12 ข่าวฮอต เม้าท์มันส์ สนั่นเมือง (091068)

ห่างหายไปหนึ่งวัน…เพราะเหตุ “เอ็กซิเดนท์” บางประการ??? แต่ก็กลับมาพร้อมกับหัวคอลัมน์ใหม่ อันเป็นภาพข่าวปกประกอบ 12 ข่าวฮอต เม้าท์มันส์ สนั่นเมือง ประจำพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม 2568 และวันต่อๆ ไป มาเริ่มกันเลยกับข่าวแรกนี้…

(1) ไล่พ้นเขตไทยกี่โมง? – แหม! ระดับคนเป็น…นายกรัฐมนตรี ก็น่าจะรู้? อะไรควรพูด ไม่ควรพูด!!! รู้ทั้งรู้? คนไทยคิดอย่างไร? กับประเทศข้างบ้าน!! ถ้า นายกฯอนุทิน จะไม่พูดย้ำซ้ำๆ ทำนอง… “คำนึงกติกาสากล” “ละมุนละม่อม” “เดตไลน์ 10 ต.ค. ไม่เคยออกจากรัฐบาล” ไม่พูดดีกว่าไหม??? พูดหยั่งงี้…คนทำงานในพื้นที่ “ขวัญเสียกันกระเจิง” เขารู้กัน…ยันทั่วโลกและในยูเอ็น พื้นที่ “บ้านหนองจาน” และอีกหลายๆ ที่ มันคือ…เขตแดนอธิปไตยของไทย ที่พวกเขมร “ลักไก่” แอบมาอาศัย 30-40 ปี หากไม่ไล่วันนี้…แล้วจะไล่กันไหน? ถาม นายกฯอนุทิน อีกที…แล้วจะไล่พวกเขมรที่ลุกล้ำอธิปไตยไทยกันกี่โมง???.

(2) ทันควัน!กองทัพภาคที่ 1 ภายใต้การนำของ พลโท วรยส เหลืองสุวรรณ ยืนยัน…พร้อมในภารกิจปกป้องอธิปไตยของไทยในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว โดย กองกำลังบูรพา และหน่วยทหารในพื้นที่ ได้ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่ เตรียมความพร้อมการปฏิบัติในทุกมิติ รับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น โดยจะเข้าดำเนินการเด็ดขาด! กับพื้นที่ที่มีการรุกล้ำอธิปไตยของไทยในห้วงวันเวลาที่ได้เปรียบ คำนึงถึงผลสำเร็จทางยุทธวิธีของหน่วยปฏิบัติ และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ ตลอดจนลดความสูญเสียของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่า กองทัพภาคที่ 1 มีความพร้อมต่อการปฏิบัติในทุกห้วงเวลา และจะยืนหยัดทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเต็มความสามารถ เพื่อพิทักษ์รักษาผืนแผ่นดินไทยด้วยความชอบธรรมและถูกต้องตามกฎหมาย และจะอยู่เคียงข้างและช่วยเหลือประชาชนให้พ้นวิกฤตการณ์นี้อย่างดีที่สุด.

(3) ทรัมป์…เยอะไป?” นายกฯอนุทิน แจงนักข่าว กรณี “ปธน.ทรัมป์” อยากเข้ามาเป็นตัวกลางยุติปัญหาไทย-กัมพูชา ภายใต้กติกาที่คนทั้งโลก คิดตรงกัน! “เยอะไป?” โดยระบุถึงการตอบกลับไปว่า…ขอบคุณในความปรารถนาดีที่อยากจะเห็นสันติภาพเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ แต่ไทยเชื่อมั่นในสันติภาพ และเรามีจุดยืนที่ต้องการให้กัมพูชาได้ตอบสนองเรา เพื่อที่จะทำให้การดำเนินการในเรื่องต่างๆ นำไปสู่สันติภาพ และความสงบสุขในอนาคตให้เกิดขึ้นให้ได้ ส่วนที่ถามว่า…จุดยืนการเจรจาครั้งต่อไป กัมพูชาต้องตามเงื่อนไขและข้อตกลง 4 ข้อในระดับ GBC หรือไม่? เจ้าตัวตอบว่า…มีข้อตกลงที่ตกลงกันไว้แล้วว่าแต่ละประเทศจะต้องปฏิบัติอย่างไร? ก็ต้องย้ำอีกครั้งว่า เรื่องการถอนอาวุธหนัก การถอนทุ่นระเบิด การจัดการสแกมเม และการบริหารจัดการพื้นที่ ที่อยู่ในเขตของประเทศไทยให้ถูกต้องตามกฎหมาย.

(4) ถามเอางง!!! – กับกระทู้สด ที่ “หน.เท้ง – ณัฐพงษ์” ถามกลางสภาฯ เอากลับ “รมว.การต่างประเทศ” สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้วเห็นด้วยจริงๆ หรือ? ที่จะยกเลิก MOU 43-44? จะทำประชามติยังไง ให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลรอบด้าน โดยกัมพูชาไม่ล่วงรู้ข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบของไทย? มีกลไกอื่นที่ดีกว่า MOU43 ในการปักปันเขตแดนทางบก ระหว่างไทย-กัมพูชาหรือไม่? มีวิธีการป้องกัน ไม่ให้เอกชนที่ได้สัมปทานขุดเจาะก๊าซธรรมชาติไปแล้ว ในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลตาม MOU44 ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลอย่างไร? ได้พิจารณาทางเลือกอื่น ๆ เช่น การใช้กลไกในสภา ในการศึกษาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ และรอบด้าน เพื่อส่งผลให้ฝ่ายบริหารนำไปตัดสินใจ แทนการออกเสียงประชามติหรือไม่? โอย…ถามเยอะหยั่งงี้ แล้วจะตอบยังไงไหว? คนแก่…มึนตึ่บ!!!.

(5) เร็วเกินไป!!??เลือดน่าจะหยุดแล้ว!!! ความเชื่อมั่นแบบไม่ค่อยเต็มร้อยจากปาก “สมศักดิ์ เทพสุทิน” แกนนำพรรคเพื่อไทย เจ้าตัวยืนยันหนักแน่น…เขาและน้องสาว คือ พรรณสิริ กุลนาถศิริ ยังคงอยู่พรรคเดียวกัน (เพื่อไทย) แม้ อดีตผู้ช่วยฯ ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ จะไหลไปซบพรรคสีน้ำเงิน แล้วก็ตามที ส่วนกรณี รายชื่อแคนดิเดทนายกฯของพรรคเพื่อไทย กับกระแสข่าวลือทำนอง “ลูกบรรหาร” วราวุธ ศิลปอาชา หน.พรรคชาติไทยพัฒนา จะเป็น 1 ใน 3 นั้น เจ้าตัวบอกว่า…ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องแคนดิเดทนายกฯ แต่ส่วนตัวเห็นว่า…วราวุธ เป็นบุคคลหนึ่งที่สังคมให้การจับจ้อง และมีคะแนนโหวต ซึ่งก็เป็นคนรุ่นใหม่มีบุคลิกท่าทางดี แต่ตนตอบไม่ได้ว่า…จะเป็น 1 ใน 3 หรือไม่???.

(6) มันคนละหนี้? – รองนายกฯเอกนิติ  พูดชัด! รัฐบาล โดย กระทรวงการคลัง มีแผนจะยกระดับวินัยการคลังให้โปร่งใสและชัดเจน โดยจะทบทวน แผนการคลังระยะปานกลาง (MTFF) ในเดือนพ.ย.นี้ ให้มีการลงรายละเอียดการดำเนินนโยบายการคลังอย่างชัดเจนว่า…รัฐบาลจะไม่ก่อหนี้เพิ่ม แสดงให้ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Rating Agency) ลดความกังวลต่อการก่อหนี้สาธารณะของไทย อีกทั้งยังมี แผนเพิ่มการจัดเก็บรายได้ ผ่านการปรับปรุงระบบภาษี เบื้องต้นจะเสนอแก้กฎทรวง ปรับปรุงเกณฑ์ค่าลดหย่อนต่างๆ ซึ่งทำได้ทันทีโดยไม่ต้องแก้พระราชบัญญัติ เนื่องจากปัจจุบันการลดหย่อนภาษีมีความสะเปะสะปะมาก ส่วนหนี้สาธารณะปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 64% GDP ตรงนี้! คนไทยอย่าเพิ่งดีใจ เพราะหนี้ตัวหนี้เป็น หนี้ของรัฐบาล หาใช่หนี้ของคนไทยทั้งประเทศ หนี้นั้นเรียกว่า…หนี้ครัวเรือน ซึ่ง ณ วันนี้ ลดต่ำกว่าระดับ 90% ของจีดีพี แต่ยังเป็น อุปสรรค์ต่อระบบเศรษฐกิจไทย เหมือนเดิม.

(7) เศรษฐกิจแบบมีส่วนร่วม โอฬาร ถิ่นบางเตียว อ.รัฐศาสตร์-นิติศาสตร์ ม.บูรพา ชี้ว่า…โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่ “รัฐบาลอนุทิน” จะได้ฤกษ์โอนเงินให้คนไทยปลายในเดือน ต.ค.นี้ ถือเป็น นโยบายเศรษฐกิจเชิงพัฒนาที่ผสานผลประโยชน์ของรัฐ ประชาชน และผู้ประกอบการรายย่อยเข้าด้วยกัน ต่างจาก โครงการแจกเงินแบบ “ไร้ยุทธศาสตร์” หรือแค่ทำไปเพื่อหวังคะแนนเสียง แต่เป็นเครื่องมือสร้างเศรษฐกิจที่ทำให้เงินหมุนเวียนจริงในระบบ ทั้งประชาชนได้ประโยชน์และผู้ประกอบการก็อยู่ได้ จุดเด่น! คือ “รัฐช่วยครึ่ง ประชาชนจ่ายครึ่ง” สร้างการมีส่วนร่วมในระบบเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ประชาชนจะตระหนักถึงคุณค่าของเงิน เงินที่รัฐสมทบก็จะหมุนกลับสู่ร้านค้าและผู้ประกอบการรายเล็กในชุมชน ก่อนจะย้ำว่า...นี่คือการพัฒนาเศรษฐกิจแบบมีส่วนร่วม ที่ประชาชนไม่เพียงรอรับความช่วยเหลือ แต่กลายเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกับภาครัฐ.

(8) ฉลองอินเดียครบ 2.5 ล.คนฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เตรียมจัดใหญ่ งานฉลองเทศกาล ‘ดิวาลี 2025’ หรือ “เทศกาลแห่งแสงสว่าง” หนึ่งในเทศกาลสำคัญระดับโลกที่มีต้นกำเนิดมาจากประเพณีอันยาวนานของชาวอินเดีย เพื่อเฉลิมฉลองการขจัดความมืดสู่ความสว่าง ถือเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก นัยว่า…งานที่ ททท.จะร่วมจัดฯระหว่าง 16–31 ต.ค. 2568 ณ คลองโอ่งอ่างและพาหุรัด โดยเนรมิตความสุขสนุกสนานสไตล์แดนภารตะด้วยแนวคิด “Light Unites Us” ใช้แสงเป็นสัญลักษณ์ของพลังชีวิต ความหวัง ขจัดความมืดมน พร้อมถ่ายทอดมิตรภาพอันงดงามของ ไทย–อินเดีย ครั้งนี้ จะทำให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเจ้าของวัฒนธรรม มาเยือนเมืองไทยช่วงดังกล่าวครบ 2.5 ล้านคนตลอดปี ทีเดียว.

(9) กระแสใหม่ Wellness Tourism – งานเสวนา “Thailand Wellness Tourism: From Longevity Economy to Lifestyle for All” จัดโดย บมจ. บัตรกรุงไทย โดยมีผู้ร่วมเสวนา คือ ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม รอง ปธ.สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ (สทท.), กรด โรจนเสถียร ที่ปรึกษา ปธ.บห.และปธ.กก. ชีวาศรม อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ รีสอร์ท, ปราโมทย์ เดชะบุญศิริพานิช เอ็มดี. บจก.ปุริ, ริชาร์ด ดอยท์ล จีเอ็ม. รร.สุโขทัย กรุงเทพ, ผศ.ดร.จุฑามาศ วิศาลสิงห์ ปธ.เครือข่าย Thailand Gastronomy Network และ วริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต เคทีซี ชี้ในทิศทางสอดรับกัน ระบุ ข้อมูล GWI ชี้ชัด! อุตสาหกรรม Wellness Tourism จะเติบโตเป็น 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 51 ล้านล้านบาท ภายในปี 2027 เติบโตเร็วกว่าการท่องเที่ยวทั่วไปเกือบ 2 เท่า โดยนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จะใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปราว 1,886 ดอลลาร์สหรัฐ (68,000 บาท) สูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 56% และไทยยังครองอันดับ 1 ด้านการเติบโตของตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ระหว่างปี 2022–2023 จากบรรดา 25 ตลาดสุขภาพชั้นนำของโลก.

(10) ส่อท่วมตลาดเสนา “อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง” พงษ์นรา เย็นยิ่ง กล่าวถึงสถานการณ์เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ที่ยังคงการระบายน้ำลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อน ในอัตรา 2,400 ลบ.ม./วินาที ทำให้มวลน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้แม่น้ำน้อยมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น และเข้าท่วมพื้นที่ อ.เสนา จซอยุธยา และส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชนกว่า 9,338 หลังคาเรือน จึงมอบหมายให้ สำนักสนับสนุนและพัฒนาตามผังเมือง กองบูรณะและบำรุงรักษา สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.อยุธยา บูรณาการร่วมกับ เทศบาลเมืองเสนา และเทศบาลตำบลสามกอ ลงพื้นที่ตรวจสอบและเร่งดำเนินการแก้ไขสถานการณ์แล้ว ทั้งนี้ จากการสำรวจโครงการปรับปรุงและซ่อมแซมระบบป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ดังกล่าว ระยะที่ 1 พบว่าซ่อมแซมแล้วเสร็จ 82.67% ระดับน้ำที่ขึ้นสูงอาจทำให้ล้นทะลักเข้าท่วมพื้นที่ตลาดเสนา จึงได้มีการวางแผนรับมือสถานการณ์น้ำร่วมกันระหว่างกรมฯ และหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อป้องกันน้ำเข้าท่วม.  

(11) จับยกแก๊งป่วยทิพย์ตำรวจ บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุม “ผู้ต้องหา” ตามหมายจับ 3 ราย คือ 1.นายไพ อายุ 29 ปี 2.นายสหรัฐ อายุ 47 ปี และ 3.น.ส.กุลธิดา อายุ 41 ปี ฐานความผิด “ฉ้อโกง, ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม , เรียกร้องผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยทุจริตหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จในการเรียกร้อง” โดยทั้งหมดมีพฤติการณ์ชักชวน ผู้ที่มีหรือเคยทำประกันสุขภาพ ว่า จะมีผู้ดำเนินการจัดทำเอกสารหลักฐานการเจ็บป่วยเท็จ เพื่อยื่นเคลมประกันสุขภาพ โดยเมื่อได้รับค่าสินไหมทดแทนแล้วจะขอส่วนแบ่ง 50% เมื่อมีผู้เอาประกันสนใจ จะปลอมแปลงผลตรวจจากคลินิก หรือเอกสารใบรับรองแพทย์และหลักฐานการเจ็บป่วยจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง กระทั่ง บริษัทประกันเริ่มเอะใจกับการแจ้งเคลมประกันสุขภาพ เพื่อขอรับค่าสินไหมทดแทน รายละ 100,000 บาท รวมความเสียหาย 300,000 บาท จนต่อมาตรวจสอบพบความผิดปกติว่าเอกสารที่ใช้เป็นหลักฐานแสดงความเจ็บป่วยมักจะออกมาจากคลินิกและโรงพยาบาลแห่งเดียวกันซ้ำๆ จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน งานนี้…โดนกันหนักทั้งจำและปรับ คุก 3 ปี หรือปรับ 300,000 บาท หรืออาจควบสองเลย.

และ (12) มาช้าแถมหนาวน้อยกรมอุตุนิยมวิทยา โพสต์ข้อความคาดการณ์ในเฟซบุ๊ก รายงานถึง สภาพอากาศหนาวในปีนี้ โดยระบุว่า… สำหรับปี 2568 กรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่า ฤดูหนาวจะเริ่มต้นประมาณปลายเดือนตุลาคม 2568 และสิ้นสุดปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2569 ซึ่งจะล่าช้ากว่าช่วงเวลาปกติราว 2 สัปดาห์ ที่ส่วนใหญ่จะเริ่มหนาวราวช่วงกลางเดือนตุลาคม อย่างไรก็ดี ในปีนี้อากาศจะหนาวเย็นน้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยบริเวณประเทศไทยตอนบนประมาณ 21°C (อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยปี 2567 คือ 20.7°C) ส่วนภาคใต้จะมีอากาศเย็นบางแห่งในบางช่วง ส่วนมากตอนบนของภาค แต่ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นต่อไป โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันออกในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ขอให้ชาวภาคใต้ระวังอันตรายจากน้ำท่วม…แล้วพบกันใหม่พรุ่งนี้.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password