เปราะบาง!!??

วัดจาก 2 ผลโพลของค่ายนิด้า ในรอบสัปดาห์เศษที่ผ่านมา สะท้อนมุมมองของคนไทย ประหนึ่ง “เสียงประชาชนสะท้อนภาพการเมือง : ยุบสภา แก้รัฐธรรมนูญ และอนาคตอันเปราะบางของรัฐบาลเสียงข้างน้อย”

เสียงของประชาชน! มักเป็นตัวแปรสำคัญที่สะท้อนถึง “ทิศทางการเมือง” ในทุกยุคทุกสมัย ท่ามกลางห้วงเวลา ณ ปัจจุบัน ที่ประเทศไทยกำลังอยู่ในท่ามกลางความผันผวน ทั้งด้าน…การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

โดยจากผลการสำรวจความคิดเห็นของ “นิด้าโพล” ในช่วงต้นเดือนกันยายน 2568 ที่ได้เผยให้เห็นปรากฏการณ์อันน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะเป็นช่วงเวลาที่มีการ “จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย” ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 32

ขณะเดียวกัน สังคมก็ยังถกเถียงถึงประเด็น “การยุบสภา” และ “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ” อย่างเข้มข้น!!!

ผลโพลทั้งสองชุดนี้ จึงเป็นเหมือน “ภาพสะท้อน” ความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อสถานการณ์การเมือง และยังสามารถนำมาตีความเพื่อประเมินอนาคตของรัฐบาลและทิศทางการปฏิรูปการเมืองในระยะต่อไปได้อย่างชัดเจน

ผลโพลชุดแรก จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 4–5 กันยายน 2568 โดยมีหัวข้อว่า “ยุบสภาใน 4 เดือนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ซึ่งเน้น สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อข้อเสนอการยุบสภาภายในระยะเวลา 4 เดือน เพื่อเปิดทางให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ ตัวเลขที่ออกมานั้นน่าสนใจยิ่ง…???

เพราะเกินครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถาม หรือ ร้อยละ 59.24 เห็นว่า…ควรยุบสภาโดยเร็วที่สุด! ไม่จำเป็นต้องรอถึงกรอบเวลา 4 เดือน

ขณะที่ ร้อยละ 27.17 เห็นด้วยกับการยุบสภาภายใน 4 เดือนตามข้อเสนอ

ส่วนอีก ร้อยละ 9.54 กลับมองว่า…ควรปล่อยให้สภาชุดนี้ทำงานจนครบวาระในปี 2570

และมีเพียงส่วนน้อยที่เสนอว่า…ควรยุบภายใน 6 เดือนหรือ 1 ปี

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนอย่างเด่นชัดว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยเร็วที่สุด อาจเนื่องมาจากความไม่พอใจต่อสถานการณ์ทางการเมืองและการขาดเสถียรภาพในกระบวนการบริหารประเทศ

ประเด็นต่อมาที่สำรวจคือ ความต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผลปรากฏว่า…ร้อยละ 37.56 ต้องการอย่างมาก ร้อยละ 21.76 ต้องการค่อนข้างมาก ขณะที่อีก ร้อยละ 28.17  ไม่ต้องการเลย และ ร้อยละ 9.99  ไม่ค่อยต้องการ

ตรงนี้ มันสะท้อนว่า…ความคิดเห็นของประชาชนแตกออกเป็น 2 ฝั่งชัดเจน

แต่หากรวมกลุ่มที่เห็นว่า…ควรแก้ไขในระดับมากและค่อนข้างมากแล้ว จะได้ตัวเลขสูงถึงเกือบร้อยละ 60 ถือเป็นเสียงข้างมากที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปรัฐธรรมนูญในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

นอกจากนี้ เมื่อถามเชิงลึกในกลุ่มที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รวมทั้งสิ้น 777 ตัวอย่าง) พบว่า…สูงถึงร้อยละ 74.39 ต้องการให้แก้ไขแบบรายมาตรา มากกว่าการร่างใหม่ทั้งฉบับที่มีผู้สนับสนุนเพียงร้อยละ 24.71

การเลือกวิธีแก้แบบรายมาตรา! อาจสะท้อนถึงความกังวลของประชาชนที่ไม่ต้องการให้กระบวนการร่างใหม่ทั้งหมด

สิ่งนี้…อาจกลายเป็นข้อถกเถียงใหญ่หรือสร้างความขัดแย้งใหม่ในสังคมไทยก็อาจเป็นได้!!!

ขณะเดียวกัน ผลโพลชุดที่ 2 ซึ่งสำรวจในวันที่ 8–9 กันยายน 2568 ภายใต้หัวข้อ “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ก็ได้ สะท้อนมุมมองของประชาชนต่อสถานการณ์ “รัฐบาลใหม่” ที่เพิ่งเกิดขึ้น โดยมี นายอนุทิน ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี โดยผลการสำรวจพบว่า…

ร้อยละ 35.88 เชื่อว่า…รัฐบาลเสียงข้างน้อยจะไม่มีเสถียรภาพและทำงานด้วยความยากลำบาก เพราะต้องเจรจาต่อรองกับพรรคประชาชนซึ่งเป็นพรรคที่ให้การสนับสนุนตลอดเวลา ร้อยละ 30.31 กลับเห็นว่า…การจัดตั้งรัฐบาลลักษณะนี้คือทางเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน

ตรงนี้ มันได้สะท้อนความเข้าใจของประชาชนบางส่วนว่า…การเมืองไทยอยู่ในสภาพไร้ทางเลือก!!??

ขณะที่ ร้อยละ 23.66 ไม่เห็นด้วยกับการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และ อีก 23.21% เห็นด้วย ตัวเลขที่ใกล้เคียงกันเช่นนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงความแตกแยกในมุมมองของประชาชน! แต่เสียงส่วนใหญ่ยังโน้มเอียงไปทางความกังวลเรื่องเสถียรภาพมากกว่าความมั่นใจ

เมื่อลงลึกในคำถามเรื่อง “อายุรัฐบาลเสียงข้างน้อย” ผลโพลสะท้อนความเชื่อที่น่าสนใจ กล่าวคือ…ร้อยละ 56.26 เชื่อว่า…รัฐบาลจะอยู่ครบ 4 เดือนตามข้อตกลงที่วางไว้ ร้อยละ 27.79 เชื่อว่า…จะอยู่ได้นานกว่า 4 เดือน และ มีเพียง 14.58% ที่คาดว่า…จะอยู่ไม่ถึง 4 เดือน

ทั้งหมด มันได้สะท้อนว่า…ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่ารัฐบาลจะประคับประคองไปได้ตามเงื่อนไข แต่ไม่ใช่เพราะความมั่นคงที่แข็งแรง หากเพราะเป็นข้อตกลงทางการเมืองที่ทุกฝ่ายพยายามรักษาเอาไว้ในระยะสั้นมากกว่า

ในส่วนของการที่ พรรคประชาชน ให้การสนับสนุนนายอนุทิน ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นั้น ผลการสำรวจพบว่า…เสียงของประชาชนแตกออกไปหลายทาง ร้อยละ 30.38 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 23.13 เห็นด้วยมาก แต่ขณะเดียวกัน ร้อยละ 23.36 ไม่เห็นด้วยเลย และร้อยละ 22.67 ไม่ค่อยเห็นด้วย

แสดงให้เห็นว่า…ความชอบธรรมในการได้ตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีชุดนี้ ยังไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสูงนัก!!!

การสนับสนุนจากพรรคประชาชน อาจถูกตีความได้ว่า…เป็นเพียงการจัดตั้งสมดุลทางการเมืองมากกว่าการสร้างฉันทามติของสังคม

ข้อเท็จจริงนี้ยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อได้สอบถามเรื่อง…การที่พรรคประชาชนไม่เข้าร่วมรัฐบาล นั่นเพราะผลสำรวจพบว่า…ร้อยละ 32.98 เห็นด้วยมาก และร้อยละ 23.35 ค่อนข้างเห็นด้วย รวมกันแล้วเกินครึ่งหนึ่งของตัวอย่างสนับสนุนแนวคิดที่ว่าพรรคประชาชนไม่ควรเข้าร่วมรัฐบาล

ดังนั้น การไม่เข้าร่วมในมุมมองของประชาชน อาจเป็นการป้องกันความขัดแย้งและสร้างสมดุลในการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจ!!!

โดยเมื่อพิจารณาผลโพลทั้ง 2 ชุดควบคู่กัน จะเห็นถึง แนวโน้มสำคัญ 3 ประการ

ประการแรก คือ ความต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน!!! ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการรอเวลา พวกเขาต้องการให้เกิดการยุบสภาโดยเร็ว เพื่อเปิดทางให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ถูกมองว่าเป็นรากเหง้าของปัญหาทางการเมือง

ประการที่สอง คือ ความไม่มั่นใจต่อเสถียรภาพของรัฐบาลเสียงข้างน้อย แม้ รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน จะสามารถจัดตั้งขึ้นได้ แต่เสียงสะท้อนจากประชาชนส่วนใหญ่ ก็ยังไม่เชื่อมั่นว่า…รัฐบาลนี้จะสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นหรือยืนยาว

และ ประการที่สาม คือ ความหวังต่อการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ แม้จะยังมีความเห็นต่าง แต่เสียงส่วนใหญ่ยังคงโน้มเอียงไปทางการแก้ไขมากกว่าการคงไว้ตามเดิม และวิธีการที่ได้รับการสนับสนุนคือการแก้ไขแบบรายมาตราที่อาจสร้างความยืดหยุ่นและลดความขัดแย้งได้มากกว่าการเขียนใหม่ทั้งฉบับ

การตีความในเชิงการเมือง!!! จึงนำไปสู่คำถามสำคัญว่า…รัฐบาลเสียงข้างน้อยจะสามารถบริหารประเทศได้อย่างมีเสถียรภาพหรือไม่??? และ แรงกดดันจากประชาชนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลอย่างไรต่อความยั่งยืนของรัฐบาลชุดนี้???

หากรัฐบาลไม่สามารถตอบสนองต่อข้อเรียกร้องให้ “ยุบสภาและแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ได้ตามที่ประชาชนคาดหวัง!!!

ก็มีความเป็นไปได้สูง…ที่จะเกิดกระแสเรียกร้องครั้งใหม่ที่อาจนำไปสู่การเลือกตั้งก่อนกำหนด

นอกจากนี้ การที่ประชาชนจำนวนมากสนับสนุนให้ พรรคประชาชนไม่เข้าร่วมรัฐบาล ยังอาจทำให้การเจรจาทางการเมืองในสภาเต็มไปด้วยแรงกดดันและข้อจำกัด

ผลโพลทั้ง 2 ชุด จึงไม่ใช่เพียงการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง แต่เป็นเหมือนสัญญาณเตือนที่ส่งตรงไปยังผู้มีอำนาจ ว่า…

ความชอบธรรมของรัฐบาลยังไม่แข็งแรงพอ และความต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองยังคงรุนแรงอยู่ในสังคม นั้น

หาก “ผู้มีอำนาจ” เพิกเฉยต่อเสียงสะท้อนนี้ ความเปราะบางของรัฐบาลเสียงข้างน้อยอาจไม่ใช่แค่การวิเคราะห์เชิงทฤษฎี แต่จะกลายเป็นความจริงที่เกิดขึ้นในเวลาไม่นาน นับจากวันนี้เป็นต้นไป!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password