รวบ ‘บัญชีม้า’ เครือข่ายสแกมฯ โกง 18 คดี เสียหาย 30 ล.

ตำรวจสอบสวนกลางตามรวบชายวัย 20 ผู้เปิดบัญชีม้าโยงขบวนการสแกมหลอกลงทุนหลายรูปแบบ พบเชื่อมโยงคดีฉ้อโกงทั่วประเทศ 18 คดี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 30 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. และชุดสืบสวน กก.4 บก.ป. เข้าจับกุม นายกฤษณะ อายุ 20 ปี ตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ที่ 71/2568 ข้อหา “นำข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบโดยทุจริต” และ “ร่วมกันฉ้อโกง” หลังถูกตรวจพบว่า ใช้บัญชีธนาคารของตนเป็น บัญชีม้า เพื่อรับเงินจากเหยื่อในหลายคดี
เจ้าหน้าที่ติดตามตัวผู้ต้องหามาพบในพื้นที่หน้าแคมป์ก่อสร้าง หมู่ 2 ตำบลหันสัง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงแสดงหมายจับให้อ่านต่อหน้า ผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกดำเนินคดีตามหมายนี้มาก่อน ก่อนถูกควบคุมตัวไปทำบันทึกจับกุมที่ สภ.บางปะหัน และเตรียมส่งต่อให้พนักงานสอบสวน สน.บางรักดำเนินคดี
จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบแจ้งความออนไลน์ พบว่า บัญชีธนาคารของนายกฤษณะถูกใช้เป็นบัญชีม้าใน 18 คดีทั่วประเทศ รวมความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท โดยมีลักษณะหลอกลวงหลายรูปแบบ เช่น
- หลอกลงทุนผ่านไลน์และเว็บเทรดปลอมจนเหยื่อสูญเงินหลายสิบล้าน
- อ้างตัวเป็นผู้ค้าสินค้าออนไลน์ ให้เหยื่อโอนเงินลงทุนแล้วปิดช่องทางติดต่อ
- หลอกลงทุนเหรียญดิจิทัลผ่านเว็บไซต์ปลอม “tidex-otc.com”
- ใช้เฟซบุ๊กสร้างความไว้ใจ ก่อนชวนร่วมลงทุนแล้วเชิดเงินหนี
หลังถูกจับกุม ผู้ต้องหาอ้างในชั้นสอบสวน ว่า ถูกหลอกไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน และถูกบังคับให้เปิดบัญชีธนาคารกว่า 6–7 บัญชีเพื่อใช้ในขบวนการสแกมเมอร์ โดยอ้างว่าหวาดกลัวเพราะเห็นผู้อื่นถูกทำร้าย จึงยอมทำตามคำสั่งของกลุ่มมิจฉาชีพ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เตรียมสอบสวนขยายผลหาความเชื่อมโยงกับเครือข่ายที่อยู่เบื้องหลัง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าตำรวจ ย้ำเตือนว่า การเปิดบัญชีให้ผู้อื่นใช้งานมีความผิดตามกฎหมาย
- เจ้าของบัญชีมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ผู้จัดหา ซื้อขาย ให้เช่า หรือให้ยืมบัญชีธนาคาร บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือซิมโทรศัพท์ มีโทษจำคุก 2–5 ปี หรือปรับ 200,000–500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เจ้าหน้าที่ ระบุว่า การเผยแพร่คดีนี้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ให้ประชาชนรู้เท่าทันกลโกง รวมถึงป้องกันเหตุซ้ำ ขณะเดียวกันย้ำว่า ผู้ต้องหายังถือเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด.






