ยุบสภาฯ ‘เวลาทอง’ ทุนเทา!!!

(สุญญากาศ – เกียร์ว่าง : ‘ทุนเทา – ขรก.ไทย’ ลิงโลด! เงินสกปรกไหลทะลักเกินต้าน!)
ชัด! ทันทีที่ “นายกฯอนุทิน” ประกาศยุบสภา! รัฐไทยเข้าสู่ภาวะ “สุญญากาศทางอำนาจ” หน้าฉาก…เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้น เวทีโลกหันกลับมามองอีกครั้ง แต่หลังฉาก “ทุนจีน(+เขมร) – ขรก.ไทย” สีเทา? รอลับมีด! ยามทีกลไกบังคับใช้กฎหมายของรัฐอ่อนแรง กับภารกิจ “ซื้อ” ทุกอย่างในอัตราสูง แม้แต่อำนาจรัฐ ต่อให้ “สรรพากร – แบงก์ชาติ” ยังปราบเข้ม! แต่มิอาจสู้ “อัตราเร่ง!” เงินสกปรกไหลเข้าไทยได้เร็วและแรง
เมื่อเสียงตอนหนึ่งของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ที่ได้เปล่งบนเวทีสัมมนา PRACHACHAT OUTLOOK THAILAND 2026 : ปรับ-เปลี่ยน-ไปต่อ เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า “วันนี้ประเทศไทยกลับมาอยู่บนเรดาร์โลกอีกครั้ง”
และย้ำว่า…ทุกประเทศพร้อมคุยกับเรา เพราะเชื่อว่าเราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง…ประเทศไทยดูเหมือนกำลังมีความหวังใหม่ในสายตาประชาคมระหว่างประเทศ
อีกช่วงที่ นายกฯอนุทิน ย้ำถึงเรื่อง Medical Tourism ว่า “ไม่มีประเทศไหนสู้ไทยเรื่อง Care ได้” พร้อมคุยอวดถึงศักยภาพการท่องเที่ยว–สาธารณสุข ที่เป็น “อาวุธแข็งของชาติ” ขณะประกาศแนวทางพลังงานสะอาด และการเดินหน้าประเทศในฐานะ “ขั้วที่ 3” ไม่เอนสหรัฐ–ไม่เอนจีน
แต่เบื้องหลังภาพสวยของเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น กลับมี “เงาดำ” ซ้อนอยู่เต็มฉาก???
คนในระบบ? ต่างรู้ดีว่า…ไทยกำลังถูก “กัดกิน” จากข้าง? ในโดย “กลไก…สีเทา” ที่ฝังรากลึกใน “อำนาจรัฐ” มายาวนาน
ข้าราชการระดับสูง! รวมถึง ตำรวจบางหน่วย? และ ทุนต่างชาติจากปอยเปต – สีหนุวิลล์ ต่างมีส่วนช่วยกันสร้าง “ระบบเศรษฐกิจ…ผิดกฎหมาย!” ในไทย…ได้ใหญ่ขึ้นทุกปี!!!
จนข้อมูลเชิงวิชาการประเมินว่า “เงินสีเทากลายเป็นเศรษฐกิจคู่ขนานที่รัฐแตะไม่ถึง”
ขณะที่ นักวิชาการบางราย ถึงขั้นกล่าวว่า “ปัญหานี้ไม่ใช่อาชญากรรม แต่เป็นความล้มเหลวเชิงโครงสร้างของรัฐไทย”
และเมื่อ นายกฯอนุทิน ประกาศชัดจะ “ยุบสภา 31 มกราคม” หรือเร็วกว่านั้น ภาพที่ปรากฏ “บนผิวน้ำ” ก็คือ…การ “คืนอำนาจให้ประชาชน” แต่ “ใต้น้ำ” สิ่งนี้…มิต่างจาก สัญญาณ “เริ่มต้น” ของภาวะสุญญากาศในอำนาจรัฐ ที่อันตรายที่สุดครั้งหนึ่ง! ของการเมืองไทย
นายกฯอนุทิน ยอมรับกลางวงนักข่าว ว่า “รัฐบาลเสียงข้างน้อย ไปต่อไม่ได้” และย้ำว่า “อภิปรายยังไงก็แพ้” ทำให้ การยุบสภาฯ ไม่ใช่แค่ความจำเป็น แต่คือ…การตัดสินใจถอนตัวของรัฐบาลที่ไม่สามารถบริหารได้เต็มมืออีกต่อไป
สุญญากาศนี้เอง…คือช่วงจังหวะเวลาที่ “รัฐบาลรักษาการ” ดูจะอ่อนแรงที่สุด! และอาจทำให้…“ทุนสีเทา” เคลื่อนไหวและขยายอิทธิพลได้เต็มที่อย่างที่สุด! โดยเฉพาะ ทุนจีนและอาจพ่วงด้วยทุนเขมร…ที่จะไหลเข้ามาในพื้นที่อาเซียน
ขณะที่ ข้าราชการไทยบางส่วน? อาจต้องทำงานในแบบ “ตั้งรับ” เพื่อรอการเปลี่ยนขั้วอำนาจ! ไม่ใช่เพราะ…ภารกิจเพื่อชาติ แต่เพราะกลัว “ลงผิดฝั่ง” ภายหลังการเลือกตั้งใหญ่ ก็เท่านั้น???
ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่ นายกฯอนุทิน ส่งสัญญาณทำนองว่า “เราไม่ยอมเสียอธิปไตยแม้ตารางเซนติเมตรเดียว” แต่ความจริงในพื้นที่ คือ ความร้อนแรงของชายแดนไทย–กัมพูชาที่ผันผวน? ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนเสียขาไปแล้วถึง 7 นาย, การเปิด–ปิดด่านด้วยเหตุผลทางเทคนิค และแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากฝั่งเขมร
ทั้งหมดคือภาพสะท้อนความ “เปราะบาง” ที่รัฐไทยต้องเผชิญอย่างไม่อาจปฏิเสธ!!??
ในเวลาเดียวกัน ประเทศยังต้องเผชิญกับ…วิกฤต “สแกมเมอร์ข้ามชาติ” ที่ยังคงลุกลามไม่หยุด! ล่าสุด มีรายงานว่า…ได้สร้างความเสียหายสูงแตะระดับ “หลักแสนล้านบาท”
โดยสายงานที่เกี่ยวข้องกับ…ธนาคารพาณิชย์และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย กำลังถูกใช้เป็น “เครื่องฟอกเงิน” ของแก๊งสีเทา ที่มี “ฮับใหญ่” อยู่ในปอยเปต
เมื่อ นักวิชาการ บางคน? ชี้ชัดว่า “ทุนเทากำลังเติบโตบนความอ่อนแอของรัฐไทย” คำถามจึงผุดขึ้นพร้อมกันตามมา ว่า…หลังจาก นายกฯอนุทินประกาศยุบสภาฯแล้ว ใครกันแน่ที่จะเป็นเจ้าของพื้นที่จริงของประเทศ?
ข้อเท็จจริง ก็คือ…เมื่อมีการประกาศยุบสภาฯ ทั้งหมดของกลไกรัฐ…จะเข้าสู่ “โหมดรักษาการ” หน่วยงานสำคัญ ๆ อาทิ กองทัพ, ตำรวจ และฝ่ายปกครอง จะ “ใส่เกียร์ว่าง” อย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นเพราะ…ทุกคนกำลังรอ “รัฐบาลใหม่”
ไม่มีใครอยาก “ชน” เครือข่ายใด? มากเกินไป กลัวว่า…หลังเลือกตั้ง พวกเขาจะถูกลงโทษ! จาก “ผู้มีอำนาจหน้าใหม่”
ดังนั้น การปฏิบัติการปราบเว็บพนัน รวมถึงการสกัดกั้นการฟอกเงิน และการบุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงอาจต้อง “หยุดลง!” แบบเงียบ ๆ โดยไม่มีประกาศใด ๆ แต่ก็รู้กันดีใน “วงใน” ทำนอง…
“ช่วงรักษาการอย่าเพิ่งลุยหนัก เพราะไม่รู้จะโดนใครเล่นทีหลัง!!!”
ในสภาวะแบบนี้ เงินสกปรก…ผิดกฎหมาย! จะไหลเร็วขึ้นตามธรรมชาติ “บัญชีม้า” เปิดใหม่…จะพึ่งทยานเป็นร้อยเป็นพันเคสท์ เจ้าของเว็บพนัน…จะทำการ “ย้ายเซิร์ฟเวอร์และเงินทุน” ได้คล่องกว่าเดิม
ธุรกิจฟอกเงินในคอนโดฯ – รถหรู – ร้านทอง – ธุรกิจบริการ ฯลฯ จะคึกคักขึ้น! เพราะไม่มี…แรงสกัดจากตำรวจหรือหน่วยความมั่นคง อย่างที่ควรจะเป็น…
คำถามคือ…หากหน่วยงานของรัฐ ทั้งฝ่ายปกครอง, กองทัพและตำรวจ อาจลดความเข้มงวดในช่วงสุญญากาศ! หน่วยงานด้านการเงิน อย่าง…กรมสรรพากร และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังยืนหยัดได้ขนาดไหน? และพวกเขายังสามารถสกัดกั้นเส้นทางเงินสกปรกได้หรือไม่?
คำตอบคือ “ได้…แต่ไม่ทันต่อความเร็วของทุนเทาอย่างแน่นอน!!!”
กรมสรรพากร…ยังมีอำนาจตรวจสอบย้อนหลัง 5–10 ปี ตรวจเส้นทางเงินในบัญชี ตรวจธุรกรรมที่ผิดปกติ และเรียกผู้ต้องสงสัยให้ชี้แจงได้ตามปกติ
ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ ระบบธุรกรรมการเงิน เช่น NDID, AMLA, และระบบตรวจจับธุรกรรมผิดปกติ (AML–CFT) ยังทำงานเต็มกำลัง
ทั้ง 2 หน่วยนี้ “ไม่ได้เข้าสู่โหมดรักษาการ” เพราะเป็น “องค์กรอิสระ” จากการเมืองระดับหนึ่ง ดังนั้น กฎหมายจึงไม่ได้ “ลดทอน” อำนาจพวกเขาแม้สักนิดเดียว! หลังคำประกาศยุบสภาฯ
แต่ปัญหาก็คือ…เงินสีเทาไม่ได้ไหลผ่านธนาคารตามเส้นทางที่จะตรวจได้ง่ายๆ อีกต่อไป
พวกมันอาจใช้ “บัญชีม้า”, บัญชีปลอม, ทรัสต์, บริษัทนายหน้าสารพัด, อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ ทำการโอนเงินผ่านระบบคริปโต เคอเรนซี และ Stablecoin ระบบ e-wallet ข้ามประเทศ และเบิกถอนเงินสดในประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนนำกลับไทย
แน่นอนว่า “กรมสรรพากร – ธปท.” จับได้เสมอในยามที่บ้านเมืองสงบ และมีรัฐบาลที่ชัดเจน!
แต่กับ ห้วงเวลาความเป็น “สุญญากาศ” พวกเขาไม่สามารถ “ไล่ต้อน” เงินสกปรกที่ไหลเร็วและรุนแรงได้ทั้งหมด
ส่วนหนึ่ง คงเพราะ…องค์กรอาชญากรรมเหล่านี้ เลือกใช้ “วิธีลัด” ผ่านช่องโหวของกฎหมาย โดยอาศัยความร่วมมือจาก “กลุ่มข้าราชการสีเทา” ในบางตำแหน่ง? ส่งต่อเงินสกปรกไหลเข้าไทย…
นั่นหมายความว่า…แม้ กรมสรรพากรและธปท.ยังทำงาน แต่ประสิทธิภาพการสกัดกั้นในช่วงสุญญากาศจะลดลงเหลือเพียง “ปลายเหตุ”
ขณะที่ ต้นเหตุ คือ การไหลเข้าของเงินผิดกฎหมาย ที่มีกำลังเพิ่มขึ้นแบบไร้แรงต้าน
อาจพูดได้ว่า…สถานการณ์ “สุญญากาศ” ภายหลังการยุบสภาฯ มันคือ “สวรรค์ของทุนเทา” และเป็น “นรกของรัฐไทย” ที่กำลังอ่อนแรง ดีๆ นี่เอง
ทั้งหมดนี้…ก่อนให้เกิดคำถามสำคัญที่สุด! ในประเทศนี้…ดังขึ้นอย่างรุนแรง นั่นคือ…
ภายหลังการยุบสภาฯ ประเทศไทยยังถูกปกครองโดย “รัฐบาลรักษาการ” หรือกำลังถูกบริหารโดย “ทุนจีนและข้าราชการสีเทา” ในเงามืดกันแน่???
และเมื่อ “รัฐบาลใหม่” ได้ก้าวเข้ามาบริหารประเทศแล้ว พวกเขา…จะยังสามารถ “กอบกู้” พื้นที่ที่ถูก “ทุนเทา” ยึดครองชั่วคราวนี้…กลับคืนมาได้หรือไม่?
หรือว่า…ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว?






