ครม.เคาะคำถามเดียว ถามคนไทย ‘ควรมี รธน.ใหม่ไม๊?’

ครม.เห็นชอบใช้คำถามประชามติของฝ่ายบริหารเพียงคำถามเดียว ถามประชาชน “สมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่” จัดลงประชามติพร้อมเลือกตั้ง 8 ก.พ. ปีหน้าด้าน “บวรศักดิ์” ย้ำชัด! ไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ–พ.ร.บ.ประชามติ กฤษฎีกา และสลค.เห็นพ้อง ปิดปมถกเถียงข้อกฎหมาย
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบการดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติครั้งที่หนึ่ง เพื่อขอความเห็นชอบจากประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกำหนดคำถามประชามติเป็นคำถามของคณะรัฐมนตรีเพียงคำถามเดียว คือ “ท่านเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่” พร้อมเห็นชอบให้จัดการออกเสียงประชามติในวันเดียวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 เพื่อใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างคุ้มค่า ลดภาระงบประมาณ และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนใช้สิทธิในคราวเดียว
น.ส.ลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มติดังกล่าวเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยคำถามที่คณะรัฐมนตรีเลือกใช้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 18/2568 และบทบัญญัติตามกฎหมายประชามติ ซึ่งกำหนดให้คำถามต้องมีความชัดเจน ไม่ชี้นำ
รองโฆษกฯระบุด้วยว่า คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ปรับปรุงและจัดทำข้อมูลประกอบการออกเสียงประชามติ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน ถูกต้อง และเข้าใจบริบทของคำถามอย่างรอบด้าน ก่อนส่งให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการเผยแพร่ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป พร้อมเชิญชวนประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสาร และเตรียมพร้อมใช้สิทธิออกเสียงประชามติควบคู่กับการเลือกตั้งในวันเดียวกัน เพื่อร่วมกำหนดทิศทางทางการเมืองของประเทศ

ขณะเดียวกัน ประเด็นการเลือกใช้คำถามประชามติของคณะรัฐมนตรีเพียงคำถามเดียว ได้รับการยืนยันความชอบด้วยกฎหมายจากฝ่ายกฎหมายระดับสูง โดย นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและนักวิชาการด้านกฎหมายมหาชน ระบุว่า การเลือกใช้คำถามของคณะรัฐมนตรีเป็นแนวทางที่ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติแต่อย่างใด
นายบวรศักดิ์กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากทั้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยเหตุผลสำคัญคือกฎหมายประชามติเปิดช่องให้คณะรัฐมนตรีสามารถกำหนดคำถามได้ หากเป็นคำถามที่อยู่ในกรอบกฎหมายและไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมย้ำว่า หากเลือกใช้คำถามในแนวทางเดียวกับที่พรรคภูมิใจไทยเสนอไว้ตั้งแต่แรก ก็จะไม่เกิดปัญหาข้อกฎหมายหรือความเห็นต่างในประเด็นนี้ท่าทีดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการ “ปิดเกมข้อถกเถียงทางกฎหมาย” เกี่ยวกับความชอบธรรมของคำถามประชามติ หลังจากก่อนหน้านี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายการเมืองและนักวิชาการบางส่วน ถึงความเหมาะสมในการเลือกคำถามและอำนาจของฝ่ายบริหารในการเดินหน้ากระบวนการประชามติ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ด้านแหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งระบุว่า กกต.มีความพร้อมในการจัดการออกเสียงประชามติควบคู่กับการเลือกตั้งทั่วไป แต่ต้องดำเนินการภายใต้กรอบเวลาตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการจัดทำและเผยแพร่ข้อมูลประกอบการออกเสียงประชามติให้ประชาชนได้รับทราบอย่างเพียงพอ พร้อมย้ำเตือนพรรคการเมืองและผู้เกี่ยวข้องให้ระมัดระวังการรณรงค์หาเสียง ไม่ให้มีลักษณะชี้นำคำตอบประชามติ อันอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายประชามติ
ทั้งนี้ การจัดประชามติควบคู่กับการเลือกตั้งถูกประเมินว่าเป็นหมากทางการเมืองที่รัฐบาลต้องการลดแรงเสียดทานในเชิงกระบวนการ พร้อมสร้างความชอบธรรมผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชน ขณะที่ผลการออกเสียงประชามติในคำถามดังกล่าว จะเป็นจุดตั้งต้นสำคัญของขั้นตอนต่อไปในการพิจารณาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งยังต้องอาศัยกลไกของรัฐสภาและกระบวนการตามกฎหมายอย่างเป็นลำดับ.






