“เศรษฐา”กระตุก แบงก์ชาติ หลัง “หนุ่มเมืองจันท์” แฉ แบงก์พาณิชย์ แห่ขึ้นดอกเบี้ยทำกำไร

นายกฯ โพสต์ กระตุก “แบงก์ชาติ” ปม ไม่ควบคุม “ดอกเบี้ย” ทั้งที่เงินเฟ้อติดลบ หลัง “หนุ่มเมืองจัน์” โพสต์ แฉ ธนาคารพาณิชย์ พาเหรดขึ้นดอกเบี้ย ทำกำไร พุ่งกระฉูด

วันที่ 8 ม.ค.2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า จากการที่แบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยทั้ง ๆ ที่เงินเฟ้อติดลบติดต่อกันหลาย ๆ เดือนนั้น ไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจเลย และยังมีผลกระทบต่อ ประชาชนที่มีรายได้น้อย และ SME อีกด้วย “ผมจึงอยากให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูราคาสินค้าเกษตรบางชนิดให้เหมาะสม เพราะอาจจะต่ำไปก็ได้ และหวังว่าแบงก์ชาติจะช่วยดูแลประชาชนไม่ขึ้นดอกเบี้ยสวนทางกับ เงินเฟ้อนะครับ”

หลังจากนั้นที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายเศรษฐา ทวีสิน ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ออกมาติงหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่สถานการณ์เงินเฟ้อในประเทศไทยติดลบติดต่อกันหลายเดือนว่า ความจริงแล้วเราก็พูดคุยกันตลอดอยู่แล้วในเรื่องนี้ และเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ย จุดยืนของตนก็ชัดเจนว่า

“ผมไม่เห็นด้วย” แต่ท่านก็มีอำนาจในการขึ้น ซึ่งนัยที่ตนได้โพสต์ข้อความไป มันเกี่ยวกับเรื่องสินค้าการเกษตร พืชผลต่างๆ ที่ตนอยากให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลไม่ให้ต่ำลงไป เพราะถ้าต่ำเกินไปก็จะลำบาก

เมื่อถามถึงการขึ้นดอกเบี้ยอยู่ในสถานการณ์เงินเฟ้อที่ต่ำมาก นายกฯ มีความกังวลอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า “บอกว่าต่ำมากครับ ดังนั้นอาจจะต้องพิจารณาเรื่องการลดดอกเบี้ย ก็ฝากไว้”

เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะไปคุยกับผู้ว่าฯ แบงก์ชาติหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “มีอยู่แล้วครับ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ “หนุ่มเมืองจันท์” หรือ นายสรกล อดุลยานนท์ นักคอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้โพสต์เฟสบุ๊ค ระบุว่า “แบงก์กำไรสูงสุด 2.2 แสนล้าน อานิสงส์ดอกเบี้ยขาขึ้น-BBL แชมป์” เห็นพาดหัวข่าวของ “ประชาชาติธุรกิจ” วันนี้แล้วอึ้งเลยครับ ผมไม่รู้ว่า “แบงก์ชาติ” จะรู้สึกตะหงิดอะไรในใจบ้างไหม

1.ถ้าเศรษฐกิจดี ประชาชนมีกำลังซื้อ พ่อค้าแม่ค้าขายของได้ ทุกธุรกิจมีกำไรเพิ่มขึ้น ธุรกิจแบงก์ที่เปรียบเสมือน “หัวใจ” สูบฉีดเลือดหรือเงินไปเลี้ยงร่างกายหรือภาคธุรกิจจะมีกำไรในสถานการณ์แบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ร่างกายดี หัวใจก็ควรจะแข็งแรง

2.แต่สถานการณ์เศรษฐกิจในวันนี้แย่มาก แบงก์ชาติเพิ่งปรับลด GDP ปี2566 จาก 3.6% เหลือ 2.4% พ่อค้าแม่ค้าบ่นว่าขายของไม่ดี ธุรกิจเอสเอ็มอี 11 เดือนที่ผ่านมาของปี 2566 เลิกกิจการ 17,858 ราย เพิ่มขึ้นจากปี2565 ถึง 11%รถยนต์ถูกยึดเดือนละ 27,000 คัน เพราะคนผ่อนไม่ไหว

3.คนที่ยื่นเรื่องขอกู้ซื้อบ้านถูกแบงก์ปฏิเสธประมาณ 50%. แต่ถ้าเป็นบ้านหรือคอนโดมิเนียมราคา 1-3 ล้านบาท อัตราการกู้ไม่ผ่านสูงถึง 70% เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ค่าผ่อนบ้านต่อเดือนสูงขึ้นในขณะที่เงินเดือนเท่าเดิมแบงก์ไม่ปล่อยกู้เพราะกลัวหนี้เสีย

4.ลำพังแค่เศรษฐกิจไม่ดี แต่แบงก์กำไรเพิ่มขึ้นก็ถือว่าผิดปกติแล้ว เหมือนร่างกายอ่อนแอ แต่หัวใจกลับแข็งแรง พอมาดูเหตุผลว่าทำไมแบงก์ไทยทำกำไรได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ ตั้งแบงก์มา…ยิ่งน่าตกใจ รู้ไหมครับว่ากำไรที่สูงลิ่วของแบงก์มาจากอะไร “การเพิ่มขึ้นของส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ” หรือ NIM ครับ หมายความว่าในขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น แบงก์ก็ขยับ “ส่วนต่าง” ของดอกเบี้ยเงินฝาก กับ เงินกู้ของแบงก์ไทยเพิ่มขึ้นจากเดิม จ่ายดอกเบี้ยคนฝากเงินน้อยๆ แต่ให้กู้แพงๆทำกำไรแบบง่ายๆ นักวิเคราะห์บอกว่าแบงก์ที่กำไรจาก “ส่วนต่าง” นี้มากที่สุด คือ แบงก์กรุงเทพ อย่าแปลกใจ เพราะดอกเบี้ยฝากประจำ 1 ปีของแบงก์กรุงเทพต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับแบงก์ใหญ่ทั้งหมด ตอนนี้อยู่ที่ 1.6% ในขณะที่แบงก์อื่นขยับขึ้นเป็น 2-2.2 %แล้ว ที่มีคนกล่าวหาว่าแบงก์เป็น “เสือนอนกิน” จึงไม่ใช่คำกล่าวหา

5.ประเด็นสำคัญ ก็คือ หน่วยงานที่กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ คือ ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่รู้สึกว่าผิดปกติบ้างหรือครับ เมื่อGDP ที่เป็นดัชนีบอกว่าประเทศไทยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเท่าไร แบงก์ชาติบอกว่าปี 2566 ประมาณ 2.4% แต่ธุรกิจธนาคารที่คุมระบบการเงินของประเทศเติบโตสูงถึง 18.5% หรือ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศถึงเกือบ 8 เท่าตัว ความผิดเพี้ยนแบบนี้รัฐบาลและแบงก์ชาติไม่รู้สึก “เอ๊ะ” อะไรบ้างหรือครับ “แบงก์ชาติ” นั้นเหมือนคุณหมอที่ดูแลเรื่อง “หัวใจ”
เมื่อเห็นการทำงานของ “หัวใจ” เต้นผิดปกติแบบนี้ จะไม่คิดทำอะไรบ้างเลยหรือ หรือ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติของเศรษฐกิจประเทศ ที่แบงก์ชาติบอกว่า “กำลังฟื้นตัว”

6.บทความชิ้นนี้ถ้าใครอ่านแล้ว “เห็นด้วย” ท่านสามารถกดรูป “หัวใจ” หรือชมว่า “น่ารักมากค่ะ” ได้ด้วยความสบายใจ ผู้เขียนยืนยันว่าไม่คิดเป็นอื่นครับ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก “หนุ่มเมืองจันท์” ได้โพสต์ดังกล่าวขึ้นมา ทำให้ นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ได้หยิบยกนำไปอ่านออกอากาศในรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” กลายเป็นกระแสได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทำให้บุคคลที่อยู่ในแวดวงธุรกิจ นำไปเสนอต่อยอด จำนวนมาก อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.คลัง ระบุว่า เป็นการทำกำไรอย่างน่าเกลียดของ ธนาคารไทยพาณิชย์ และ นายชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาล แถลงข่าวโจมตีอย่างรุนแรงในประเด็นดังกล่าว

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password