งบประมาณ 560,000 ล้านบาท ซึ่งผู้มีสิทธิ์ในโครงการจะต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน และใช้ภายในอำเภอเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ซึ่งรัฐบาลเองได้รับฟังทั้ง ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นักวิชาการต่างๆ รวมไปถึงการตั้งหลักเกณฑ์เงื่อนไขต่างๆ เช่น คนรวยใช้หลักเกณฑ์อะไรในการวัด รวมถึงที่มีการตัดกลุ่มเป้าหมาย ที่ถูกตัดไป 12 เปอร์เซ็นต์ ของวงเงินทั้งหมด และมีการตั้งคำถามว่าจะกู้เงินมาใช้ในโครงการดังกล่าวหรือไม่ จนกระทั่งเราบริหารจัดการตรงนี้ ให้มันมาจริงๆ อย่างไรก็ตามไตรมาส 4 นี้ ได้อย่างแน่นอน ยืนยันทุกอย่างทุกขั้นตอนตรวจสอบได้ สุจริตบริสุทธ์ใจขอให้คอยในไตรมาสที่ 4
นายกรัฐมนตรี มั่นใจว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ จะให้ผลออกมาในช่วงไตรมาส 1-2 ของปีหน้า โดยที่นโยบายการท่องเที่ยวจะยังคงเป็นเรือธงในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในไตรมาส 4 ปีนี้ เนื่องจากจะมีการจัดงานใหญ่ทั้งพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ตที่จะมีขึ้นอีกมากมาย
“ระหว่างทางที่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้ รัฐบาลได้จัดทำนโยบายอื่นๆ ซึ่งเป็นไปตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เช่น การสร้างถนน การช่วยเหลือเกษตรกรอีกหลายสิบล้านคน รวมถึงเรื่องน้ำที่ต้องดูแล เพื่อไม่ท่วมไม่แล้ง” นายเศรษฐา ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องที่รัฐบาลให้เงินมากเกินไป จนสุดท้ายไม่ได้อะไรนั้น นายกรัฐมนตรี ตอบว่า ชัดเจนว่าเราบอกว่าทำครั้งเดียว และครั้งนี้ได้มีการจำกัดประเภทสินค้า ระยะทางที่สามารถใช้ได้ วันนี้เราต้องการที่จะให้อำเภอเล็กๆ ในจังหวัดต่างๆ ได้ลืมตาอ้าปากด้วย มีโอกาสในการจับจ่ายใช้ส่อยเงินด้วย เรื่องนี้อธิบายไปหลายหนแล้ว ซึ่งรัฐบาลมั่นใจว่าได้เดินมาถูกทางแล้ว.