‘ทักษิณ’ เสือติดปีก…ที่ติดจั่น!!?

ต่อเนื่องจากคราวก่อน (2-3 กุมภาพันธ์) ที่ศาลอาญาอนุญาตให้ นายทักษิณ ชินวัตร จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เดินทางออกนอกประเทศได้เป็นครั้งแรก เมื่อคราวที่ไปพบและประชุมร่วมกับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน
และ นายทักษิณ ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน โดยวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน 5 ล้านบาท และต้องกลับมารายงานภายใน 3 วัน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ก็เป็น นายทักษิณ ที่ได้ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เพื่อไปร่วมประชุมอาเซียน ในฐานะ “ที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน” โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ที่ประเทศบรูไน
แน่นอนครั้งนี้ ศาลก็ได้อนุญาตด้วยเงื่อนไขในระดับเดียวกัน และให้มารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ
พิเศษหน่อยก็ตรงที่ ครั้งนี้…นายอันวาร์ ได้มีหนังสือเชิญ ผ่านมาทางสถานทูตมาเลเซีย ก่อนจะถูกส่งต่อมายังกระทรวงต่างประเทศของไทย เพื่อเชิญไปหารือต่อเนื่องจากครั้งก่อน
แน่นอนว่า…แผนกำราบขบวนการคอลเซ็นเตอร์และแก๊งค้ามนุษย์ ที่มี “กลุ่มจีนเทา” อยู่เบื้องหลัง ด้วยการประกาศ “ตัดไฟ ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต และห้ามส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป” ไปยังเมียนมา โดยเฉพาะแนวตะเข็บชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ คือ ผลงานของรัฐบาลไทย ที่มี นายทักษิณ คอยแนะนำผ่านไปยัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
นั่นเพราะเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่ไปตกปากรับคำไว้กับ “ประธานอาเซียน” และเป็นผลงานที่เจ้าตัวจะต้องเอาไปโชว์ต่อที่ประชุมอาเซียน เพื่อเดินหน้าในสเต็ปต่อไป สำหรับแผนกำราบขบวนการคอลเซ็นเตอร์และแก๊งค้ามนุษย์กลุ่มนี้
สัญญาณที่เริ่มเห็นชัดคือ ขบวนการคอลเซ็นเตอร์และแก๊งค้ามนุษย์ ของ “กลุ่มจีนเทา” เริ่มขยับขยายออกนอกเมียนมา และกัมพูชา ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายที่แก๊งฉ้อโกงจะย้ายเข้าไปสิงสู่
รัฐบาลไทย ภายใต้ความร่วมมือของทางการจีนและการสนับสนุนจากนานาชาติ ทั้งในและนอกอาเซียน พยายามจะสานต่อเพื่อสร้างแรงกดดันต่อประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งกัมพูชาและลาว เพื่อสกัดกั้นขบวนการเหล่านี้
กระนั้น ด้วยความที่ ศาลก็คือศาล องค์กรที่จะคงความบริสุทธิยุติธรรมและความซื่อตรงเป็นสำคัญ ดังนั้น การอนุญาตให้ นายทักษิณ เดินทางออกนอกประเทศเป็นการชั่วคราวเมื่อครั้งก่อนและครั้งล่าสุดนี้ ก็อยู่ภายใต้แนวคิดข้างต้น และที่สำคัญ การอนุญาตให้ นายทักษิณ เดินทางออกนอกประเทศได้เป็นการชั่วคราว ส่วนหนึ่ง เป็นเพราะคำขอดังกล่าว อยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่รัฐบาลไทยมีต่อรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน
ต่างไปจาก 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ที่ศาลไม่อนุญาตให้ นายทักษิณ เดินทางออกนอกประเทศเป็นการชั่วคราว สำหรับการเดินทางไปยังกัมพูชาและเวียดนาม เพราะการปฏิเสธคำขอครั้งนั้น เนื่องเพราะเป็นการเดินทางในนามส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
นายฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เชิญไป…ก็ไปในนามส่วนตัว ไม่ใช่แขกของรัฐบาล ขณะเดียวกัน คำเชิญของ กลุ่มนักธุรกิจเวียดนาม ที่แม้จะมีตำแหน่งตำที่ปรึกษาหน่วยงานรัฐ แต่นั่น ก็ไม่ใช่การเชิญในนามของรัฐบาลเวียดนามแต่อย่างใด?
มันสะท้อนว่า…ในความเป็น “เสือติดปีก” ที่ นายทักษิณ สามารถจะได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศได้เป็นการชั่วคราวนั้น ทำได้ก็เฉพาะคำเชิญในนามของรัฐบาลต่างชาติ แต่หากเป็นแค่คำเชิญส่วนตัวแล้ว ล่ะก็
“เสือติดปีกก็ติดจั่นได้” เช่นกัน!!!.