ประธานส.อ.ท. ห่วง”เงินเฟ้อ” ทำศก.พัง ชงภาครัฐ ต่อมาตรการ”ลดภาษีสรรพสามิต -ขยายคนละครึ่ง”

ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ ห่วงภาวะเงินเฟ้อ กระทบเศรษฐกิจไทย เสนอภาครัฐต่อมาตรการลดภาษีสรรพสามิตร ต่อไปอีก3เดือน และขยายโครงการคนละครึ่งเฟส5 กระตุ้นกำลังซื้อให้ปชช.

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)ในเดือน พ.ค.2565 นี้ จะมีการหารือถึงภาพรวมภาวะอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง จากระดับราคาน้ำมันและราคาสินค้าที่สูงขึ้นซึ่งจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของไทยในระยะต่อไปโดยเฉพาะแรงซื้อต่อประชาชน ดังนั้นจึงเห็นว่าภาครัฐบาลจำเป็นต้องหามาตรการในการช่วยเหลือและดูแลผลกระทบไว้รองรับทั้งระยะสั้นและยาว

ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้ สต๊อกสินค้าที่ปกติจะมีการเก็บไว้ราว 3-6 เดือน ซึ่งเป็นต้นทุนเดิมได้เริ่มหมดลงแล้ว ขณะที่สต๊อกสินค้าใหม่ ที่เข้ามากลายเป็นสินค้าที่เป็นต้นทุนใหม่ที่ได้รับผลกระทบทั้งจากวัตถุดิบและราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจากผลกระทบการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ขณะนี้ยังคงยืดเยื้อจึงทำให้ราคาสินค้าต่างๆ จะทยอยปรับขึ้นในเดือนพ.ค.นี้

“ราคาสินค้าแนวโน้มจะปรับขึ้นในเดือนพ.ค.นี้ แต่จะขึ้นมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับแต่ละอุตสาหกรรม และภาวะตลาดหรือแรงซื้อเป็นสำคัญ เราจึงมองว่าหากดีเซลจะขยับก็ขออย่าขยับแรงจนช็อกขอให้ขึ้นเป็นขั้นบันไดโดยเฉพาะขอให้ต่อมาตรการลดภาษีสรรพสามิตที่รัฐลดให้ 3 บาทต่อลิตร ซึ่งจะสิ้นสุด 20 พ.ค.นี้ ออกไปอีก 3 เดือน เพื่อไม่ให้ซ้ำเติมดีเซลที่จะขึ้นจากการลดการอุดหนุนของกองทุนน้ำมันฯ” นายเกรียงไกร กล่าว

สำหรับการประชุม กกร.ในส่วนของส.อ.ท.จะเสนอที่ประชุมให้พิจารณาเรื่องมาตรการลดค่าครองชีพ ลดเงินเฟ้อ นอกจากนี้จะเสนอภาครัฐขยายโครงการคนละครึ่งเฟส 5 เพราะเป็นมาตรการที่กระตุ้นกำลังซื้อประชาชนได้มากที่สุด

นายเกรียงไกร กล่าวว่า สำหรับการปรับขึ้นค่าแรงที่ขณะนี้ ภาครัฐอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาที่คาดว่าจะมีการพิจารณาได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในเดือนส.ค.-ก.ย.นี้ เนื่องจากหากมองในแง่รายจ่ายของประชาชนแล้วไม่เพียงพอกับรายได้ในปัจจุบันจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ดังนั้นจึงขอให้การพิจารณาเป็นเวทีของคณะกรรมการค่าจ้างที่เป็นไตรภาคี โดยให้เป็นการพิจารณาตามข้อเท็จจริงอย่าใช้การเมืองมาดำเนินการเพื่อปรับขึ้น “ภาคอุตสาหกรรมเข้าใจในภาวะเช่นนี้และไม่ได้คัดค้านหากจะปรับขึ้นแต่อย่าใช้การเมืองมาเป็นตัวตัดสิน ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงในหลายๆ ด้านทั้ง เงินเฟ้อ ความสามารถการแข่งขันของเอกชนโดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ” นายเกรียงไกร กล่าว.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password