TOP 20 News – ตอน ‘บ้านใหญ่หันซบพรรคเจ้าของ สว.?’
“ศัตรูที่แกร่งกล้า…ยังไม่น่ากลัว เท่ากับคนใกล้ตัวที่เป็นหนอน!” นายสันดาป ขันอาสาเขียน “แวดวงคนการเมือง/เศรษฐกิจ” ณ สถานี TOP 20 News สำนักข่าวยุทธศาสตร์ออนไลน์…ในห้วงสัปดาห์ที่สองของเดือนกรกฎาคม 2567
..**..เหมือนจงใจ…วางพล็อตการเมืองเรื่อง “สว.เก่า-ใหม่” สร้างปมปัญหาให้ยากแก้ไข เมื่อเขียน “กฎหมายแม่” กำหนดให้ต้อง เลือกไขว้ สว. ในแบบที่ประชาชนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมากนัก ต่อด้วย “กฎหมายลูก” ที่ถูกออกแบบมาให้ กกต. ไม่ต้องกำหนดเวลา “เส้นตาย” ประกาศ 200 สว.ในเร็ววัน! งานนี้…ต้องขอชู “หัวนิ้วมือโป้ง” แล้วหมุนกลับ 180 องศา ให้…คนเขียนรัฐธรรมนูญปี 2560 ภายใต้การนำของ “มีชัย ฤชุพันธ์” เพราะต่อให้คนไทยส่วนใหญ่…รู้สึกไม่พอใจกับการได้มาของ 200 สว.ชุดใหม่ แต่ก็…ทำใจไม่ได้ หากจะให้ 250 สว.ชุดลากตั้ง รักษาการทำหน้าที่กันต่อไป..**..แม้ เสียงจะแตก! กับ นัดหมายประชุม 250 สว.ชุดเก่า หลังหมดวาระกันไปแล้ว กระทั่ง นำสู่สาระอันเกิดแต่การประชุมฯรอบนี้ โดยเฉพาะ ข้อเสนอ ตั้ง กมธ.สอบเลือก 200 สว.ชุดใหม่ ของ สมชาย แสวงการ ก็เป็นอะไรที่เหมือนจะเกินอำนาจกันหรือไม่? คนทำหน้าที่ “ประธานการประชุมฯ” อย่าง…ท่านประธานฯพรเพชร วิชิตชลชัย คิดอ่านการใด? ยากจะเข้าใจ แต่ที่แน่ๆ “คู่ซี้” ใน กลุ่ม 250 สว. เช่น เสรี สุวรรณภานนท์ สวนกลับทันควัน! ลุกขึ้นอภิปราย…ไม่เห็นด้วยอย่างแรง! เกรงจะเป็นการแทรกแซง “องค์กรอิสระ” เหตุเพราะ…หากการเลือก 200 สว.ชุดใหม่ มีปัญหา? กกต.ชุดปัจจุบัน…ก็ต้องรับผิดชอบกันไป แต่ไม่ใช่หน้าที่ของ 250 สว.ที่จะค้นหาความจริง ก่อนปิดท้าย…เตือนกันแรงๆ ระวัง! แม้จะพ้นตำแหน่ง สว.ไปแล้ว ก็อาจจะมีคดีอาญาติดตัวได้..**..
..**..นาทีนี้ ดูเหมือน “ครูใหญ่” ฝั่งการเมืองสีน้ำเงิน จะ “ถือไพ่” เหนือกว่า “นายใหญ่” แห่งค่ายสีแดงช้ำเลือด! ที่ช่วงหลังๆ ผุด ยุทธศาสตร์ ออกมาแต่ละดอก…ไม่เพียง “ไม่เข้าเป้า” แต่ยังถึงขั้นที่ นักสังเกตการณ์ทางการเมือง อย่าง…“ธนพร ศรียากูล” มองว่า…อาจนำสู่ หายนะภัยในทางการเมือง ด้วยซ้ำ! กับเหตุการณ์ล่าสุด เลือกตั้ง นายก อบจ. ปทุมธานี ที่ ทักษิณ ชินวัตร ผู้ทรงอิทธิพลเหนือ “รัฐบาลเศรษฐา”, อุ๊งอิ๊ง แพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และตัวพรรคเพื่อไทยเอง ประกาศสนับสนุนและจัดส่ง “ลุงชาญ” ชาญ พวงเพ็ชร์ กลุ่มปทุมรักไทย ลงชิงชัยเก้าอี้ “ตัวเดียว” แห่งเมืองปทุมฯ..**..รู้ทั้งๆ รู้! ว่า…“ลุงชาญ” ขาดคุณสมบัติ เพราะมีคดีเก่าติดตัวอยู่ แต่ก็ยังฝืนส่งลงสมัครแข่งขันฯ ถึงจะได้รับชัยชนะ…แต่ก็เข้าไปทำหน้าที่ นายก อบจ.ปทุมธานี ไม่ได้ ปมนี้…จึงไม่ต่างกับการหลอกลวง “คนปทุมฯ” ที่ไม่ใช่แค่เพียงกว่า 2 แสนเสียงที่ลงคะแนนให้ แต่มันคือ…คนทั้งจังหวัด ดังนั้น ข้อเสนอจาก …“ธนพร ศรียากูล” คือ…ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ต้องออกมาขอโทษ “คนปทุมฯ”, “ลุงชาญ” ต้องประกาศ..ลาออก! จากเก้าอี้ นายกอบจ.ปทุมธานี, อุ๊งอิ๊ง แพรทองธาร ชินวัตร ต้อง ลาออก จาก หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แล้วเปิดให้มีการสรรหา กรรมการชุดใหม่ กันไป สุดท้าย พรรคเพื่อไทย จะต้องควักเงินจ่ายชดใช้ในการ เลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี รอบใหม่ ที่จะเกิดขึ้นตามมา หากทำได้…หายนะภัยในทางการเมือง ก็อาจเหลือน้อยลง..**..
..**..ประสาคนชอบ “สุมไฟใส่ฟืน” นายสันดาป เชื่อว่า…การเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี จะถูกขมวดปมไปกับ การเลือกตั้ง 200 สว. โดยมี จุดเร่งเร้า การขยายบาดแผลระหว่าง 2 พรรครัฐบาล จากกรณี บอร์ดคุมยาเสพติด เห็นชอบ ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้ “กัญชา-กัญชง” กลับไปเป็น ยาเสพติด เหมือนเดิม ฉีกคำมั่นสัญญาที่ พรรคเพื่อไทย เคยมีกับ พรรคภูมิใจไทย แน่นอนว่า…สถานการณ์การแย่งชิง “บ้านใหญ่” เข้าคอกการเมือง! ระหว่าง 2 พรรครัฐบาล ที่ต่างก็มี “กุนซือ – สมองเพชร” คอยคัดท้าย…ย่อมไม่เหลือความเกรงใจต่อกันอีกต่อไป..**..อย่าลืม! หาก 200 สว.ชุดใหม่ เข้าไปทำหน้าที่ใน วุฒิสภา แม้จะ ขาดบทบาท…การมีส่วนร่วม “ยกมือโหวต” เลือก “นายกรัฐมนตรีคนใหม่” แต่กับ 4 อำนาจที่เหลือ…ยังคงมี “เต็มมือ” ไม่ว่าจะเป็น…การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ, กลั่นกรองกฎหมาย, เลือกกรรมการองค์กรอิสระ และตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล ดังนั้น การที่มี สว.สายสีน้ำเงิน เกินกึ่งหนึ่งของวุฒิสภา ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ว่า…ระหว่าง “ครูใหญ่” กับ “นายใหญ่” ใครจะเหนือกว่ากัน..**..นาทีนี้ ดูเหมือน บรรดา “บ้านใหญ่” ทั่วฟ้าเมืองไทย คงมีคำตอบในใจกันบ้างแล้ว ว่า…จากนี้ไป พวกเขาจะเดินเกมการเมืองกันอย่างไร? หนึ่ง…ส่งลูกหลานคนรุ่นใหม่ เข้าไปฝังตัวอยู่กับพรรคการเมืองสีส้ม สอง…แบ่งฟาก นักการเมืองรุ่นกลางและรุ่นเก่า โดยกัน เบอร์ใหญ่…ส่งให้พรรคสีน้ำเงิน ส่วน พรรคสีแดงช้ำเลือด…ก็เอา เบอร์รองๆ กันไปแล้วกัน ตรงนี้! มันยังจะสะท้อนว่า…ความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่าง 2 พรรครัฐบาล นั้น พรรคไหน?…ใครกัน? จะนั่งอยู่ในใจของ กลุ่มอำนาจเก่า – อนุรักษ์นิยม ได้มากกว่ากัน..**..
..**..หันดู การเมืองเรื่องเศรษฐกิจ สักนิด! ที่ เศรษฐกิจไทย…ยังไปได้ไม่ไกล เหตุเพราะ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี หวังแต่จะพึ่งพิง โครงการดิจิทัล วอลเล็ต เป็นหลัก แต่เมื่อไปได้ไม่สุด…เพราะมี “จุดสะดุด” ให้ต้องตามแก้ไขตลอดเส้นทาง ดังนั้น เศรษฐกิจที่ควรจะฟื้น…จึงไม่ฟื้นอย่างที่คาดหวัง อันที่จริงเรื่องนี้…นายสันดาป เคยเสนอ หลักคิด “ไฮบริดจ์” ผสาน…แจกเงินหมื่น เข้ากับ คนละครึ่ง ไปบ้างแล้ว ลองย้อนกลับไปหาอ่านกันเอง..**..วันก่อน ปลัดคลัง “ลวรณ แสงสนิท” เคยพูดถึงการจัดเก็บ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% กับ สินค้าออนไลน์…นำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท เหตุที่ต้องจัดเก็บ…ไม่เพียงสอดรับกับแนวทางของ รัฐบาลทั่วโลก แต่ยังจะ สร้างความเป็นธรรม ให้กับ ผู้ประกอบการในประเทศ เหตุเพราะสินค้าออนไลน์นำเข้าจากต่างประเทศ ที่กว่าร้อยละ 90 มาจากเมืองจีน จะมีต้นทุนต่ำกว่า…เพราะไม่เคยเสียภาษี VAT 7% จึงพาเหรดขนเข้ามาหลอกขายคนไทยกันถล่มทลาย..**..ต่อเนื่องกันไป กับข่าวที่ “นักช้อปออนไลน์” จะมี กฎหมายคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค มาช่วยคุ้มครองการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ เรื่องนี้ นายสันดาป ถือเป็นเรื่องดีๆ ที่จะมาแบ่งเบาภาระ VAT 7% ที่ “นักช้อปออนไลน์” ต้องจ่ายเพิ่มไปกับการส่งซื้อสินค้าราคาต่ำกว่า 1,500 บาท ประเด็นคือ ทุกครั้งที่สั่งและมีการจัดส่งถึงหน้าบ้าน “นักช้อปออนไลน์” สามารถเปิดดูสินค้าและถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน หาก สินค้าไม่ตรงปก! สามารถปฏิเสธการชำระเงินและไม่รับสินค้าได้ อดใจรออีกแค่ 90 วัน ดีเดย์ 3 ตุลาคม 2567 คนไทย…โดยเฉพาะ “นักช้อปออนไลน์” ได้ใช้กฎหมายตัวนี้แน่!..**..
..**..ก่อนจาก…ขอ นายสันดาป ได้เขียนเกริ่นถึง กระแสข่าวใหม่ หลังจากได้ลงพื้นที่ “ร่วมทริป…แพร่-น่าน” ไปกับ “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” และคณะผู้บริหารกรมสรรพสามิต เรื่องของเรื่อง คือ…อีกไม่ช้า คนไทยคงได้เห็นการผลักดันและแผนโปรโมท “มหานครสุราพื้นบ้าน” ที่จะถูกสร้างเป็น “แพร่โมเดล” ขยายผ่านไปยัง… สรรพสามิตจังหวัด ทั่วฟ้าเมืองไทย! ก่อนหน้านี้ รัฐบาลไทย เคยยกสัมปทานโรงเหล้าให้กับ บรรดาเจ้าสัวใหญ่ กระทั่ง ปี 2543 หลังสิ้นสุดยุค “สุราสัมปทาน” จึงหันมาส่งเสริม เศรษฐกิจชุมชน ผ่านภูมิปัญญาชาวบ้าน และ “สุราพื้นบ้าน” ก็ถือเป็นอีกหนึ่ง ภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ รัฐบาล โดย กระทรวงการคลัง ผ่านมายัง กรมสรรพสามิต จะต้องให้การสนับสนุน..**..นโยบาย…เปลี่ยนศัตรูที่เคย “ไล่จับ” มาเป็น “มหามิตร” จึงเกิดขึ้น! เกิดไปพร้อมกับ การส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตสุราพื้นเมืองแบบถูกกฎหมาย และ “แพร่โมเดล” จะกลายเป็น “ต้นแบบ” ของ แผนยุทธศาสตร์กรมสรรพสามิต ยุคนี้! เรื่องนี้…คงต้องพูดกันยาว เอาเป็นว่า…หากมีเวลา นายสันดาป จะมาเล่าสู่กันฟังอีกรอบ แต่ที่แน่ๆ แนวคิดยก จ.แพร่ สู่ความเป็น “มหานครสุราพื้นบ้าน” เป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินฝัน เพราะ โรงงานผลิตสุราพื้นบ้านส่วนใหญ่ ก็อยู่ใน จังหวัดภาคเหนือแห่งนี้ ตัวเลขเบาะๆ ก็ปาเข้าไปถึง 212 โรงแล้ว..**..ที่สำคัญ…ยุคนี้ ทั้ง ฟากรัฐบาล และฝ่ายค้าน (พรรคก้าวไกล) ต่างก็มีแนวคิดสนับสนุน สุราพื้นบ้าน ไม่ต่างกัน เมื่อก่อนเวลาเดินทางไปต่างประเทศ นายสันดาป มักถูกเชิญชวนไปชิม สุราพื้นบ้าน ของประเทศนั้นๆ มายุคสมัยนี้…ถึงเวลาของ สุราพื้นบ้าน ของประเทศไทยกันเสียที เราเสียดุลการค้ากับการนำเข้า สุราพื้นบ้านจากต่างประเทศ กันมาเยอะแล้ว ยิ่ง…กรุงเทพฯและประเทศไทย ได้ชื่อว่ามี นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก มากติดอันต้นๆ ของโลก ก็ควรจะดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สนใจ สุราพื้นบ้าน ของไทย มาเยี่ยมชมแหล่งผลิตกันถึงที่! และนี่ก็จะเป็น อีกหนึ่งกลยุทธ์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง หวังว่า…“เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ได้ฟังข่าวนี้แล้ว จะสานต่อแนวคิดของ กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง กันบ้าง…แล้วพบกันใหม่สัปดาห์.