‘บิ๊กโจ๊ก’ ยื่น ป.ป.ช.สอบ นายกฯ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ – ลั่นอีก 2-3 วัน แฉอีกทุกคนที่รุมกินโต๊ะ  

“บิ๊กโจ๊ก” บอก “คนใต้เป็นนักสู้เต็มตัว!” ลั่นอีก 2-3 วัน พร้อมแฉทุกคนที่รุมกินโต๊ะตน ประกาศยื่น ป.ป.ช. สอบ “นายกฯเศรษฐา” โทษฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ! ปมแต่งตั้ง “บิ๊กต่อ” เป็น ผบ.ตร. และส่งตัวกลับ สตช. จนถูกให้ออกจากราชการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร. เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นหนังสือถึง ประธาน ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี (1) ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร. ในฐานะที่ตนเป็นผู้มีส่วนได้เสีย และ (2) การออกคำสั่งส่งตัวตนกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนที่ รักษาการ ผบ.ตร. จะมีคำสั่งให้ตนออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมกับขอให้ตรวจสอบว่า การสอบสวนของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดที่ทำคดีเว็บพนันออนไลน์มีอำนาจหน้าที่โดยชอบหรือไม่ รวมถึง ขอให้ตรวจสอบว่าหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนและ พนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ เช่นกัน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า ตนออกมาต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของตัวเอง หลังจากถูกดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรมมา 6 เดือน จนถึงขั้นให้ออกจากราชการไว้ก่อน จึงขอใช้สิทธิ์ในการต่อสู้อย่างถูกต้อง ยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้กังวล เพราะเชื่อมั่นว่าอย่างไรตนก็จะได้กลับมา สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าอำนาจการสอบสวนเป็นของใคร หากสอบสวนโดยไม่มีอำนาจจะต้องติดคุก ซึ่งคดีนี้เริ่มต้นจากการดำเนินคดีกับลูกน้องของตน 8 คน โดยที่ป.ป.ช. ได้เรียกสำนวนดังกล่าว พร้อมสำนวนคดีของตน กับพวกรวม 5 คน กลับไปทำเองเนื่องจากอยู่ในอำนาจหน้าที่ ถือเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง ส่วนตำรวจเป็นเสมือนพวกกล่าวหามีหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งให้ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน

“คดีของมินนี่ ไม่ว่าจะมีกี่เว็บพนัน แต่เมื่อผู้ต้องหาเป็นคนเดียวกัน เส้นอันเดียวกันคือเชื่อมโยงไปยัง พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ถือเป็นคดีเดียวกันจะแยกสำนวนไม่ได้ แต่ ป.ป.ช.เห็นว่าจะเกิดความเสียหายจึงมีมติเรียกสำนวนกลับในวันที่ 2 ธ.ค.66 แต่ในวันรุ่งขึ้น ของวันที่ 3 ธ.ค.66 สน. เตาปูนได้แยกสำนวนคดีและกล่าวหาว่าตนเชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์ ฐานความผิดฟอกเงิน เพราะไม่ต้องการส่งคดีให้ป.ป.ช. เก็บคดีไว้ 4 เดือน ออกหมายเรียก และหมายจับ ตอนนี้อยู่ในกระบวนการสอบเพิ่มเติมของอัยการมานานกว่า 3 เดือนแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้หวังผลทางคดีหวังแค่ไม่ต้องการให้ตนเป็น ผบ.ตร. เท่านั้น ผมจึงทำหนังสือโต้แย้งว่าคดีอยู่ในอำนาจของป.ป.ช. ขอให้พนักงานสอบสวนให้ความเป็นธรรมส่งเรื่องไปยังป.ป.ช. ไม่ใช่เพราะตนรู้จักใคร แต่เพื่อเป็นการสอบสวนโดยธรรมโดยชอบ” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุ

ส่วนการยื่นคัดค้าน นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช. นั้น ตนขออนุญาตไม่พูดในเรื่องนี้ เพราะเอกสารต่างๆ ได้ปรากฏอยู่ในโลกโซเชียลแล้ว แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนปล่อยเอกสารดังกล่าว โดยวันนี้ ตนเพียงแค่มาหาความยุติธรรมเท่านั้น เมื่อองค์กรให้ความเป็นธรรมกับตนไม่ได้ จึงต้องมาหาความยุติธรรมนอกองค์กร ตนรู้ดีว่าสื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า โชคดีที่ตนเป็นคนใต้ เป็นนักสู้เต็มตัว ถ้าเป็นคนอื่นก็คงออกไปแล้วแต่ตนไม่ใช่ ส่วนจะมีการเข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพื่อขอปรึกษาหรือไม่นั้น ตนขอไม่ตอบ เดี๋ยวเรื่องจะบานปลาย พร้อมกับยืนยันได้ว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความมั่นใจที่จะกลับมารับราชการอีกครั้งหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตอบว่า จะกลับไม่กลับอยู่ที่มีอำนาจที่ต้องพิจารณาว่าคำสั่งออกถูกต้องหรือไม่ วันนี้ตนต่อสู้ว่า “ชอบหรือไม่ชอบ” เพราะหากคนไม่สู้ก็คงเสียสิทธิ์ไปตลอดชีวิต ถ้าผิดจริงตนก็ยอม คงไม่สู้ แต่นี่เป็นการสอบสวนโดยไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นกับตน แม้แต่สื่อยังมองเห็นเป็นการรุมกินโต๊ะ เป็นเพราะตนมีความตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง ซึ่งผู้บังคับบัญชาต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งนี้ ตนจะดำเนินการกับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนจะมีคนต้องติดคุกหรือไม่ขอให้รอติดตาม อีก 2-3 วันหลังจากนี้ ตนจะออกมาเปิดเผยเรื่องการตรวจสอบวินัยร้ายแรงให้ได้ทราบอีก.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password