นายกฯลั่น! ไม่ปล่อยมือปม ‘สตง.ถล่ม’ – DSI สั่งสอบ 51 วิศวกร โยงก่อสร้างตึกเหยื่อแผ่นดินไหว

นายกฯแพทองธาร เกาะติดผลการตรวจสอบตึก สตง. ถล่ม! นัด “สตช. – ดีเอสไอ” เข้ารายงาน ยืนยัน! รัฐบาลจะไม่ปล่อยมือ พร้อมเดินหน้าเต็มที่ ยึดความโปร่งใสและยุติธรรม ย้ำ! ผู้กระทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน ด้าน “โฆษกดีเอสไอ” แจงเอกสารตรวจยึดหลังค้น 4 บริษัท พบรายชื่อวิศวกร 51 คน ประสาน “กรมโยธาฯ” ตรวจสอบข้อมูลขยายผลคดี

วันนี้ (18 เม.ย.2568) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าร่วมประชุมและรับฟังรายงานผลการตรวจสอบอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก่อนจะย้ำตอนหนึ่งว่า “รัฐบาลจะทำงานอย่างไม่ปล่อยมือ ทุกหลักฐานจะถูกพิจารณาอย่างละเอียด และนำไปใช้ดำเนินคดีอย่างยุติธรรมโปร่งใสแน่นอน”
โดยที่ประชุมฯได้มีการรายงานถึงบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน ดังนี้

1. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ – ตรวจสอบสาเหตุการถล่ม ซึ่งเป็น ความประมาททางอาญา เพื่อหาผู้ที่ต้องรับผิดชอบ ตั้งแต่การจัดซื้อจัดจ้าง เอกสาร/สัญญา การแก้ไขแบบงานโครงสร้าง กระบวนการตรวจรับงาน วัสดุที่ใช้ และอื่นๆ
2. DSI – ตรวจสอบ 3 เรื่องหลัก คือ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (นอมินี), การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ(การฮั้วประมูล) และ การควบคุมมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า เอกสารทั้งหมดนี้ค่อนข้างชัดเจน พร้อมขอให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งส่งเอกสารที่ยังขาดอยู่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบ เพื่อให้สามารถดำเนินคดีได้โดยเร็ว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ติดตามความคืบหน้าการเคลียร์ซากตึกในพื้นที่ประสบสาธารณภัย และการพิสูจน์ทราบผู้เสียชีวิต รวมถึงการแจ้งรายงานไปยังครอบครัว โดยได้เชิญ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร เข้ามาอัพเดทการทำงาน และสอบถามการอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมจากรัฐบาล โดยเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนร่วมกันทำงาน อำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
“ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อทุกครอบครัวที่สูญเสีย พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครจากทุกหน่วยงาน ที่เสียสละเข้ามาทำงานหน้าที่ครั้งนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลจะดำเนินงานทุกอย่างอย่างเต็มที่ โปร่งใส ยุติธรรม และผู้กระทำความผิดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแน่นอน” นายกรัฐมนตรี ย้ำ

อีกด้านหนึ่ง วันเดียวกันก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 11.30 น. ณ กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) ชั้น 7 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคารเอ) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะ “โฆษกดีเอสไอ” เปิดเผย ผลการตรวจค้น 4 บริษัท ยึดหลักฐานโครงการก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับอาคาร สตง. ว่า เจ้าหน้าที่สามารถยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และฮาร์ดดิสก์ และเอกสารต่างๆ เพื่อมาตรวจสอบ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับตัวนายบินลิง วู ที่ดีเอสไอมีเหตุต้องสงสัยว่าอาจมีพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับบริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ จึงได้เข้าตรวจค้น ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนรวมถึงเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการฯ อยู่ระหว่างพิจารณาและตรวจสอบพยานหลักฐานดังกล่าว
ทั้งนี้ เบื้องต้นจากการตรวจสอบเอกสารพบรายชื่อวิศวกร 51 คน โดยในจำนวนนี้มี นายสมเกียรติ ชูแสงสุข และ นายชัยฤทธิ์ ที่เข้ามาแสดงตัวแล้ว โดยวันนี้ นายชัยฤทธิ์ ก็เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างการสอบปากคำ ซึ่งในรายละเอียดยังไม่ทราบว่ามีการแอบอ้างชื่อหรือปลอมลายเซ็นด้วยหรือไม่ แต่มีประเด็นถูกพาไปถ่ายรูปควบคุมงานระหว่างก่อสร้าง สตง.

พ.ต.ต.วรณัน ยังกล่าวอีกว่า ส่วนวิศวกรที่จะเดินทางมาพบอีก 2 รายที่ดีเอสไอเชิญ ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ยืนยันว่าวิศวกรและผู้เกี่ยวข้องทุกคนจะต้องเรียกมาสอบปากคำทั้งหมด เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่ามีการควบคุมงานจริงหรือไม่ มีใครเป็นวิศวกรในโครงการนี้จริงบ้าง แล้วจึงจะขยายผลไปได้ว่ามีการปลอมลายเซ็นหรือไม่ กระบวนการทำงานถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ กรณีของ นายพิมล เจริญยิ่ง อายุ 85 ปีที่ปรากฏรายชื่อว่าเป็นผู้ออกแบบอาคาร สตง.นั้น พนักงานสอบสวนได้ไปพบตัวแล้ว และเจ้าตัวมีอาการป่วยจริงๆ โดยเจ้าตัวยังได้ขอเวลาในการเตรียมเอกสารมาให้การ คาดว่าจะเป็นช่วงสัปดาห์หน้า

“ยืนยันว่าผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริษัท อิตาเลี่ยนไทยฯ ที่เลื่อนเข้าพบดีเอสไอ หรือตัวนายปฏิวัติ ศิริไทย ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด โดยพนักงานสอบสวนได้ทำตารางนัดหมายพยานไว้เรียบร้อยแล้ว หรือหากตำรวจ สน.บางซื่อ มีการเรียกสอบปากคำนายปฏิวัติในวันที่ 21 เม.ย.นี้ ดีเอสไอก็อาจไปสอบปากคำด้วยก็ได้” “โฆษก ดีเอสไอ” ระบุ
สำหรับ ภาพรวมคดีที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ นั้น คดีนอมินีขณะนี้คืบหน้าไปกว่า 50% แล้ว หลังจากนี้ เป็นกระบวนการพิจารณาว่าหลักฐานพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลใดหรือไม่ เพราะเป็นคดีหลักคดีแรกที่ดีเอสไอรับผิดชอบ ส่วนขยายผลรับเพิ่มคดีฮั้วประมูล ซึ่งองค์ประกอบความผิดหลายเรื่อง เช่น การแข่งขันราคาไม่เป็นธรรมโดยใช้กลอุบายไปฟันราคา เพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาแล้วไปลดค่างานหรือการดำเนินการอย่างอื่นเพื่อลดค่าใช้จ่าย ก็เข้าข้อกฎหมายนี้ได้เหมือนกัน และการเรียกสอบวิศวกรผู้คุมงาน ก็เป็นการสืบสวนในคดีฮั้วประมูลนี้
“ดีเอสไอไม่ได้รู้สึกเป็นกังวล แม้จะมีกระแสข่าวว่าคนที่แก้ไขแบบอาคาร สตง. มีความเกี่ยวกับกับผู้หลักผู้ใหญ่ใน สตง. โดยบอกว่าเรื่องนี้สปอตไลต์ของสังคมค่อนข้างเยอะ ไม่น่าจะมีปัญหา และดีเอสไอรับคดีขนาดใหญ่ ทำงานเป็นรูปแบบคณะกรรมการ เรื่องนี้จึงไม่เป็นประเด็น” พ.ต.ต.วรณัน ย้ำ.