ยื่นเพิ่มรวม 112 บ.รับโอนเงินยานรก ด้านอัยการนัด ส.ว.อุปกิตฟังสั่งคดี 18 พ.ค.นี้
สว.อุปกิต ยื่นรายชื่อเพิ่มรวม 112 บริษัทรับโอนเงินจาก บช.ยาเสพติด ปฏิเสธลั่น! ไม่เอี่ยวค้ายา เตรียมฟ้องเพิ่มพวกเด็กเลี้ยงแกะ ให้ข่าวทำเสื่อมเสีย ขณะที่รอง อธ.อัยการสอบสวน เตรียมสรุปสำนวนเสนอ อสส.ให้เสร็จในเดือนนี้ นัด สว.คนดัง มาฟังการสั่งคดีอีกครั้ง 18 พ.ค.66
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 20 เม.ย.2566 ที่ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารถนนบรมราชชนนี, นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธนัท แสงอรุณ ทนายความและที่ปรึกษาทางกฎหมาย เดินทางเข้าพบคณะทำงานสอบสวน และพนักงานอัยการ หลังได้มอบหมายให้ทนายความยื่นหนังสือแจ้งขอเลื่อนเข้ารายงานตัวเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา
นายอุปกิต ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ตนมารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนทั้งฝ่ายตำรวจและพนักงานอัยการ เนื่องจากจริงๆ แล้ว กำหนดการเดิมคือ วันที่ 18 เม.ย. แต่ติดภารกิจจึงเลื่อนมาเป็นวันนี้ (20) แทน นอกจากนี้ ยังได้นำข้อมูลให้การเพิ่มเติม โดยจากเดิมเคยยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นรายชื่อบริษัทกว่า 80 แห่ง แต่ตอนนี้พบว่ามีอีก 26 บริษัทรวมเป็น 112 บริษัท และตนต้องขอขอบคุณที่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งบริษัทเหล่านี้ ได้ทำธุรกิจอยู่ในประเทศเมียนมาเช่นเดียวกับ บริษัท อัลลัวร์กรุ๊ป โดยเป็นการโอนเงินผ่านเอ็มซี และไม่ทราบได้ว่าเอ็มซีใช้บัญชีใดโอนไป ซึ่งมันต่างจากบริษัท อัลลัวร์กรุ๊ป เพราะทางบริษัทอัลลัวร์ เอ็มซีจะโอนไปที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตามใบเสร็จ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่บริษัท 112 แห่งนี้ โอนเงินจากบัญชียาเสพติดตรงเข้าบริษัท
“ตรงนี้เราคิดว่าเพื่อความเสมอภาค เพื่อความเป็นธรรม เพื่อให้กฎหมายไม่เลือกปฏิบัติ จะต้องไม่ใช่การดำเนินคดีแค่บริษัท อัลลัวร์ ถ้าให้เป็นธรรมต้องไปสอบสวนทั้ง 112 บริษัท อย่างไรก็ตาม ตนขอฝากไปถึงผู้อภิปรายที่ทำให้ตนเสียหายเป็นอย่างมาก ที่กล่าวพาดพิงว่าตนไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งตนไม่เกี่ยวข้องเลย จะเห็นได้ว่าที่เขาเอามาอภิปราย เป็นการคุยกันระหว่างตนกับทุนมินหลัต ที่ผ่านมานานกว่า 10 ปี และเป็นการคุยธุรกิจ ไม่มีคุยเกี่ยวกับยาเสพติด” ส.ว.อุปกิต ระบุและย้ำว่า
บริษัท อัลลัวร์กรุ๊ป (พีแอนด์อี) โอนเงินเข้า กฟภ. ไม่เกี่ยวกับยาเสพติด และตนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทนี้ ไม่ได้เป็นกรรมการไม่ได้ร่วมกิจกรรมอะไรกับทางบริษัททั้งสิ้น ดังนั้น การที่มีคนมาปรักปรำตนเรื่องยาเสพติด ตนจะขอดำเนินคดีถึงที่สุด โดยเฉพาะพวกเด็กเลี้ยงแกะ อีกทั้งที่สำนักงานการสอบสวนที่นี่ จากครั้งสุดท้ายได้กล่าวหาตนเพียง 2 ข้อหา แต่ไม่มีเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเลย และในวันนี้ ตนเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม จากนั้นทางอัยการจะนัดหมายเพื่อฟังการสั่งคดีต่อไป
นายอุปกิต กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ที่ตนได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับทางอัยการสูงสุดไปก่อนหน้านี้ เพียงเพื่อต้องการชี้ให้เห็นว่าผู้ดำเนินธุรกิจในประเทศเมียนมา ช่วงที่ด่านปิดจะต้องโอนเงินผ่านเอ็มซี ดังนั้น ถ้าบริษัทเหล่านี้ ทั้ง 112 แห่งไม่ผิด บริษัทอัลลัวร์กรุ๊ปก็ไม่ควรผิด ต้องไม่เลือกปฏิบัติ บริษัทอัลลัวร์ จะถูกดำเนินคดีอยู่บริษัทเดียวไม่ถูกต้อง เพราะบริษัทอื่นๆตนไม่เห็นมีการออกหมายเรียก ไม่ถูกตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การยื่นรายชื่อทั้ง 112 บริษัท แห่งเป็นการประวิงเวลาคดีหรือไม่ นายอุปกิต ชี้แจงว่า ตนไม่ต้องการประวิงเวลาอะไร เพราะไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ทางพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมความผิดและความบริสุทธิ์ ซึ่งการยื่นรายชื่อบริษัทเหล่านั้นเป็นสิทธิ์ของเรา ส่วนบริษัททั้งหมดนี้ ล้วนเป็นบริษัทใหญ่ ประกอบการค้านานาชนิด ทั้งบริษัทที่ขายของปลีก วัสดุก่อสร้าง เครื่องดื่ม เหล็ก เป็นต้น และบริษัทเหล่านี้ล้วนโอนเงินจากบัญชียาเสพติดทั้งสิ้น ซึ่งตนไม่หวาดหวั่นกับการยื่นรายชื่อบริษัท เพราะเป็นรายชื่อที่ตนได้ไปคัดเอกสารมาจากศาล คัดมาอย่างถูกต้องซึ่งเป็นสิทธิ์ของเรา
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท ได้เซ็นรับทราบทุกหน้า และยังแปลเอกสารผิด โดยตั้งใจที่จะทำให้ตนเสียหาย จนศาลออกหมายจับได้ในคราวนั้น แต่จริงๆ ต้องขอออกหมายเรียกก่อน และตามกระบวนการก็ผิดมาตลอด เพราะผู้บังคับบัญชาไม่รับทราบ และทางศาลก็ไม่ได้แจ้งผู้พิพากษาว่าผู้ถูกออกหมายจับเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งการที่มีกฎระเบียบเหล่านี้ ก็เพื่อไม่ให้เป็นการกลั่นแกล้ง ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า จะฟ้องคนอื่นเพิ่มเติมแน่นอนในส่วนของคนที่ใส่ร้ายปรักปรำตนในเรื่องยาเสพติด ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
อีกด้านหนึ่ง นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการการสอบสวน ในฐานะ หัวหน้าคณะทำงานอัยการร่วมสอบสวน ที่อัยการสูงสุดได้ตั้งขึ้นในการพิจารณาคดีนี้ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ส.ว.อุปกิต ได้ขอเลื่อนนัดรายงานตัว จากวันที่ 18 เม.ย. มาเป็นวันนี้ และนำเอกสารยื่นร้องขอความเป็นธรรมเพิ่มเติม โดยขอให้คณะทำงาน ตรวจสอบเส้นทางจากบัญชีโอนเงิน ที่ใช้ดำเนินคดีบริษัทอัลลัวร์ พีแอนด์อี อีก 26 บริษัท รวมเป็น 112 บริษัท โดยคณะพนักงานสอบสวนได้รับไว้พิจารณา และในเบื้องต้นมีการตรวจสอบไปแล้ว 10 บริษัท โดยหลังจากนี้ คณะทำงานได้นัดหมายนายอุปกิต มาฟังคำสั่งคดีอีกครั้งวันที่ 18 พ.ค นี้ โดยจะเร่งทำสำนวนแล้วเสร็จ ภายในเดือนเม.ย.นี้ เพื่อเสนออัยการสูงสุดพิจารณา ว่าจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป.