“ธีรยุทธ”ขอเวลา 1 คืน ตัดสินใจยื่น กกต.ยุบพรรคก้าวไกล หลังก่อนหน้าถูกยกคำร้อง
“ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ผู้ร้องศาลรธน. “พิธา-ก้าวไกล” ล้มล้างการปกครอง ขอเวลา 1 คืน ตัดสินใจเดินหน้า ยื่น กกต.ยุบพรรคก้าวไกลต่อหรือไม่ หลังก่อนหน้านี้ ถูกยกคำร้อง
นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการเสนอพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล เป็นการใช้สิทธิ์เสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ เปิดเผยภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ ให้นายพิธา และพรรคก้าวไกล เลิกการกระทำดังกล่าว เพราะเป็นการล้มล้างการปกครองฯ ถึงการดำเนินการหลังจากนี้ว่า ในวันนี้ (31 ม.ค. 67) จะขอกลับไปทบทวนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มีออกมาก่อน ก่อนที่จะพิจารณาว่าจะดำเนินการใด ๆ ต่อไป
ส่วนที่ตนเองยังมีคำร้องอีกฉบับที่ได้ยื่นไว้ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เกี่ยวกับนโยบายในคดีดังกล่าวแล้วนั้น นายธีรยุทธ ชี้แจงว่า กกต. เคยมีคำวินิจฉัยออกมาแล้วว่า นโยบายดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมาย แต่เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมา ในวันนี้ (31 ม.ค.) จึงทำให้ข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนไป
ดังนั้น ตนจึงจะไปพิจารณาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มีออกมาในวันนี้ ก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการต่อไป โดยคาดว่าภายในวันพรุ่งนี้ (1 ก.พ.) น่าจะมีแนวทางที่ชัดเจน
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2566 นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ ยื่นคำร้องต่อประธาน กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบพรรคก้าวไกล ในกรณีที่พรรคก้าวไกลได้ดำเนินการเพื่อยกเลิก ม.112 อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสำเร็จ ซึ่งเป็นการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (2)
โดยนายธีรยุทธ กล่าวว่า จากการติดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2562 และ 2564 ซึ่งมีกรณีการยุบพรรคการเมือง อาทิ พรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งมีประเด็นข้องเกี่ยวกับ ม.112 ในขณะที่ปัจจุบันพรรคก้าวไกลมีนโยบายการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ทำให้เข้าข่ายเป็นการทำลายสถาบัน กระทบต่อความมั่นคง
ดังนั้น การยื่น กกต.ในวันนี้ เพื่อขอให้พิจารณารายละเอียดการกระทำของพรรคก้าวไกลที่มีการเสนอนโยบายดังกล่าว หากมีประเด็นที่เข้าข่ายความผิด ก็อยากให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามความผิดต่อไป ส่วนจะถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ อยู่ที่ศาลพิจารณา
ต่อมา วันที่ 11 มิ.ย. 2566 กกต.ได้มีมติยกคำร้องของ นายธีรยุทธ ดังกล่าวโดยนายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นให้ยุติเรื่องเป็นการใช้อำนาจตามข้อ 7 ของระเบียบ กกต. ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง 2564 ที่กำหนดว่า ในกรณีนายทะเบียนพรรคการเมืองเสนอข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานพร้อมความเห็นว่า ไม่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา 92 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ให้ยกคำร้องหรือยุติเรื่องแล้วแต่กรณี.