มูลนิธิม้า!!??


เสียงเตือน! จากสังคมไทย…เมื่อความดีต้องโปร่งใส และการทำบุญต้องรู้เท่าทัน! เช็คด่วน! 4 ข้อสงสัย? ก่อนบริจาคเงินให้มูลนิธิแห่งใด?
ในยุคที่ “การทำดี” กลายเป็นเรื่อง “ไวรัล!” การช่วยเหลือสังคมผ่านโซเชียลมีเดีย เกิดขึ้นทุกวัน มูลนิธิและองค์กรการกุศลจำนวนมาก…จึงเกิดผุดขึ้นราวดอกเห็ด!!! เพื่อรองรับ “พลังแห่งการบริจาค” ของผู้คนที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของการทำความดี
ทว่าท่ามกลาง พลังแห่งความศรัทธานั้น กำลังมี เสียงเตือน! ดังก้องขึ้นในสังคมไทย...เสียงที่สะกิดถามว่า “เรารู้จักมูลนิธิที่เราบริจาคให้ดีแค่ไหน?”
และเสียงนั้น เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้ออกมาใช้คำว่า “มูลนิธิม้า” เพื่อเปรียบเทียบมูลนิธิบางแห่งที่อาจถูกตั้งขึ้น โดยมีลักษณะ คล้าย “บัญชีม้า” กล่าวคือ…
มีชื่อและเอกสารครบถ้วน แต่เบื้องหลังอาจไม่ใช่สิ่งที่ผู้บริจาคเข้าใจ!!??
กรณี “มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้” คือ หนึ่งในจุดศูนย์กลางของกระแสนี้??? เมื่อมีการ เปิดเผยข้อบังคับของมูลนิธิฯ ว่า…หากเลิกล้มไป ทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของ มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า (ภายหลังได้มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขนี้แล้ว โดยจะนำไปมอบต่อให้กับมูลนิธิเก่าแก่และมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ แต่ไม่เปิดเผยว่าเป็นมูลนิธิใด?)
ซึ่งสร้างข้อสงสัยในหมู่สาธารณชนว่า เหตุใดมูลนิธิที่ใช้ชื่อ “กัน จอมพลัง” จึงมีปลายทางของทรัพย์สินไปสู่มูลนิธิของอดีตนายทหารและนักการเมืองระดับประเทศ
“กัน จอมพลัง” หรือ กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ ผู้เป็นบุคคลที่หลายคนเชื่อว่า…อยู่เบื้องหลัง “มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้” และเป็นเขาที่ได้ออกมาอธิบายว่า…ตนไม่ได้มีตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิแต่อย่างใด การจัดตั้งดำเนินการตามกฎหมายครบถ้วน และปัจจุบันได้ดำเนินการแก้ไขข้อบังคับให้ทรัพย์สินตกเป็นของมูลนิธิอื่นแทน เพื่อคลายข้อสงสัย
แต่กระแสสังคมไม่ได้จบลงง่าย ๆ เพราะผู้บริจาคจำนวนหนึ่ง รวมถึงบุคคลสาธารณะอย่าง นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ออกมาระบุว่า…ตน “บริจาคด้วยความเข้าใจว่าเป็นมูลนิธิของกัน จอมพลัง” และรู้สึกเหมือนถูกเข้าใจผิดในเจตนา
เรื่องนี้…จึงกลายเป็นกรณี ตัวอย่างที่สะท้อน ระหว่าง…“รอยต่ออันเปราะบางระหว่างความดี” กับ “ความรับผิดชอบ” ที่จะต้องมีตามมา…
และทำให้ สังคมไทย เริ่มตั้งคำถามว่า…แท้จริงแล้ว “มูลนิธิ” ที่เราบริจาคให้ มีความโปร่งใสและถูกต้องเพียงใด???
คำว่า “มูลนิธิม้า” ที่ ทนายฯเดชา ใช้…เป็นเพียง คำเปรียบเทียบเชิงวิพากษ์ ไม่ใช่ข้อกล่าวหาเฉพาะเจาะจง แต่สิ่งนี้…ได้สะท้อนภาพขององค์กรการกุศลบางแห่ง? ที่อาจมีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่ได้ดำเนินงานตามวัตถุประสงค์จริง หรือมีบุคคลอื่นอยู่เบื้องหลังคอยควบคุมการบริหารทางการเงิน
ในทางกฎหมาย “มูลนิธิ” เป็นนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสาธารณประโยชน์ แต่เมื่อมี การบริจาคเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ความโปร่งใสทางการเงิน และ โครงสร้างผู้บริหาร จึงเป็นสิ่งที่…กฎหมายกำหนดไว้ชัดเจน
ตามระเบียบของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย แล้ว มูลนิธิทุกแห่งต้องมีคณะกรรมการที่แท้จริง, ต้องรายงานงบการเงินต่อรัฐทุกปี, และต้องใช้บัญชีในนามมูลนิธิ เท่านั้น
มิใช่บัญชีส่วนบุคคล หรือบัญชีที่อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อื่น!!!ในทางสังคม ปัญหา มูลนิธิฯ “กลายพันธุ์” เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะหลายแห่งเริ่มต้นจากความตั้งใจดี แต่ดัน…“กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด!”
บางแห่งใช้ชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียงดึงดูดเงินบริจาค แต่ ผู้คนนอกวง ไม่รู้เลยว่า…บุคคลนั้นไม่ได้เป็นกรรมการ หรือไม่มีอำนาจในการบริหารมูลนิธิเลย
สุดท้าย เมื่อเกิดปัญหา…ความเสียหายจึงตกอยู่กับทั้งผู้บริจาคและบุคคลที่ถูกอ้างชื่อ!!!
กรณีของ มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ จึงไม่ใช่เพียง…ประเด็นเฉพาะบุคคล แต่เป็น “กระจกสะท้อน” ระบบการทำงานของมูลนิธิไทยทั้งหมด???
เพราะหากแม้แต่…คนทำงานสาธารณะชื่อดัง ยังถูกตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใส แล้วประชาชนทั่วไปที่อยากตั้งมูลนิธิเล็ก ๆ เพื่อช่วยสังคม จะไม่ยิ่งต้องระมัดระวังมากกว่านี้หรือ?
อีกด้านหนึ่ง ผู้บริจาคเองก็ต้องรับบท “ผู้ตรวจสอบ” ไม่ใช่เพียง “ผู้ศรัทธา” ก่อนโอนเงินควรตรวจสอบใน 4 ประเด็นข้อสงสัย? ที่ว่า…
มูลนิธินั้นจดทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทยจริงหรือไม่?
มีชื่อกรรมการผู้บริหารตรงกับที่ประกาศต่อสาธารณะหรือไม่?
มีการเปิดเผยบัญชีรายรับ–รายจ่ายอย่างโปร่งใสหรือไม่?
และ เงินบริจาคมีหลักฐานใบเสร็จหรือไม่?
โลกยุคนี้…ไม่ใช่ยุคของ “ทำดีแบบปิดตา” อีกต่อไป แต่เป็นยุคของ “ทำดีอย่างรู้เท่าทัน” เพราะการบริจาคที่ขาดความระมัดระวัง อาจกลายเป็นช่องให้คนไม่หวังดีนำไปหาประโยชน์โดยไม่รู้ตัว
ในทางกลับกัน สำหรับ ผู้ที่ตั้งมูลนิธิหรือองค์กรการกุศล…สิ่งสำคัญ ไม่ใช่เพียงการมีเจตนาดี แต่ต้องสร้างระบบตรวจสอบและความโปร่งใส
การใช้ชื่อบุคคล หรือภาพลักษณ์ของคนดัง ควรได้รับความยินยอมอย่างเป็นทางการ และควรสื่อสารอย่างชัดเจนว่า…
“ใครคือผู้บริหารจริง?” หรือ “ใครคือผู้สนับสนุน?”
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดของสาธารณชน!!!
หลายคนอาจรู้สึกว่า…“ทำดีแล้วทำไมต้องถูกตรวจสอบ???” แต่ในยุคที่เงินบริจาคไหลผ่านโซเชียลอย่างรวดเร็ว
การตรวจสอบไม่ใช่อุปสรรคของความดี!!??
ตรงกันข้าม…มันคือ เครื่องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจตนา!!!
ดังคำของ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ที่เคยกล่าวว่า…“ความดีที่แท้ต้องผ่านการพิสูจน์ได้ ไม่ใช่เพียงความรู้สึกดีของผู้ทำ”
กรณีมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้สังคมไทยต้องหันกลับมาทบทวน ทั้งในเชิงระบบการบริหารมูลนิธิของรัฐ ที่ยังมีช่องว่างในการกำกับตรวจสอบ และในเชิงวัฒนธรรมของผู้บริจาค ที่มักตัดสินความน่าเชื่อถือจากชื่อเสียงมากกว่าความโปร่งใส
คำว่า “มูลนิธิม้า” ที่ ทนายฯเดชา หยิบยกขึ้นมาเปรียบเปรย อาจฟังดูเหมือนเป็นการ…เสียดสี แต่แท้จริงแล้วเป็นคำเตือนที่มีคุณค่ามาก…
เตือนให้ คนทำมูลนิธิฯ รู้ว่า…ความดีต้องไม่อยู่ใต้เงาของความคลุมเครือ
เตือนให้ ผู้บริจาค รู้ว่า…ศรัทธาไม่ควรแทนที่สติ
และ เตือนให้สังคม รู้ว่า…การทำบุญในยุคนี้ ต้องมีข้อมูลเท่ากับมีเมตตา
หากย้อนกลับมามองในมุมขอ กัน จอมพลัง เขาอาจเป็นเพียงคนหนึ่งที่ตั้งใจช่วยเหลือสังคม แต่ถูกระบบและโครงสร้างทางกฎหมาย “บิดมุมมอง” ให้กลายเป็นข้อครหา???…
สิ่งที่ สังคมไทย…ต้องเรียนรู้จากกรณีนี้ จึงไม่ใช่การตำหนิ แต่คือ การทำให้การทำดีในอนาคต “ปลอดภัยกว่าเดิม”…
ทั้งต่อผู้บริจาค ต่อผู้จัดตั้ง และต่อความศรัทธาร่วมของสังคม!!!
ในท้ายที่สุด “มูลนิธิม้า” ไม่ใช่เพียงคำล้อเลียน แต่คือกระจกสะท้อนสังคมยุคใหม่ ที่ความดีต้องโปร่งใส
และทุกคน…ไม่ว่าจะเป็น ผู้ให้หรือผู้รับ ก็ต้องยอมรับให้ได้ว่า…
“การทำดีในยุคนี้ ไม่ได้วัดกันที่เสียงปรบมือ แต่วัดกันที่เอกสารและความโปร่งใสที่ตรวจสอบได้หรือไม่?”
เพราะเมื่อความดีโปร่งใส สังคมก็จะศรัทธาได้อย่างมั่นคง!!!
และคำว่า “มูลนิธิ” จะกลับมามีความหมายในฐานะ “ที่พึ่งของสังคม” ไม่ใช่ “ช่องทางของใครบางคน?” ทีทำไปเพื่อชื่อเสียง ผลประโยชน์ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ทำให้ “มูลนิธิ” เป็น… “มูลนิธิจริงๆ” ไม่ใช่เป็นเพียง… “มูลนิธิม้า” เพื่อให้ใคร? หรือกลุ่มใด? เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ อย่างที่สังคมไทยกำลังตั้งข้อสงสัยอีกเลย!!!
สำหรับ “กัน จอมพลัง” ใดๆ ที่เคยทำความดีต่อสังคมไทย ก็อย่าได้ให้…ปัญหาและอุปสรรครอบนี้ ลดทอนพลังแห่งความดี ทำไปเถอะ! ความดีด้วยใจบริสุทธิ์…
สังคมไทย และข้อกฎหมาย…อาจไม่ยุติธรรม??? แต่กฎแห่งกรรม…ยุติธรรมเสมอ!!!.