‘สว.ร่ำไห้ -วอล์กเอาต์’ ขวาง ‘สายสีน้ำเงิน’ ตั้งกมธ.ตรวจสอบ คุณสมบัติ อสส.
“สว.รัชนีกร” สะอื้น ตัดพ้อ ตั้งกมธ. ตรวจสอบประวัติอสส. เป็นก้อน แฉมีคนเดินบอกให้อ่านไลน์ ด้าน “หมอเปรม” วอล์กเอาต์ หลังที่ประชุม ยืนยันโหวต หวั่นเป็นโดมิโนถึงสองประวัติศาลปกครองสูงสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567 ที่มี นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธาน ที่ประชุมพิจารณาการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ได้รับการเสนอชื่อ นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ รองอัยการสูงสุด ให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด ตามที่คณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เสนอนั้น
จากนั้นเวลา 17.25 น. ที่ประชุมวุฒิสภากลับมาประชุมใหม่ หลังจากพักการประชุมไป 1 ชั่วโมง โดยมี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดย น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ ส.ว. อภิปรายว่า ตนเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่ได้เข้ามาเป็นวาระแรก และไม่เคยลงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ในชีวิต หวังว่าจะได้ใช้ประสบการณ์การความรู้ ความสามารถ มาใช้ก่อประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติด้วยการเป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพ
แต่การประชุมในวันนี้รู้สึกผิดหวัง เศร้าใจ เสียใจ และไม่คาดคิดจะมาเจอภาพแบบนี้ บรรยากาศที่มีการเสนอชื่อเป็นแพค 15 คน เป็นกลุ่ม เป็นก้อน แล้วเราต้องมาโหวตกันหรือ วาระนี้เป็นวาระสำคัญที่สุดของการเป็น ส.ว. คือวาระการแต่งตั้งหรือตรวจสอบองค์กรอิสระ ทำไมเราไม่คุยกัน ทำไมต้องลงมติ หรือทำไมต้องเลือกแพคกันมา ซึ่งเหตุการณ์ดูคุ้น ตนยังไม่ลืม รู้สึกผิดหวังและเสียใจ ในวันที่พวกเรา ส.ว.อันทรงเกียรติได้เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ สถานที่ที่ใช้และงบประมาณของประเทศชาติ ทำไมบรรยากาศไม่เป็นเช่นนั้น
“เราเคยมีเผด็จการรัฐสภามาแล้ว วันนี้ทำไมเราจะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เผด็จการวุฒิสภาอีกหรือ ดิฉันเป็นคนรุ่นใหม่ อายุ 46 ปี ชีวิตนี้ไม่เคยคาดคิดจะเข้ามาในสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ด้วยวัยเท่านี้ แต่เมื่อมาแล้วเกิดอะไรขึ้น ท่านกำลังทำอะไรกันอยู่ ท่านทำหน้าที่เพื่อประชาชนประเทศชาติได้หรือไม่ เราต้องมาเลือกกันแบบนี้อีกหรือ แล้วอ่านไลน์หรือ จดกันอีกหรือ พอได้แล้ว อย่าให้ประชาชนที่มองเราในวันนี้ผิดหวังกับเรามากไปกว่านี้ หลายท่านในที่นี้มีเกียรติ ทรงสง่าราศี ทำคุณงามความดีมาทั้งชีวิต อย่ามาทิ้งไว้ตรงนี้เลย ขอให้ช่วยกลับไปทบทวนในจิตใจสักนิด ขอให้ปิดไลน์ และเมื่อสักครู่มีคนเดินบอกว่าให้อ่านไลน์ด้วย พอเถอะ ดิฉันอับอายประชาชนทั้งชาติทั้งประเทศ” น.ส.รัชนีกรกล่าว พร้อมเสียงสะอื้น
น.ส.รัชนีกร กล่าวต่อว่า ขอให้ใช้วิธีการไกล่เกลี่ย และหากไกล่เกลี่ยไม่ได้ขอให้เลือกกันเองหรือจับสลาก เพราะตนเชื่อว่ารายชื่อที่เข้ามาทั้งหมดที่กำลังจะลงมติเขาตั้งใจมาทำงานและเขามีศักยภาพสูง ตนไม่อยากให้เป็นก้อนเดียวกันเข้ามาทำงาน ฉะนั้น ขอเสนอวิธีการจับสลาก
ทำให้ พล.อ.เกรียงไกรชี้แจงว่า ทุกคนก็มีความรู้สึกเหมือนสมาชิก เพราะทุกคนเข้ามาเพื่อทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมืองเหมือนกัน และทุกคนมีความรู้ความสามารถ ผ่านขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญ ก็ต้องขอบคุณสมาชิกที่ช่วยกันเตือนสติ ซึ่งการเสนอรายชื่อเป็น กมธ.ก็เห็นอยู่แล้วว่ามีการเสนอเป็นกลุ่ม 2-3 กลุ่ม และทุกคนก็เป็นไปตามกฎกติกาข้อบังคับที่เราปฏิบัติร่วมกัน เพราะฉะนั้น ตนขออนุญาตดำเนินการตามมติต่อไป เพราะคิดว่าทุกคนที่เข้ามาก็มีความตั้งใจหมด จึงขอให้เป็นไปตามข้อบังคับคือต้องลงมติ โดยจำนวนรายชื่อมีทั้งหมด 33 คน
ทำให้กลุ่ม ส.ว.พันธุ์ใหม่ และ กลุ่มอิสระไม่พอใจที่จะเลือกเป็นกลุ่มก้อน จึงมีการเสนอให้ผู้ที่ถูกเสนอชื่อทั้้งหมดแสดงวิสัยทัศน์ว่าเหมาะสมเป็น กมธ.หรือไม่ เพราะต้องการให้เกิดการรอมชอม เพราะหากยังดึงดันที่เสนอชื่อ กมธ. 15 คน โดยไม่เปิดโอกาสให้ ส.ว.คนอื่นเลย จะตั้งแบบนี้ อาจทำให้ภาพลักษณ์ของ ส.ว.ชุดนี้เป็นอย่างที่ ส.ว.สงสัย วิพากษ์วิจารณ์
รวมถึง นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ส.ว.กลุ่มสีขาว อภิปรายว่า ตนสนใจในกระบวนการยุติธรรม เพราะเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมส่งผลถึงประชาชน ตนจึงลงเป็น กมธ.และอัยการถือเป็นความหวังของประชาชนแทนที่เราจะรอบคอบในการตั้ง กมธ.ที่มาจากทุกส่วน แต่ต้องมาโหวตกันด้วยเสียงข้างมากลากไป แล้วจะได้ใครก็รู้ ไม่ต้องโหวตก็รู้ และ กมธ.ชุดนี้ก็จะเป็นเงาของ กมธ.ชุดหน้า คือ ตรวจสอบประวัติศาลปกครองสูงสุด ซึ่งตนคิดว่าจะเป็นโดมิโน ถ้าวันนี้มีการโหวต กมธ.ตรวจสอบประวัติอัยการแบบนี้ การตรวจสอบประวัติศาลปกครองสูงสุดก็คงไม่ต่างกันแล้ว หลังจากออกห้องประชุมไปอะไรจะเกิดขึ้น
“ดังนั้น ผมจะไม่ทรยศต่อประชาชนเพราะการเลือก กมธ.ส่งผลต่ออัยการสูงสุดแน่นอน และเมื่อไม่มีใครสนใจเสียงข้างน้อยอีกต่อไป จึงมีอย่างเดียวที่ตนจะทำได้ในขณะนี้คือไม่ขอร่วมสังฆกรรมกับการโหวตครั้งนี้ และคิดว่าการทำเช่นนี้ประธานในที่ประชุม ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าทำไปแล้วผลประโยชน์ตกกับใคร ผมจึงขอออกจากห้องประชุมและการประชุม หลังจากนี้ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย” จากนั้น นพ.เปรมศักดิ์ได้เดินออกจากห้องประชุมทันที โดยมี ส.ว.บางส่วนเดินตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม พล.อ.เกรียงไกรได้วินิจฉัยให้เดินหน้าลงมติเลือก กมธ.ให้เหลือ 15 คน โดยให้ ส.ว.กาบัตรว่าจะเลือกรายชื่อใดที่เสนอมา.