สว.ไม่ตกขบวน! “สรชาติ” ฝั่ง สว.158 ชวนสมาชิก 10 คน ยื่นญัตติเสนอจัดตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ อิงข้อมูลด้านความสำเร็จของต่างชาติ ยันร่างกฎหมายนี้ละเอียดอ่อนต้องศึกษาต่อยอดให้รอบด้าน พร้อมเสนอเอกชนสนใจลงทุนต้องมีทุนจดทะเบียน 1 หมื่นล้านบาท

นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สมาชิกวุฒิสภา 158 กล่าวว่า ได้เสนอญัตติตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ( Entertainmemt complex) พร้อมกับ สมาชิกวุฒิสภารวม 10 คน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ 180 วันในการศึกษาการเปิด Entertainmemt complex คู่ขนานไปกับ สภาผู้แทนราษฎร ที่ได้เสนอจัดตั้งคณะกรรมาธิการฯไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากอุตสหากรรมบันเทิงเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ โดยมีตัวอย่างความสำเร็จจากต่างประเทศ เช่น มาเก๊า สาสเวกัส  สิงคโปร์ กัมพูชา อีกทั้ง ประเทศไทยเอง ก็ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและได้รับความนิยมระดับโลก  

“ในส่วน สว. จึงเสนอจัดตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษา เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ วุฒิสภา เพื่อศึกษาและทำงานต่อยอดจากผลศึกษาของสภาผู้แทนราษฎรและกระทรวงการคลัง ถึงแนวทางในการจัดตั้ง ผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ ที่อาจเกิดขึ้นในสังคม ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรของรัฐบาล ถือเป็นกฎหมายมีความละเอียดอ่อนต่อสังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงยังต้องพิจารณาในอีกหลายประเด็นที่สำคัญ” นายสรชาติ กล่าว พร้อมกับเสนอให้การลงทุนของภาคเอกชนที่สนใจจะขอยื่นใบอนุญาติเพื่อการลงทุน ต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท

ปัจจุบันสถานบันเทิงครบวงจรใหญ่ที่สุดในโลก คือ มาเก๊า ประชากร 6.9 แสนคน มีรายได้จากสถานบันเทิงครบวงจร 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาคือ ลาสเวกัส รายได้ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สิงคโปร์ รายได้ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ  ดังนั้น เมื่อสถานบันเทิงครบวงจรที่มีคาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย จึงถือ เป็นสถานที่ที่มีองค์ประกอบจำนวนมาก เนื่องจากยังเป็นที่ตั้งของโรงแรม ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ธนาคาร สวนสนุก สนามกีฬา สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ จึงจำเป็นจะต้องพิจารณาสัดส่วนของคาสิโนให้มีความเหมาะสม อีกทั้งทำเลที่ตั้งก็จะต้องเหมาะสมและอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว ทาง สว.จึงต้องศึกษาองค์ประกอบเพิ่มเติมอีกหลายด้าน ทั้งโครงสร้างธุรกิจ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ต่อไป.