Take ‘Thai + Korea’ to Scambodia!!!

จาก… Don’t Thai (& Korea) to me!. สู่วลีใหม่ Take ‘Thai + Korea’ to You! : Scambodia!!!. นี่จะเป็น “วีถีใหม่” แห่งความร่วมมือของ 2 ชาติ ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากดินแดนสแกม/คอลเซ็นเตอร์แห่งกัมพูชา! มุ่งล้างคราบสกปรก สร้าง “อาเซียน” สู่ภูมิภาคที่ปลอดภัย โปร่งใส มีศักดิ์ศรีร่วมกันอย่างแท้จริง!!!

ทุกครั้ง…ที่เถียงจนตรอก! ชาวเขมร มักจะออกลูก “แถ” ด้วยวลีนี้… Don’t Thai to me!. แต่วันนี้…ได้เพิ่มอีกหนึ่งประโยค คือ… Don’t Korea to me!.

หลังชาวเขมร…ถูกกดดันอย่างรุนแรง! ทั้งในโลกออนไลน์และในชีวิตจริง ต่อเนื่องจากกรณี…การเสียชีวิตของนักศึกษาหนุ่มชาวเกาหลีใต้ วัย 22 ปี ในดินแดนกัมพูชา

เสียชีวิตด้วยน้ำมือของ ขบวนการสแกม/คอลเซ็นเตอร์ ที่สร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ บนดินแดนลูกหลาน “พระยาละแวก” แห่งนี้

แต่หลังจากเหตุการณ์ที่ “ผู้นำไทย” นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กับ “ผู้นำเกาหลีใต้” นายอี แจ มย็อง ประธานาธิบดีฯ ต่อสายคุยกัน จาก…กรุงเวียนจันทน์ สปป.ลาว – กรุงโซล เกาหลีใต้

ทุกอย่างเปลี่ยนไป!!!

จากวันนี้…2 วลีข้างต้น อาจต้องปรับเปลี่ยนใหม่เป็น…Take ‘Thai + Korea’ to You! : Scambodia!!!.

“ผู้นำกัมพูชา” อาจนึกไม่ถึงว่า…ผลสะเทือนจาก ทฤษฎี “สมคบคิด!” ที่ รัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคงของตัวเอง “หลิ่วตา…ข้างหนึ่ง” ให้กับ ขบวนการสแกม/คอลเซ็นเตอร์ หลอกลวง “ชาวโลก” บนแผ่นดินของตัวเอง จะรุนแรงมากถึงเพียงนี้…

ในโลกของ “การทูต”…ที่ผลประโยชน์ของชาติ “ซ้อนทับ” กับปัญหาความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี? วีรเวร…ของ “ธุรกิจสแกมเมอร์” กัมพูชา ได้ทำให้ “มิตรประเทศ” รอบข้าง…หันมาเพ่งเล็งอย่างเข้มข้นที่สุด!

และเป็น “2 ขั้วใหม่” ไทยและเกาหลีใต้ ที่กำลังเดินหน้าร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อจัดการกับ…ดินแดนสกปรก! ที่บางสำนัก เรียกประชดว่าเป็น “Scambodia” หรือดินแดนที่หลอกลวงได้แม้แต่ “ความไว้ใจ” ของเพื่อนบ้าน!!!

การยกหูโทรศัพท์พูดคุยกัน ระหว่าง… นายกฯอนุทิน และ ปธน. อี แจ มย็อง เมื่อบ่ายวานนี้ (16 ต.ค.) ไม่ใช่เพียงแค่…พิธีทางไมตรี หลังการเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานของทั้ง 2 คน แต่มันคือ “ภาพสะท้อน” การเคลื่อนไหวของ “แนวร่วมใหม่” ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ต่างฝ่ายต่างมี “บาดแผลเดียวกัน”

ชาวไทยและชาวเกาหลีจำนวนมาก ถูกหลอกลวงให้ทำงานในเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ ที่ตั้งอยู่ในกัมพูชา

นายกฯอนุทิน เปิดเผยว่า…ฝ่ายไทยได้แสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชา พร้อมยืนยันว่า…ไทยกำลังใช้ทุกช่องทางในการเจรจากับ รัฐบาลพนมเปญ เพื่อให้เร่งปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์เหล่านี้

ที่สำคัญ…ได้ขอความร่วมมือจากเกาหลีใต้ให้ช่วยกดดันทางการทูตด้วยอีกแรงหนึ่ง

ฝั่งโซลเอง ปธน.อี แจ มย็อง กล่าวขอบคุณไทยที่เคยให้ความช่วยเหลือคนเกาหลีใต้ที่ตกเป็นเหยื่อในเมียนมา และประกาศ พร้อมลงทุนเพิ่มในประเทศไทย ทั้งในอุตสาหกรรมดิจิทัล พลังงานสะอาด และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่เกื้อหนุนกันทั้ง 2 ฝ่าย

ในเชิงเศรษฐกิจ ทั้ง “2 ผู้นำ” เห็นพ้องจะผลักดันให้การค้าการลงทุนระหว่างกันแตะระดับ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจุบันราว 1.5 หมื่นล้าน โดยจะเร่งสรุป ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย–เกาหลีใต้ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

ขณะเดียวกัน ไทยได้ตอบรับคำเชิญให้เข้าร่วมประชุม APEC ปลายเดือนตุลาคม ซึ่งเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ เพื่อแสดงเจตจำนงร่วมกันในการ ผลักดันมาตรการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ในระดับภูมิภาค

การพูดคุยระหว่าง “2 ผู้นำ” จบลงด้วยบรรยากาศอบอุ่น ถึงขั้นชวนกันมาชิมอาหารไทยและอาหารเกาหลี เป็นภาพสะท้อนของ “มิตรแท้ กว่า 70 ปี” นับแต่ไทยเคยส่งทหารไปร่วมรบในสงครามเกาหลี จนกลายเป็นจุดเริ่มของความสัมพันธ์ที่ไม่เพียงจำกัดอยู่ในด้านความมั่นคงอีกต่อไป

แต่กำลัง ขยายสู่ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและความปลอดภัยไซเบอร์ ร่วมกัน

อย่างไรก็ดี ความร่วมมือดังกล่าว เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งทวีความซับซ้อนขึ้นหลังจาก นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาแสดงท่าทีผ่านเกาหลีใต้ ทำนอง…

“ไม่ต้องให้ไทยเข้ามายุ่งเรื่องสแกมเมอร์” พร้อมบอกให้ไทย “แก้ปัญหาของตัวเองก่อน”

คำพูดนี้เองที่ทำให้ นายกฯอนุทิน ต้องออกมาตอบอย่างระมัดระวัง ว่า “ประเทศไทยไม่มีปัญหา ซึ่งปัญหาของประเทศไทยมีอยู่ที่เดียว???”

แทบไม่ต้องแปลความ “…ปัญหาของประเทศไทยมีอยู่ที่เดียว” หมายถึง…ที่ไหน? เชื่อมโยงถึงใคร? ในเรื่องอะไร?

เจ็บจี๊ดดดดดด!!!! สำหรับคำตอบที่ฝากไปถึง “ผู้นำกัมพูชา”

และในทางปฏิบัติ…ไทยยังคงใช้มาตรการกดดันที่ชัดเจน! เช่น การปิดด่านชายแดนบางแห่ง ซึ่งได้สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างหนักต่อฝั่งกัมพูชา

นายกฯอนุทิน ย้ำว่า ไทยยึดมั่นใน 4 เงื่อนไขแห่งสันติภาพ” ได้แก่ การถอนกำลังตามแนวชายแดน การเก็บกู้วัตถุระเบิด การดำเนินคดีปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และการกำหนดเขตแดนให้ชัดเจน ทั้งหมดนี้ คือหลักประกันว่า…

ไทยจะไม่เพิกเฉยต่อการคุกคามอธิปไตย แม้จะเลือกใช้การเจรจาเป็นแนวทางหลัก

อีกด้านหนึ่ง….ภายในประเทศ “รัฐบาลอนุทิน” ได้มอบหมายให้ นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เร่งเดินหน้ากฎหมายใหม่ ชื่อ Active Cyber Defence 2025 ที่เปิดทางให้ไทยสามารถ “ตอบโต้ทางไซเบอร์ได้อย่างถูกกฎหมาย” คล้ายที่ญี่ปุ่นและเวียดนามใช้ เพื่อ “ตัดวงจร” การโจมตีและหลอกลวงจากต่างประเทศ

รวมทั้งจะลงนามความร่วมมือกับ สหประชาชาติ ในช่วงปลายเดือนนี้ นั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่า…ฝ่ายไทยกำลังยกระดับนโยบายปราบสแกมเมอร์จากเชิงรับสู่เชิงรุก!!!

กฎหมายนี้ ถูกมองว่าเป็น “เกราะใหม่” ของไทยในสงครามข้อมูล เพราะในขณะที่ กัมพูชากลายเป็นแหล่งซ่อนตัวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ดังนั้น การทำให้ไทยได้มีสิทธิ “ตอบโต้ทางไซเบอร์” จะช่วยให้สามารถจัดการ “ภัยคุกคามออนไลน์” ได้โดยไม่ต้อง พึ่งพาการข้ามพรมแดนจริง และลดข้อจำกัดของกฎหมายระหว่างประเทศ

ลดปัญหาและช่องว่าง ที่ “หน่วยงานไทย” ต้องรอแต่ความร่วมมือจากเพื่อนบ้าน…โดยแทบไม่เคยได้รับความร่วมมือมาก่อนเลย

ประมวลเรื่องราวตั้งแต่ต้น จนถึงบรรทัดนี้…วลีใหม่ Take ‘Thai + Korea’ to You! : Scambodia!!!. จะไม่เป็นแค่เพียง คำสัพยอก???

หากแต่มันจะเป็น “วิถี” ที่ทั้งไทยและเกาหลีใต้ จะนำมาใช้ร่วมกันเพื่อ ขจัดภัยคุกคามของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ

และยังจะเป็น สัญลักษณ์” ของความร่วมมือ…บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วม ทั้งด้านความมั่นคงดิจิทัล เศรษฐกิจ และศักดิ์ศรีของประชาชนที่ถูกหลอกลวง

ในทางหนึ่ง นี่อาจเป็น “ก้าวแรก” ของการสร้างแนวร่วม Anti-Scam Alliance ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มุ่งเน้นในการ “ปิดช่องว่าง” ทางกฎหมายและเทคโนโลยี ไม่ให้ใครใช้ดินแดนของชาติใดเป็นฐานสร้างความเดือดร้อนข้ามพรมแดน

ในอีกมิติ ความร่วมมือระหว่าง “ไทย–เกาหลีใต้” ครั้งนี้ ยังกลายเป็นบทพิสูจน์บทบาทของไทยในภูมิภาค ว่า…ไทยไม่ได้เป็นเพียง “ประเทศตรงกลาง” แต่สามารถขยับขึ้นเป็น “ผู้นำ” ในการกำหนดมาตรฐานใหม่ของ “ความร่วมมือดิจิทัล” ในอาเซียน

ซึ่งอาจกลายเป็น “ต้นแบบ” ให้ชาติอื่นๆ ตั้งแต่…การกำกับธุรกรรมออนไลน์ ไปจนถึง…การคุ้มครองเหยื่อข้ามชาติ

แม้โลกไซเบอร์…จะไม่มีพรมแดนกั้นขวาง??? แต่ความรับผิดชอบของรัฐ…ยังคงมีขอบเขตชัดเจน!!!

ในเมื่อ รัฐบาลกัมพูชา ไม่สามารถควบคุมพื้นที่ของตนเองได้ ก็เป็นหน้าที่ที่ ประเทศเพื่อนบ้าน…จำเป็นต้องลุกขึ้น! จัดการร่วมกัน เพื่อหาทาง แก้ไขและสกัดกั้น…อันตรายจากภัยไซเบอร์ “สแกม/คอลเซ็นเตอร์” ที่มีอาณาจักรอันยิ่งใหญ่อยู่บนดินแดนกัมพูชา

และหากวันหนึ่ง…คำว่า Scambodia” จะถูกลบออกจากพจนานุกรม…การทูตอาเซียน ก็คงเป็นผลจากการที่ไทยและเกาหลีใต้ เลือกจะใช้วิถี Take ‘Thai + Korea to You!’ : Scambodia!!!. ในการจัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง!!!

ไม่ใช่แค่ถ้อยคำในเชิง “สัพยอก” ของสื่อบางสำนัก? หากแต่มันคือ…การลงมือสร้างให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้กลายเป็นภูมิภาคที่ปลอดภัย โปร่งใส และมีศักดิ์ศรีร่วมกันอย่างแท้จริง!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password