บิ๊กตู่อัดชลน่าน! ใช้อวัยวะข้างเดียวมองรบ. หลังโดนเหน็บเป็น’ตัวตลก’ท้าเอาคนฉลาดกลับไทย

หน.พรรคฝ่ายค้าน ประเดิมอภิปรายยุทธการ”เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” พุ่งเป้าโจมตี นายกฯ บริหารผิดพลาด เป็นตัวตลกในต่างแดน ขณะ”บิ๊กตู่” สวนทันควัน ต้องให้เกียรติกัน อย่าใช้อวัยวะข้างเดียวมองรัฐบาล

วันที่ 19 ก.ค.2565 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพี่อไทย(พท.) ผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า เป็นตัวตลกในต่างประเทศ อยู่ในประเทศไม่เคยฟังใคร เก่งอยู่คนเดียว รัฐบาลผิดพลาดในการป้องกันโควิด มีการล็อกดาวน์ ปิดเมืองจนสร้างความเสียหาย รัฐาลนี้เป็นรัฐบาล 608 จงใจปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย เรื่องนี้ถึงศาลแน่นอน สร้างความอัปยศอดสู ก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติ เป็นความผิดที่ร้าย ทำลายหลักการพื้นฐานประชาธิปไตย ชี้นำพรรคการเมืองแก้ไขกฎหมายเลือกตั้ง จากหาร 100 เป็นหาร 500 แม่เป็นวัว มีคนไปผสมพันธุ์ลูกออกมาเป็นควายผู้นำฝ่ายค้านยังอภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ สร้างความพินาศทางการเมือง เรามาช่วยกันเด็ดหัว สอยนั่งร้าน หวังลึกๆว่าเสียงข้างมากจะสร้างปาฏิหาริย์ต่างจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา แม้ไม่ชนะในสภา เสียงในสภาไม่ชนะศรัทธาประชาชนแน่นอน จะถูกสั่งสอนในสนามเลือกตั้ง

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงว่า ในวันที่ถือว่า เป็นโอกาสอันดีอีกครั้งหนึ่ง เป็นห้วงเวลาสำคัญของชาติที่เราจะมาช่วยกันขบคิดและถกแถลง ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพราะวันนี้เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วนที่เป็นฝ่ายข้างนอกก็ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเหมือนกันที่กล่าวมาเมื่อสักครู่ ที่ไปลงคะแนนลงมติกันข้างนอก ตนไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้ ไม่อยู่ในระบบบริหารราชการแผ่นดิน ฉะนั้น อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า เป็นห้วงเวลาสำคัญของชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้มีปัญหามากมาย นพ.ชลน่านก็ทราบดีอยู่แล้ว ก็ตั้งหัวข้อตั้งโจทย์เยอะแยะ แต่ก็ไม่ได้ฟังว่า รัฐบาลเขาทำอะไรไปแล้วบ้าง หรือฟังแต่อาจจะฟังไม่ครบ ฟังไม่หมด หรือฟังโดยใช้อวัยวะข้างเดียว ไม่ได้ฟังสองข้าง ฉะนั้น พูดมาตนก็คงจะพูดได้บ้าง เพราะค่อนข้างจะพูดรุนแรงอยู่เหมือนกัน ฉะนั้น เราจำเป็นต้องละทิ้งทิฐิต่างๆ อคติ หรือแม้กระทั่งผลประโยชน์ส่วนตัวไว้ข้างหลังและนึกถึงผลประโยชน์ส่วนร่วมของคนในชาติเป็นที่ตั้ง ถ้าเรามีความรักความสามัคคีกัน ไม่ขัดแย้งกัน ตนว่าปัญหาที่พูดมาทั้งหมด มันแก้ได้หมดด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน อาทิ กรณีเรื่องโควิด-19 เดี๋ยวทางท่านรองนายกฯก็คงชี้แจงอีกที 2 ปีที่ผ่านมาเราก็ถือว่า ประสบความาสำเร็จในการรับมือสถานการณ์โควิดได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะต่อว่ากลไกในการแก้ปัญหาต่างๆไม่ถูกต้อง แต่หลายประเทศก็ทำ เพราะกลไกของสาธารณสุขก็มีจำกัดในการทำงาน และเราทำได้ถึงวันนี้ได้มันเพราะอะไร เพราะความร่วมมือใช่หรือไม่ การทำงานแบบบูรณาการใช่หรือไม่ ความเสียสละของทุกคนในประเทศนี้ใช่หรือไม่ มองข้างเดียวอย่างที่ตนว่าเมื่อสักครู่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า แล้วเมื่อสักครู่ที่พูดถึง 608 ท่านต้องให้เกียรติ 608 เขาด้วย เขาเป็นบุคคลประชากรที่สูงอายุ เราต้องให้ความสำคัญกับคนเหล่านี้ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ ฉะนั้น ในตลอด 2 ปีที่ผ่านมาก็ได้รับการชื่นชม ยกย่อง และเป็นแบบอย่างในหลายๆอย่างในสิ่งที่เราทำ และข้อสำคัญคือเราสามารถเปิดประเทศได้อย่างยั่งยืน คำว่า ยั่งยืนของเราคือช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่เราเปิดประเทศได้มากขึ้นตามลำดับ ทำให้มีรายได้เข้าประเทศมากขึ้น ระบบเศรษฐกิจดีขึ้น วันนี้ขอให้ทุกคนช่วยกันปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ ต้องใช้หลัก 3 ดี คือ หลักการดี พูดกันด้วยวิชาการและเหตุผล ปราศจากการถูกครอบงำ ข้อมูลดี นำเสนอด้วยหลักฐานความจริง ที่ได้มีการตรวจสอบและกลั่นกรองมาแล้ว และน้ำใจดี มอบความจริงใจต่อกัน เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน ทั้งผู้อภิปราย ผู้ถูกอภิปรายและประธาน ทุกอย่างก็จะราบรื่น

“ผมไม่อาจจะกล่าวอ้างว่า ผมทำได้ดีที่สุด เก่งที่สุด ผมไม่เคยพูดอย่างนั้น ท่านตีความของท่านไปเอง หลายอย่างที่ท่านพูดมาไม่ใช่ข้อเท็จจริง ผมยืนยัน ไม่ใช่ข้อเท็จจริง การจัดอันดับลดลง ท่านไปดูสาเหตุว่าเกิดจากอะไร ตรงไหน อะไรที่มันดีขึ้น อะไรที่มันแย่ลง แย่ลงเพราะอะไร ท่านเป็นบุคลากรทางการแพทย์อยู่แล้วท่านฉลาดกว่าผมอยู่แล้ว โชคดีที่ผมไม่ได้ไปรักษาอะไรกับท่าน เพราะท่านว่าผมว่ามีอาการพิการทางสมอง ผมก็รักษากับท่านไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ให้นพ.ชลน่านลองไปหาสิ่งดีๆ มองด้วยสายตาสองข้าง หูสองหู จะได้เห็นอะไรที่ดีๆบ้าง สรุปแล้วที่นพ.ชลน่านพูดมาทั้งหมดไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด และไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง ตนจำเป็นต้องชี้แจง ดังนั้น ขอให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถ้าแรงมาตนก็อาจจะแรงน้อยกว่า เพราะรู้ว่าต้องการทำให้ตนโมโห ถ้าอยากได้รับเกียรติจากคนอื่นก็ต้องรู้จักให้เกียรติคนอื่น ถ้าโจมตี ให้ร้าย ส่อเสียด ดูแล้วไม่เป็นสุภาพบุรุษ ผมไม่อยากฟังในสภานี้ แต่ผมให้เกียรติสภา ให้เกียรติประธาน และสมาชิกทุกคน ผมจำเป็นต้องชี้แจง เพราะผ่านมาชั่วโมงเต็มๆ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงเลย ผมทราบดีว่าท่านคงชื่นชมหลายคนที่เคยทำงานมาก่อน ว่าดีกว่าผม แต่ไม่เป็นไร ก็เอากลับมาให้ได้ก็แล้วกัน.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password