สกัด! หลุมดำ ‘คอร์รัปชัน’?

(ปปง. เปิดยุคใหม่! ตรวจสอบนักการเมือง ผ่านประกาศ PEPs : เครื่องมือ “คุมความเสี่ยง” เงินสกปรก)

ปปง.เปิดยุคใหม่? ไล่สกัด “เงินสกปรก” ผ่านประกาศ PEPs กดดันให้ทุกฝ่าย ยืนบน “เส้นแบ่ง!” การกวาดล้างคอร์รัปชัน กับการใช้อำนาจ “ส่อง” เฉพาะฝ่ายตรงข้าม? ตราบใดที่ “ทุนเทา” ยังเคลื่อนตัวในเงามืด หากภาครัฐจัดการอย่างจริงจัง สิ่งนี้…จะสกัดกันกลโกงของผู้มีอำนาจ? ทำให้ไทยหลุดพ้นจาก “หลุมดำ” คอร์รัปชั่น
อิทธิพลเครือข่ายสแกมเมอร์ สาย “จีนเทา – กัมพูชา” สร้างแรงสั่นสะเทือนถึงระบบการเมืองไทย!!!
ไม่เฉพาะ ภาพข่าว…สายสัมพันธ์ อัน…“แผ่วบาง หรือหนักแน่น!” ระหว่าง “ตัวละครสำคัญ” ระดับ…มันสมองเจ้าของธุรกิจสีเทาและรัฐบาลกัมพูชา
กับ แกนนำการเมืองไทย สารพัดฟาก! ที่นาทีนี้…ไม่ต้องเสียเวลาไปอ้างถึง เพราะรู้กันทั่วทั้งแผ่นดินแล้ว
เมื่อ…สังคมไทย ต่างรับรู้ในสิ่งนี้ ย่อมอาจทำให้คนไทย…ได้มี “ภูมิ” คุ้มภัยและป้องกัน “เชื้อโกง” จากเงินสีเทา ที่มักเร้นกายเข้ามาซื้อ “พรรคและนักการเมือง” บางพรรค? บางคน?
เพื่อนำ “เงินสกปรก” มาใช้ซื้อเสียงกับคนไทย…ได้บ้าง???
หากปล่อยให้…พรรคและนักการเมือง “ทาสเงินเทา” เข้าสภาฯ มาเป็นทำหน้า ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ หรือแม้กระทั่ง ไปนั่งเป็น เสนาบดีในกระทรวงสำคัญๆ ล่ะก็…
ไม่เพียง…ร่างกฎหมายบางฉบับ? แต่ยังหมายถึงบางนโยบายของรัฐบาล? อาจเอื้อต่อธุรกิจสีเทา ไม่ทางตรง…ก็ทางอ้อม ไม่มาก…ก็น้อย
ตลอดสัปดาห์ที่การเมืองไทย ตกเป็นข่าวกับ…เครือข่ายทุนเทา กระทั่ง เกิดการสั่นไหว! เพราะกระแสสังคมไทย เทไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือ…การต่อต้านคอร์รัปชันอย่างรุนแรง!!?? ภายใต้บรรยากาศ…ความไม่ไว้วางใจต่อ “โครงสร้างอำนาจรัฐ” ที่ถูกตั้งข้อสังสัย? ถึงความสุจริตและความโปร่งใส!
ล่าสุด วานนี้ (5 ธ.ค.2568) ภายหลังการประกาศของ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เกี่ยวกับ “บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง” หรือ PEPs ตามมาตรฐาน FATF
ปมนี้…ได้กลายเป็น “จุดศูนย์กลาง” ของความสนใจใหม่อย่างรวดเร็ว ราวกับเป็นสัญญาณว่า…จากนี้ ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของการ “ตรวจสอบ” ทางการเมืองอย่างเข้มข้นที่สุด! ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของไทยกันเลย
ประกาศฉบับนี้ ได้ขยายขอบเขตการ “ตรวจสอบ” ไปไกลกว่าที่เคยมี โดยไล่ตรวจสอบตั้งแต่…นักการเมืองระดับสูง, ตุลาการ, องค์กรอิสระ, หน่วยงานรัฐ, รัฐวิสาหกิจ จนถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
การเข้มงวดของมาตรการตรวจสอบที่มาของเงิน, การติดตามธุรกรรมแบบต่อเนื่อง และ การกำกับดูแลขั้นพิเศษสำหรับผู้ที่อยู่ในตำแหน่งอำนาจ ทำให้หลายฝ่ายเห็นว่า…นี่เป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ!” ที่อาจพลิกวิธีการจัดการ “ปัญหาฟอกเงิน” ของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่เคยถูกมองว่าเป็น “พื้นที่ต้องห้าม” ของระบบตรวจสอบมานานหลายสิบปี
นักวิเคราะห์ด้านกฎหมายการเงิน อธิบายว่า…การจัดทำบัญชี PEPs ใหม่ของไทย ถือเป็นการ “ยกระดับ” ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ที่หลายประเทศปรับใช้มานานแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้ไทย ต้องเผชิญแรงกดดันมากเป็นพิเศษ คือ สภาพแวดล้อมที่ “ขบวนการคอร์รัปชัน” ได้ฝังรากลึก! ควบคู่กับการเติบโตของเครือข่ายพนันออนไลน์ การฟอกเงิน และทุนเทาข้ามชาติ ฯลฯ
จนกลายเป็น…โครงสร้าง “อำนาจมืด” ที่มีอิทธิพล…เหนือระบบราชการบางส่วน ไปแล้ว
การยกระดับตรวจสอบ “ผู้มีอำนาจ” ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของกฎหมาย แต่ถือเป็นการ “เปิดศึก” กับผลประโยชน์มหาศาลที่ซ่อนตัวอยู่หลังระบบรัฐเป็นชั้น ๆ
ในเวลาเดียวกัน หลายพรรคการเมือง ต่างก็หยิบยกประเด็นคอร์รัปชัน! มาเป็นประเด็น “โฟกัส” เข้ากับนโยบายของพรรคฯ ล่าสุด พรรคไทยสร้างไทย ภายใต้การนำของ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคฯ ที่ประกาศเดินหน้า แคมเปญ “Big Cleaning ประเทศไทย ได้เวลาล้างบางคนโกง” ด้วยการ ชูมาตรการเข้มข้นที่สุด! ในรอบหลายปี
ทั้งการ เพิ่มโทษทุจริตสูงสุด! ถึงประหารชีวิตสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ, การเปิดทางให้ประชาชนถอดถอนองค์กรอิสระ และการจัดตั้ง ป.ป.ช. ภาคประชาชน
แคมเปญนี้ถูกมองว่า…เป็นการประกาศสงครามกับ “โครงสร้างคอร์รัปชันเชิงระบบ!” มากกว่าจะเป็นเพียงการโจมตี…นักการเมืองเฉพาะราย
แหล่งข่าวใน พรรคการเมืองฝั่งรัฐบาล ให้มุมมองว่า ความเคลื่อนไหวทางกฎหมายของ ปปง.ในครั้งนี้ อาจช่วยสร้างแรงขับเคลื่อนให้รัฐบาลฟื้นความน่าเชื่อถือในประเด็นความโปร่งใสได้บ้าง หลังจากถูกตั้งคำถามยาวนานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่ม? กับขบวนการทุนเทา
ความหวาดระแวงของสังคมไทย จึงยิ่งผลักให้ การประกาศ PEPs กลายเป็น…เครื่องมือสำคัญ! ที่ทุกฝ่ายต้องใช้เพื่อพิสูจน์ ว่า…ตนเองและพวกพ้องไม่ได้อยู่ใน “เงามืด” ของกลุ่มผลประโยชน์สีใด?…ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มสีเทา, ดำ หรือโกงกันแบบตาใสๆ
ในอีกด้านหนึ่ง กลุ่มตรวจสอบภาคประชาชนจำนวนมาก มองว่า ประกาศนี้เป็นผลผลิตของสถานการณ์ที่รัฐบาลไทยไม่อาจหลีกเลี่ยงแรงกดดันจากสถาบันระหว่างประเทศอย่าง FATF ซึ่งจับตาไทยเรื่องช่องโหว่ฟอกเงินมาอย่างต่อเนื่อง
แต่การมี…มาตรการสวยหรู? บนแผ่นกระดาษ…ก็อาจจะไม่เพียงพอ หากระบบสถาบันการเงินไทย…ยังไม่พร้อมจะใช้ EDD อย่างจริงจังกับ “ผู้มีอำนาจ” ที่มีอิทธิพลต่อระบบการเงิน หรือมีสายสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์กับผู้บริหารสถาบันการเงินบางแห่ง ได้…
นักวิชาการด้านเศรษฐกิจการเมือง ชี้ว่า จุดอ่อนจริง ๆ ของระบบไทยไม่ใช่การขาดกฎหมาย แต่เป็นการขาดความกล้าที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม???
การที่ ฝ่ายค้าน อย่าง…นายรังสิมันต์ โรม แกนนำพรรคประชาชน ออกมาเปิดประเด็น, ต่อสู้ และเรียกให้ใช้ “อำนาจรัฐ” จัดการรกับ “กลุ่มทุนเทา” กระทั่ง ตัวเขาต้องเผชิญแรงฟ้องร้องดำเนินคดี ที่ตัวเขาเชื่อว่า มันคือ “การฟ้องปิดปาก!”
กระนั้น สิ่งที่ นายโรม ประกาศต่อสู้! ยิ่งทำให้ได้เห็นถึง มิติความเชื่อมโยง ระหว่าง…นักการเมือง, ข้าราชการ และเครือข่ายอาชญากรรมสมัยใหม่ และทำให้ สังคมไทย…ได้รับรู้ถึงภัยของเครือข่ายเงินสกปรกได้กว้างมากยิ่งขึ้น!!!
กลายเป็น “แรงสะท้อนกลับ!” ทำให้ การประกาศ PEP มีน้ำหนักและความหมายมากขึ้น!!! เพราะมันเป็นเรื่องที่ “ทับซ้อน” กันโดยตรง ระหว่าง…ผลประโยชน์ใต้ดินและอำนาจบนดิน ที่จำต้องอาศัยกันเพื่ออยู่รอดของทั้ง 2 ฝ่าย
ข้าราชการระดับสูงบางคนในองค์กรอิสระ ให้ความเห็นในเชิงเป็นกังวลว่า การถูกรวมไว้ในกลุ่ม PEP แม้จะไม่ใช่การกล่าวหาว่า “มีความผิด” แต่ก็อาจทำให้เกิด “ความเสี่ยง” ด้านภาพลักษณ์ได้ หากกระบวนการตรวจสอบของธนาคารมีปัญหา หรือมีการตีความกฎหมายผิดพลาด จนอาจทำให้ผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นทางการเมืองโดยไม่จำเป็น
ดังนั้น ตัวสถาบันการเงินเอง จำเป็นจะต้องต้องพร้อมทั้งในด้านบุคลากร, ความเชี่ยวชาญ และระบบตรวจสอบภายในที่โปร่งใสอย่างแท้จริง!!!
มีเสียงจาก นักเศรษฐศาสตร์ด้านการพัฒนาการเมือง ที่มองเห็นว่า การประกาศนี้ อาจเป็น “จุดเริ่มสำคัญ!” ของการ…ปรับสมดุลอำนาจในประเทศ เพราะหากวันใด? ที่ไทยสามารถจะ “ยกระดับ” มาตรฐานการติดตามเงินของ…ผู้มีอำนาจ ให้เทียบเท่าสากลได้จริง?
ไม่เพียงจะ “ลดช่องโหว่ฟอกเงิน” แต่ยัง…ช่วยเรียกความเชื่อมั่น! จากนักลงทุนต่างชาติ และทำให้ “ต้นทุนคอร์รัปชัน” ที่คอยฉุดรั้งเศรษฐกิจไทย ให้เติบโตต่ำกว่า 3% มาตลอดทศวรรษ…เริ่มลดลงในระยะยาว
แม้คนไทย อาจจะมีทั้ง…ความหวัง, ความกังวล และความคลางแคลงใจปะปนกันอยู่ แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ ก็คือ ประกาศ PEP ของ ปปง.ในครั้งนี้ ได้สร้าง “สนามการเมืองใหม่” ที่…ผู้มีอำนาจทุกกลุ่ม? ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบได้เหมือนในอดีตอีกต่อไป
การเมืองสุจริต…ที่เคยเป็นเพียง “คำขวัญ” จะกลายมาเป็นคำถามจริง ๆ ว่า…จะทำได้จริงเพียงใด? ในโครงสร้างที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อน!!! และจะทำได้อย่างเป็นธรรมแค่ไหน? ในระบบที่ยังเปราะบางต่อการแทรกแซงทางการเมือง
ท้ายที่สุด! การกวาดล้างคอร์รัปชัน…จะเป็นมากกว่าแคมเปญ หรือประกาศกฎหมายได้ ก็ต่อเมื่อ…สังคมไทยมีความกล้าในการจับตาทุกฝ่ายอย่างไม่เลือกหน้า!!??
ไม่ว่า…คนผู้นั้น? จะอยู่ในตำแหน่งสูงเพียงใด! หรือ “มีอำนาจ” มากแค่ไหน?
หากประกาศ PEP เป็นเพียง…การนำไปใช้เพื่อเล่นงานกับ…ฝ่ายตรงข้าม มาตรการนี้ ก็จะกลายเป็นเพียงแค่ “ฉากหน้า” ของการ “ใช้อำนาจแบบใหม่”
แต่ถ้ามันได้ถูกนำไปใช้…เพื่อตรวจสอบทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม นี่ก็อาจจะเป็น “หมุดหมายสำคัญ!” ที่จะทำให้การเมืองไทย..ได้ก้าวออกจาก “เงา” ของ “หลุมดำคอร์รัปชัน” อย่างจริงจังเสียที!
โดยที่ ประชาชนคนไทยทั่วทั่งแผ่นดิน…พร้อมจะทำหน้าที่เป็น “ผู้ตัดสิน” คนเหล่านี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น…นักการเมืองระดับสูง, ตุลาการ, องค์กรอิสระ, หน่วยงานรัฐ, รัฐวิสาหกิจ แม้กระทั่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พวกเขาทุกคน…จะต้องถูก “เอ็กซ์เรย์” ผ่านสายตาที่จะไม่ลดละ ต่อทุก ๆ การกระทำที่จะเกิดขึ้นตามมา นับต่อจากนี้ไป!!!.






