2569 ‘รีเซ็ต’ โมเดลไทย

(จากท่องเที่ยวเชิงปริมาณ สู่เศรษฐกิจเชิงคุณค่า : ปี 2569 บททดสอบการ “รีเซ็ต” โมเดลไทย)

การท่องเที่ยวไทย ส่งสัญญาณ “อิ่มตัว” คนลด–รายได้กระจุก–ตลาดหลักหดตัว ปี 2569 ถูกวางเป็นจุดเปลี่ยน เน้น Value Over Volume ดึงทุน–นักท่องเที่ยวคุณภาพ คำถามคือ โมเดลเศรษฐกิจใหม่…จะยืนระยะได้แค่ไหน? ในโลกการแข่งขันสูง
ปี 2568 คือ ปีที่ภาคการท่องเที่ยวไทยสะท้อน “ข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง” อย่างชัดเจนที่สุด! ในรอบหลายปี
แม้ประเทศไทย…ยังคงเป็น หนึ่งในจุดหมายปลายทางหลักของโลก แต่จาก ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ลดลงเหลือราว 32.8 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 40 ล้านคน กับ รายได้จากต่างชาติที่มีราว 1.78 ล้านล้านบาท เสมือนเป็นการส่งสัญญาณเตือนว่า…
โมเดลการเติบโตแบบพึ่งพาจำนวน (Volume-led Growth) กำลังเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว!!!
สิ่งที่น่ากังวล! ไม่ใช่เพียงจำนวนคนที่ลดลง แต่คือข้อเท็จจริงที่ว่า…การท่องเที่ยว ซึ่งเคยเป็นเครื่องยนต์หลักในการพยุงเศรษฐกิจไทย กลับไม่สามารถสร้างแรงส่งให้ GDP เติบโตได้ตามที่คาดการณ์ จนต้องมีการปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2568 เหลือเพียง 2% จากเดิม 3%
ท่ามกลางแรงกดดันจากการส่งออกที่ชะลอตัว และการหายไปของตลาดนักท่องเที่ยวจีนอย่างมีนัยสำคัญ
ภายใต้บริบทเช่นนี้ ปี 2569 จึงไม่ใช่เพียง “ปีฟื้นตัว” ของการท่องเที่ยว แต่กำลังถูกวางให้เป็น ปีแห่งการรีเซ็ตโมเดลเศรษฐกิจไทย อย่างจริงจัง!!??
เมื่อ “จำนวนคน” ไม่พอจะพาเศรษฐกิจไปต่อ
ข้อมูลตลอดปี 2568 ชี้ชัดว่า…แม้การใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะทรงตัวอยู่ที่ราว 47,400 บาทต่อทริป และขยับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า แต่โครงสร้างรายได้ยังคงกระจุกตัวอยู่ในเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และสงขลา ขณะที่ กิจกรรมสันทนาการ สินค้าของที่ระลึก และการใช้จ่ายนอกภาคที่พักกลับมีสัดส่วนลดลง
ภาพนี้สะท้อนความจริงที่ว่า…การท่องเที่ยวไทยยังติดกับดัก “การใช้จ่ายซ้ำในพื้นที่เดิม” และยังไม่สามารถกระจายมูลค่าไปสู่เศรษฐกิจฐานรากหรือเมืองรองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน การพึ่งพาตลาดเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะ จีน ที่หดตัวลงอย่างมากในช่วงครึ่งแรกของปี ได้ตอกย้ำถึง ความเปราะบางของโมเดลเดิมที่เน้นปริมาณมากกว่าคุณค่า
FDI–อสังหาริมทรัพย์ต่างชาติ: โอกาสใหม่ภายใต้กรอบคุมเกม
ในอีกด้านหนึ่ง ภาพการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ในปี 2568 กลับสะท้อนทิศทางที่ต่างออกไปอย่างชัดเจน มูลค่าการลงทุนกว่า 311,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 45% จากปีก่อนหน้า โดยมี เงินลงทุนไหลเข้าสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น Data Center, บริการดิจิทัล, ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และพลังงานสะอาด โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ที่ดูดซับเงินลงทุนมากกว่าหนึ่งในสามของทั้งหมด
ขณะเดียวกัน ความสนใจของชาวต่างชาติในการซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะ คอนโดมิเนียมในเขตเมืองหลักและเมืองท่องเที่ยว ยังดำเนินต่อเนื่อง แม้จะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดการถือครองไม่เกิน 49% ต่อโครงการ และทางเลือกอื่นอย่าง Leasehold หรือการลงทุนตามมาตรา 96 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ส่งสัญญาณชัดเจนในปี 2568 ว่า…“การเปิดรับทุน” จะต้องมาพร้อม “การคุมทิศทาง” ผ่านการเข้มงวดตรวจสอบนอมินี การไล่เส้นทางการเงิน และการปิดช่องโหว่ทางกฎหมาย เพื่อให้การลงทุนจากต่างชาติสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทยจริง ไม่ใช่เพียงการเก็งกำไรในสินทรัพย์
ปี 2569: จาก Volume สู่ Value อย่างเป็นรูปธรรม
เป้าหมายการท่องเที่ยวปี 2569 ที่รัฐบาลและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วางไว้…สะท้อนการเปลี่ยนวิธีคิดอย่างชัดเจน!!??
แม้จะ ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ที่ราว 36.7 ล้านคน แต่หัวใจของยุทธศาสตร์กลับอยู่ที่การผลักดันรายได้รวมให้แตะระดับ 2.78–2.8 ล้านล้านบาท ผ่านการเพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายต่อทริป
กลยุทธ์ “Value Over Volume” ถูกแปลงเป็นนโยบายเชิงปฏิบัติ ตั้งแต่…การดึงตลาดคุณภาพในกลุ่ม Medical & Wellness และ MICE การสร้างภาพลักษณ์ “Trusted Thailand” เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ไปจนถึงการใช้ Soft Power ทางวัฒนธรรม โดยมี Lisa Lalisa Manobal เป็น Amazing Thailand Ambassador เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับอัตลักษณ์ไทยในเวทีโลก
สัญญาณจากผู้นำ: การท่องเที่ยวในฐานะภารกิจเชิงโครงสร้าง
ท่าทีของรัฐบาลในช่วงปลายปี 2568 ชี้ชัดว่า…การท่องเที่ยวไม่ได้ถูกมองเป็นเพียงเครื่องมือกระตุ้นระยะสั้นอีกต่อไป ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เคยย้ำก่อนหน้านี้ ว่า…
ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วง “การเปลี่ยนผ่านเชิงกลยุทธ์” ที่การเติบโตจะต้องครอบคลุมและขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ขณะที่การท่องเที่ยวถูกกำหนดให้เป็นภารกิจหลักในการยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่เพิ่มจำนวนผู้มาเยือน
ด้าน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรมว.คลัง ได้เสนอให้ ปี 2569 เป็น “ปีแห่งการลงทุน” พร้อมแนวคิด Economy 10 Plus เพื่อดัน GDP ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการรีเซ็ตใน 4 มิติ ตั้งแต่การเติบโตที่สะดุด เสถียรภาพการคลัง สังคมสูงวัย ไปจนถึงวิกฤตสิ่งแวดล้อม
บททดสอบของโมเดลไทย
ปี 2569 จึงเป็นมากกว่าปีแห่งความหวัง แต่คือ บททดสอบของการเปลี่ยนโมเดลประเทศ หากประเทศไทยยังคงขายการท่องเที่ยวด้วย “ความถูกและจำนวน” ท่ามกลางการแข่งขันจากประเทศที่มีต้นทุนต่ำกว่า โอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืนจะยิ่งแคบลง
แต่หากการท่องเที่ยวถูกยกระดับให้เป็นเศรษฐกิจเชิงคุณค่า เชื่อมโยงกับการลงทุน เทคโนโลยี บริการสุขภาพ และความเชื่อมั่นในระบบ
ประเทศไทย…อาจเปลี่ยนภาคท่องเที่ยวจาก “เครื่องยนต์เสริม” ให้กลายเป็น “แกนกลาง” ของโมเดลเศรษฐกิจใหม่ ที่พาประเทศหลุดพ้นจากกับดักเดิมได้จริง!






