คลังโอนเงินหมื่นรอบจ่ายเงินซ้ำ #1 แล้ว ที่เหลือ 4 หมื่นราย รีบสมัครพร้อมเพย์ผูกเงินฝากกับเลขบัตรประชาชนด่วน!

“โฆษกคลัง” แจงความคืบหน้าการจ่ายเงิน 10,000 บาท ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ รอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 1 เมื่อ 28 ก.พ.2568 โอนสำเร็จ 158,712 ราย ที่เหลือ 41,207 ราย ยังโอนไม่สำเร็จ ให้รีบลงทะเบียนสมัครพร้อมเพย์ผูกบัญชีเงินฝากกับเลขบัตรประชาชน เผย! จะจ่ายเงินซ้ำอีก 2 ครั้ง หากพ้นกำหนดจะยุติจ่ายเงินทันที
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้า การจ่ายเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ (โครงการฯ) ซึ่งมี กลุ่มเป้าหมายจำนวน 3,025,596 ราย ว่า กระทรวงการคลัง โดย กรมบัญชีกลางได้จ่ายเงิน 10,000 บาท ต่อราย ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 แล้ว จำนวน 3,025,596 ราย โดยมีผลการโอนเงินแบ่งเป็น โอนเงินสำเร็จจำนวน 2,825,076 ราย (หรือคิดเป็นร้อยละ 93.37) โอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 200,520 ราย (หรือคิดเป็นร้อยละ 6.63)
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 กรมบัญชีกลางได้สั่งจ่ายเงินในรอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 1 ให้แก่กลุ่มเป้าหมายจำนวน 199,919 ราย (หักผู้ถูกระงับสิทธิเนื่องจากเสียชีวิต) โดยผลการโอนเงินแบ่งเป็น โอนเงินสำเร็จจำนวน 158,712 ราย และโอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 41,207 ราย สำหรับสาเหตุที่โอนเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายไม่สำเร็จ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ จำนวน 39,761 ราย (ร้อยละ 96.49 ของจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่โอนเงินไม่สำเร็จ) ยังไม่ลงทะเบียนสมัครพร้อมเพย์เพื่อผูกบัญชีเงินฝากกับเลขประจำตัวประชาชน และสาเหตุอื่น ๆ จำนวน 1,446 ราย (ร้อยละ 3.51 ของจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่โอนเงินไม่สำเร็จ) ได้แก่ บัญชีธนาคารไม่เคลื่อนไหว บัญชีธนาคารถูกปิด เลขที่บัญชีไม่ถูกต้องหรือบัญชีธนาคารติดเงื่อนไข และไม่มีบัญชีธนาคาร
โฆษกกระทรวงการคลัง ขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า กระทรวงการคลังจะมีการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) อีกจำนวน 2 ครั้งเท่านั้น จึงขอให้ประชาชนผู้ได้รับสิทธิเข้าไปตรวจสอบผลการจ่ายเงินผ่านทางแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” โดยหากปรากฏผลว่า โอนเงินไม่สำเร็จ ให้ประชาชนเร่งติดต่อธนาคารเพื่อดำเนินการผูกพร้อมเพย์กับบัญชีเงินฝากด้วยเลขประจำตัวประชาชน ส่วนประชาชนที่เคยผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนแล้วให้ติดต่อธนาคารเพื่อตรวจสอบบัญชีดังกล่าวว่ามีปัญหาใด เช่น บัญชีธนาคารถูกปิด บัญชีธนาคารติดเงื่อนไข บัญชีธนาคารไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน เป็นต้น และขอแก้ไขตามแต่ละกรณี โดยอาจจำเป็นต้องผูกพร้อมเพย์กับบัญชีใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าพร้อมรับเงินในรอบถัดไป ดังนี้

ทั้งนี้ เมื่อพ้นกำหนดการจ่ายเงินซ้ำ ครั้งที่ 3 แล้ว กระทรวงการคลังจะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ
โฆษกกระทรวงการคลัง ย้ำว่า สำหรับผู้มีสิทธิอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นบุคคลล้มละลายสามารถขอรับเงินตามโครงการฯ ได้ โดยต้องไปกรอกแบบฟอร์มขออนุญาตเปิด/ใช้บัญชีเพื่อรับเงินตามโครงการฯ โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของกรมบังคับคดี และจัดส่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการ ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะดำเนินการกรอกแบบฟอร์มถึงธนาคาร เพื่อขอให้ธนาคารเปิดบัญชีให้บุคคลล้มละลาย หรือยกเลิกการอายัดบัญชีของบุคคลล้มละลาย เพื่อรับเงินตามโครงการฯ
“ขณะนี้ภาครัฐได้จ่ายเงิน 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเป้าหมายแล้วรวมทั้งสิ้น 2,983,788 ราย ทำให้มีเม็ดเงินจากโครงการฯ หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 29,837.88 ล้านบาท ขอให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับเงินส่วนนี้แล้ว วางแผนการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าและให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและครอบครัวต่อไป” โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าว
สำหรับช่องทางการสอบถามข้อมูล
1. ช่องทางหลักในการตรวจสอบสิทธิ และผลการได้รับเงินในโครงการฯ แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”
2. เว็บเพจรวบรวมข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์ของโครงการฯ เว็บไซต์กระทรวงการคลัง www.mof.go.th แบนเนอร์โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ (https://mof.go.th/th/detail/2024-12-27-15-36-42/2024-12-27-15-42-50)
3. Call Center สำหรับสอบถามข้อมูลทั่วไปของโครงการฯ ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน สายด่วน 1111.