ประธาน กกต.ลั่น! ตัดสินคดีถือหุ้นสื่อ “พิธา” ตามข้อเท็จจริง ไม่รู้สึก “กดดัน”จากปมการเมือง
ประธานกกต.ระบุ ขณะนี้ อยู่ระหว่าง รวบรวมข้อเท็จจริงการถือหุ้นสื่อของ หน.พรรคก้าวไกล ปัดตอบต่างจากคดี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับ พยาน หลักฐาน ขณะ “พิธา” ชี้ หากตัดสินกันอย่าง บริสุทธิ์ ยุติธรรม ก็ ไม่รู้สึกกังวล
วันที่ 3 มิ.ย.2566 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึง คำร้องการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า ตอนนี้ อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานจาก กกต. ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาของกกต.ในไม่ช้านี้ เมื่อถามว่าคาดว่าจะมีการส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเพื่อให้สิ้นข้อสงสัยหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้เพราะเรายังไม่เห็นข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ตอบไปก่อนคงไม่ได้
ต่อข้อถามว่า คดีของนายพิธา ต่างจากคดีถือหุ้นสื่อของคนอื่นหรือไม่ อย่างเช่น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายอิทธิพร กล่าวว่า คดีหุ้นทุกคดี จะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง พยานหลักฐานที่นำเสนอต่อเรา เราจะพิจารณาตัดสินไปตามหลักฐานที่มี ถ้าเห็นว่าพยานหลักฐานไม่พอ ก็ขอให้สอบเพิ่ม หรือ ศึกษาเพิ่มได้ ตอนนี้เรายังไม่เห็นพยานหลักฐานที่เป็นทางการ ที่เป็นการทำงานของกกต. ฉะนั้นตนจึงไม่สามารถที่จะพูดอะไรไปได้มากกว่านี้
สำหรับพยานหลักฐานตอนนี้มีเพียงพอ ยังต้องเพิ่มอะไรหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้เพราะสำนักงาน กกต. ยังไม่เสนอเรื่องขึ้นมา อยู่ในระหว่างการดำเนินการของสำนักงานฯ เมื่อถามว่า อย่างกรณี ผู้ที่ถูกร้อง คือนายพิธาจะต้องมีการเรียกมาชี้แจงหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกระบวนการ ถ้าจะเรียกก็คงไม่ใช่กกต.เรียก จะต้องเป็นสำนักงานฯ เรียก
มีหลายคนมองว่ากรณีคำร้องของ นายพิธาเหมือนเป็นการเล่นงานทางการเมืองของฝ่ายการเมือง นายอิทธิพล กล่าวว่า เราไม่เคยดูเรื่องนั้น ทุกคำร้องเราต้องใช้พื้นฐานของระเบียบว่าด้วยการสืบสวนและไต่สวนของ กกต.เป็นหลักในการพิจารณาตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งแรก เมื่อถามโซเชียลมีการกดดันการตรวจสอบคดีหุ้นของนายพิธาหรือไม่นั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า ไม่มี กกต.และสำนักงานฯปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่มาโดยตลอด
โดยก่อนหน้านี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้ตรวจสอบกับทางพรรคแล้ว ขณะนี้ กกต. ยังไม่เรียกเข้าชี้แจง ทั้งนี้ หากตัดสินกันอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ทั้งเรื่องหลักฐาน และเรื่องทางกฎหมาย คิดว่าไม่มีอะไรน่ากังวล เมื่อถามว่าหาก กกต.ไม่สามารถรับรอง ส.ส.ของพรรคก้าวไกลได้ทั้ง 151 คน จะส่งผลกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เข้าใจว่าตามกฎหมายจะรับรองได้ช้าสุดในวันที่ 13 ก.ค.นี้ หากช้าไปก็ติดกระดุมเม็ดแรกไม่ได้ ไม่สามารถเปิดสภา เลือกประธานและรองประธานสภาได้ ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะทำให้ประชาชนเรียกร้องให้ กกต.ทำให้เร็วมากขึ้น ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์กับประชาชน.