ใช่หรือ? ‘วัฒนธรรมร่วม’ ไทย – เขมร : ‘อนุทิน – แพทองธาร’ ตอบให้เคลียร์ ก่อนแผ่นดินจะลุกเป็นไฟ!

การเข้าพบ “นายกฯฮุน มาเนต” ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เพื่อนำ “‘วัฒนธรรมร่วม” ไทย – เขมร มาต่อยอดเป็น “ซอฟท์พาวเวอร์” สร้างประโยชน์ต่อคน 2 ชาติ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวนั้น ช่วยระบุให้ชัดทีเหอะ! อะไรคือ “ซอฟท์พาวเวอร์”? ขืนเอา…ประเพณี ศิลปะ และวัฒนธรรมไทย ชุดไทย อาหารไทย มวยไทย ฯลฯ แม้กระทั่ง ขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค ไปเป็น “วัฒนธรรมร่วม” ล่ะก็ แผ่นดินนี้…คงลุกเป็นไฟแน่!

โลกโซเชียล (ออนไลน์) ร้อนฉ่า! หลังจากเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พร้อมคณะ เข้าพบเยี่ยมคารวะ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงพนมเปญ ในโอกาสที่เดินทางไปเข้าร่วม การประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย – กัมพูชา ครั้งที่ 8 ทั้งนี้ ในปี 2568 ที่จะถึงนี้

สาระสำคัญของการหารือร่วมกันในครั้งนี้ สรุปให้กระชับและเข้าใจง่ายๆ ก็คือ…ด้วยความสัมพันธ์อันดีของทั้ง 2 ฝ่าย ทางการไทยเองมีความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะผลักดันความร่วมมือในทุกมิติให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ และเชื่อมั่นว่าด้วยความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งทั้งด้านการทูต การทหาร และเศรษฐกิจชายแดน จะทำให้ทุกความร่วมมือสำเร็จลุล่วง

โดยกัมพูชาและไทย มีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน เราจะใช้โอกาสนี้ในการขยายและพัฒนาด้านวัฒนธรรม สร้างสรรค์พื้นฐานเดียวกันนี้ให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ดีร่วมกันเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว เกิดเป็นงานและอาชีพของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ

กลับไปดูประเด็นที่ นายอนุทิน ระบุว่า…จะดึงเอาวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งก็คือ “วัฒนธรรมร่วม” มาต่อยอดสร้างเป็น ซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อหาประโยชน์ร่วมกันทั้งทางด้าน…การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภาพใหญ่…

ประเด็นที่ คนในโลกออนไลน์ อยากรู้จากปากของ นายอนุทิน ก็คือ ประโยคที่ว่าเป็น “วัฒนธรรมร่วม” ระหว่างไทยกับกัมพูชา นั้น เป็นความคิดของนายอนุทิน และพรรคภูมิใจไท ที่มี “เลือดเขมรบุรีรัมย์” อย่างนายเนวิน ชิดชอบ เป็น “ผู้มีอิทธิพล” เหนือพรรคฯ คิด! หรือเป็นความคิดของ “รัฐบาลแพทองธาร”

อีกประเด็นสำคัญก็คือ แล้วอะไรบ้างที่เป็น “วัฒนธรรมร่วม” ของ 2 ชาติ?

ก่อนหน้านี้ คนไทยหลายคน…รู้สึกไม่สบายใจต่อท่าทีของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นบิดาของนายกฯแพทองธาร ชินวัตร โดยเฉพาะ แนวคิดในการพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อนำเอาทรัพยากรใต้ทะเล ทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ขึ้นมาใช้ร่วมกันระหว่างไทยกับกัมพูชา นั้น

เอาเข้าจริง!…บริเวณพื้นที่ดังกล่าว ซึ่ง อดีตนายกฯทักษิณ เรียกว่าเป็น “พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล” นั้น มันใช่หรือไม่? หากเทียบกับอาณาเขตทางทะเล อ้างอิงน่านน้ำไทยแล้ว พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ควรจะแบ่งกันอย่างละครึ่ง เช่นที่ อดีตนายกฯทักษิณ เคยเอ่ยถึงหรือไม่?

หรือในความเป็นจริง…ไม่มีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา แต่เป็นพื้นที่ในอาณาเขตทางทะเลของไทยเพียงผู้เดียว???

เรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลยังไม่จบ จู่ๆ ก็มีประเด็น “วัฒนธรรมร่วม” ระหว่าวไทยกับกัมพูชาขึ้นมาอีก

ที่นี้…ในโลกออนไลน์มันจึงเดือดผุดๆ ก็อย่างที่รู้กัน…คนกัมพูชา ภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐของกัมพูชา พยายามที่จะเคลมในทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไทย ไม่ว่าจะเป็น…ศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณีไทย วัดและวังไทย เสื้อผ้าการแต่งกาย (ชุดไทย) อาหารไทย มวยไทย สงกรานต์ ลอยกระทง สารพัด…

ล่าสุด ก็เป็น…ขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค

โดย พวกกัมพูชามัก จะอ้างว่า…สิ่งของเหล่านั้น คือ สิ่งที่บรรพชนของพวกเขาได้สรรสร้างกันมานับแต่อดีตเป็นพันปี และเป็นไทยเสียอีก ที่ขโมยเอาสิ่งของเหล่านั้นไปจากพวกเขา หากไม่เชื่อ…ไปหาดูหลักฐานได้จากภาพแกะสลักบนกำแพงนครวัด

พฤติกรรมที่ชอบเคลมและสมอ้างว่าตัวเป็น “ต้นฉบับ”  ในทุกสิ่งอย่างที่เป็นของคนไทย ล้วนเคยเป็นของชาวกัมพูชามาก่อน แต่ถูกบรรพชนไทยขโมยเอาไป นั้น

พฤติกรรมเช่นที่ว่านี้…อย่าว่าแต่คนไทยจะรับไม่ได้เลย? แม้แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงเพื่อนบ้านอาเซียน ที่ต่างก็รู้จักกำพืดของชาวกัมพูชากันดีว่าเป็นอย่างไร? ต่างก็รับไม่ได้กับการกระทำเช่นนี้

ก็ไม่น่าแปลกใจ…ที่ในอดีตย้อนหลังไปไม่กี่ปี? ผู้นำสิงคโปร์และมาเลเซีย ต่างเรียกร้องให้อาเซียน ขับกัมพูชาออกจากกลุ่ม! ด้วยเหตุผลสนับสนุนที่ว่า…เพราะ ผู้นำและคนของประเทศนี้ ขาดตรรกะทางความคิดที่เป็นสากล และมีทัศนคติที่เป็นพิษต่อประชาคมอาเซียน

ดังนั้น หาก นายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย ซึ่งอาจรวมถึง “รัฐบาลแพทองธาร” มีแนวคิดจะนำ  “วัฒนธรรมร่วม” ระหว่างไทยกับกัมพูชา มาสร้างเป็น “ซอฟท์พาวเวอร์” เพื่อหาประโยชน์ร่วมกันทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว แล้ว

ช่วยระบุให้ชัดๆ ทีเหอะว่า…สิ่งที่จะเป็น “วัฒนธรรมร่วม” นั้น มีอะไร? ครอบคลุมถึงสิ่งไหนบ้าง?

ลำพัง…แค่ การนับถือพระพุทธศาสนา การไหว้ การเคารพผู้ใหญ่และผู้ที่อาวุโสกว่า การรับประทานข้าว และอื่นๆ ที่มีเหมือนกัน แล้วกำหนดให้เป็น “วัฒนธรรมร่วม”

สิ่งนี้…ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับคนไทย ทั้งที่อยู่ในโลกโซเชียล (ออนไลน์) หรือในชีวิตจริง!

แต่หาก นายอนุทิน พรรคภูมิใจไทย และ “รัฐบาลแพทองธาร” จะเอา…ประเพณีสงกรานต์ ลอยกระทง ชุดไทย อาหารไทย มวยไทย ฯลฯ แม้กระทั่ง วัดและวังไทย ศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณีไทย รวมถึง ขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค ไปเป็น “วัฒนธรรมร่วม” ระหว่าง 2 ชาติแล้วล่ะก็…

ไฟจะไม่ลุกอยู่แค่ในโลกออนไลน์อย่างแน่นอน!!!

รู้กันหรือเปล่า? แค่ประเด็นระหว่าง นักธุรกิจ…ผู้จัดประกวดนางงามนานาชาติ ระหว่างชาวไทยกับกัมพูชา ที่มีปัญหากัน เพียงเพราะอีกฝ่าย…ไม่มีความเป็น “มืออาชีพ” และไม่ทำตามพันธะสัญญาที่ให้ไว้ต่อกันเป็นลายลักษณ์อักษร กระทั่ง ฝ่ายไทยต้องยกเลิกการเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดของฝ่ายกัมพูชา

แค่นี้…ก็มีการสร้างกระแสข่าว ปลุกปั่นให้ชาวกัมพูชา ออกมาประท้วงและเรียกร้องผ่านไปยังสถานทูตไทย ให้บังคับนักธุรกิจ…เจ้าของลิขสิทธิ์จัดประกวดนางงามฯ ต้องออกมาขอโทษชาวกัมพูชาทั้งประเทศ และต้องทำอย่างเป็นทางการ ผ่านสื่อระดับสากลอีกด้วย

หาไม่แล้ว…ชาวกัมพูชาเหล่านี้ จะลุกฮือและออกไปเผาสถานทูตไทย รวมถึงทำลายข้าวของและปล้นสะดมร้านรวงที่เป็นของคนไทยในดินแดนกัมพูชา เหมือนเช่นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2546

ถึงตรงนี้ “ทีมข่าวยุทธศาสตร์” อยากเห็น…นายอนุทิน รวมถึง นายกฯแพทองธาร ช่วยตอบให้คนไทย ทั้งที่อยู่ในโลกโซเชียลและในโลกแห่งความเป็นจริง ได้หายข้องใจกันเสียที…ที่ว่าเป็น “วัฒนธรรมร่วม” และจะไปสร้างเป็น “ซอฟท์เพาเวอร์” ร่วมกับกัมพูชา นั้น

มันครอบคลุมถึงสิ่งไหน? อะไร? และอย่างไร? บ้าง

ตอบ…ในตอนที่ยังมีโอกาสจะได้ตอบ! และตอบ…ก่อนทุกอย่างจะสายเกินแก้!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password