รัฐไทย…ไปให้สุด! กำหราบแก็งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ
ภัยออนไลน์…อันตรายจากไซเบอร์ กลายเป็น “หัวข้อสุดร้อน” ที่คนทั่วโลก โดยเฉพาะใน ซีกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ต้องให้ความสนใจและให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาโดยเร็วเป็นพิเศษ
นาทีนี้…แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และพวกสแกมเมอร์ ที่มักใช้สารพัดวิธีการหลอกลวงผ่านทางอินเทอร์เน็ต หวังหาประโยชน์จากเหยื่อเป้าหมาย ต่างเปิดปฏิบัติการ “รุกหนัก!” ถึงขั้นงัดทุกกลเม็ดเพื่อลวงหลอกผู้คนจากหลายเชื้อชาติ ไปทำการลวงหลอกผู้คนในชาติเดียวกัน
แก๊งจีนหลอกคนจีน แต่ประเทศไทยซวย เพราะถูกป้ายสีให้เป็น “สวรรค์ของภัยออนไลน์”
แม้แต่…นายกฯแพทองธาร ชินวัตร รองนายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล แม้กระทั่ง นายตำรวจใหญ่ ระดับ “อดีต ผบ.ตร.” ต่างก็โดนแก๊งสแกมเมอร์ โทร.หาก ด้วยกันทั้งนั้น
ประสาอะไรกับคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำ!
ล่าสุด ประเด็นการตัดไฟ ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต ที่ส่งผ่านจากไทยไปยังประเทศข้างบ้าน โดยเฉพาะในพื้นที่ของกองกำลังชนกลุ่มน้อย ที่ส่วนใหญ่ก็มีเอี่ยวกับขบวนการคอลเซอร์เตอร์ทั้งหลาย
แทบจะไม่มีผลในเชิงปฏิบัติงานได้จริง!
เพราะยังมีขบวนการแอบเชื่อมและส่งต่อ ทั้งระบบไฟฟ้าและสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปให้ ผ่านช่องทางอื่นๆ ที่ทางการไทย โดยที่เจ้าของพื้นที่ ก็ไม่รู้ไม่เห็น?
ตัวแทน/เครือข่ายของนักธุรกิจสีเทา/ดำ และกองกำลังชนกลุ่มน้อย ยังคงประสานกับฝั่งไทว เพื่อคอยหาไฟ หาสัญญาณอินเตอร์เน็ต มาบำเรอธุรกิจสีเทา/ดำ แลกกับผลประโยชน์ที่ใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและจัดซื้ออาวุธสงครามมาใช้ในพื้นที่
วินวินทั้ง 2 ฝ่าย แต่เหยื่อผู้เสียหายและประเทศไทย มีแต่เสียกับหาย!
ล่าสุด ก่อนเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 มกราคม 2568 ณ โรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ, นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมและเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 (The 5th ASEAN Digital Minister’s Meeting: ADGMIN)
โดย นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำถึง บทบาทสำคัญ 3 ประการในการกำหนดอนาคตดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน กล่าวคือ…
1. การต่อสู้กับการหลอกลวงทางออนไลน์ นายกรัฐมนตรีเห็นว่า การหลอกลวงทางออนไลน์หรือ “Online Scams” กำลังเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อประชาชน และการแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระดับภูมิภาค เพื่อสร้างความปลอดภัยในโลกดิจิทัล และเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชน
2. ความท้าทายในการจัดการกับข้อมูลเท็จ ปัญหาเรื่องข่าวปลอมและการบิดเบือนข้อมูล เป็นปัญหาที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของสังคม โดยนายกรัฐมนตรีเสนอให้อาเซียนพัฒนากลไกที่เข้มแข็งในการตรวจสอบและควบคุมข้อมูลออนไลน์ พร้อมให้ความสำคัญของการเสริมสร้างความรู้เท่าทันดิจิทัลแก่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ
3. การใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ (AI) นายกรัฐมนตรีขอให้ใช้เทคโนโลยี AI อย่างครอบคลุมและมีความรับผิดชอบ โดยประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับโลกว่าด้วยธรรมาภิบาลของ AI (Global Forum on the Ethics of AI) ร่วมกับองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization: UNESCO) ในเดือนมิถุนายนนี้ และเชิญชวนผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
“การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดของอาเซียน สามารถเปลี่ยนวิกฤตต่าง ๆ ให้กลายเป็นโอกาส และสร้างการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง พร้อมหวังว่าการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 ครั้งนี้จะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม” นายกรัฐมนตรี ระบุ
ขณะที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องอาชญากรรมทางออนไลน์ ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะขยายผลและพูดคุยในเรื่องดังกล่าวอีก เนื่องจากมีรัฐมนตรีด้านดิจิทัลหลายประเทศเข้าร่วม และคู่เจรจาที่เป็นเจ้าหน้าที่อาวุโส ร่วมในวงเจรจาในหลายหัวข้อ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลพื้นฐานด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีด้านดิจิทัล ตอบสนองภัยคุกคามทางไซเบอร์ และพูดถึงเรื่อง AI พูดถึงการให้ประชาคมอาเซียนเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างเท่าเทียม รวมถึงการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เรื่องนี้…มันเป็นมากกว่าเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ หรือเป็นแค่ “ภัยออนไลน์” จากพวกสแกมเมอร์ หากแต่มันมีนัยสำคัญถึงเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับดินแดนที่มี “ผู้นำเผด็จการ” หรือปัญหาชนกลุ่มน้อย ขัดแย้งผลประโยชน์กับรัฐบาลตัวเอง
จำเป็นที่ “รัฐบาลไทย” ตกเป็น “ผู้เสียหาย” ทั้งในระดับประเทศ และระดับประชาชน จำต้องเร่งรัดในทางการทูตเชิงลึก พร้อมเปิดปฏิบัติการ “ทางลับ” ในการขจัดต้นตอของปัญหานี้ เนื่องเพราะมีข่าวทางลึก ถึง “ไอ้โม่ง” ในฝั่งไทย ที่อยู่เบื้องหลังจากดำเนินงานของ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ เหล่านี้
ก็ขนาดคนระดับ…นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รวมถึง อดีต ผบ.ตร. ยังไม่อาจปกป้องตัวเอง กระทั่ง ถูก “ต่อสาย” หลอกหลวงออนไลน์ จากพวกสแกมเมอร์ในประเทศข้างบ้าน แล้ว
ขืนเพิกและนิ่งเฉยต่อไป…ภัยที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่าอาจมาเยือนได้เร็วกว่าที่คิด และอันตรายกว่าที่นึก ก็อาจเป็นได้!
เดินหน้าบูรณาการและเร่งรัดจัดการแบบถอนรากถอนโคน โดยอาศัย เวที ADGMIN น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้!!!.