วิกฤตคู่!!!

(เพื่อไทยรอให้ “2 วิกฤต” ชนกัน! ก่อนยื่น “ซักฟอก” เชือดรัฐบาล)
คำพูดการเมือง “ให้เวลารัฐบาลแก้น้ำท่วม” หาใช่สิ่งที่อยู่ในใจ แน่นอน! ฝ่ายค้านไม่ได้เลื่อนซักฟอกเพราะเหตุผลข้างต้น เพียงแต่พวกเขา “รอจังหวะ?” ที่ 2 วิกฤต “ความล้มเหลวจัดการน้ำท่วมใต้ – ตีตก! ร่างแก้ รธน.3” ชนกันเต็มแรง!!! หวังใช้แรงปะทะนี้ เป็นแกนในเกม “โค่นรัฐบาล” ก่อนสู่สนามเลือกตั้งที่ก่อตัวเร็วเกินคาด
ท่ามกลางกระแส “ชิงไหวชิงพริบ!” ในทางการเมือง…หลังน้ำยุบที่ภาคใต้ ที่สุด! นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศตัดสินใจประกาศเลื่อน! ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือที่ “คอการเมือง” เรียกกันติดปากว่า “ยื่นซักฟอก” ออกไปก่อน
ด้วย เหตุผลหน้าฉาก คือ ไม่อยากซ้ำเติมพี่น้องชาวใต้ และ เปิดทางให้ รัฐบาล ภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้มี “สติ” กับการแก้ปัญหาให้ชาวบ้านเหยื่อน้ำท่วมครั้งร้ายแรงที่สุด
“ต้องให้รัฐบาลมีสมาธิช่วยน้ำท่วมใต้ก่อน” คำสั้นๆ จากปาก…นายจุลพันธ์
แต่หลายเสียงในพรรคเพื่อไทย ออกมายอมรับ ชนิดไม่ปิดบังว่า…การเลื่อนครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงความปรานี หรือการเมืองเชิงสร้างสรรค์ หากเป็นการ “อ่านจังหวะ” ที่ซับซ้อนกว่านั้น???
เพราะ รัฐบาลอนุทิน กำลังประสบชะตากรรม “2 วิกฤต” มาเจอกัน หนึ่งคือ…ปัญหาอุทกภัยภาคใต้ และอีกหนึ่งคือ…ความเสี่ยง! ที่ร่างแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 จะล้มคว่ำ!
2 สิ่งนี้…อาจกลายเป็นแรงกระแทกเข้าใส่ “รัฐบาลอนุทิน” ไปพร้อมกัน!!!
ซึ่งจะทำให้ การซักฟอก…มีน้ำหนักทางการเมืองสูงกว่าการ “รีบยื่น” ในช่วงที่ประชาชนยังอยู่ท่ามกลางความเดือดร้อน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายในพรรคกำลังลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย และย้ำว่า “ตอนนี้ทุกคนให้ความสำคัญกับน้ำท่วมก่อน เราจึงต้องชะลอการยื่นญัตติไว้”
แต่ฟังน้ำเสียงของคนร่วมพรรคฯ อย่าง…นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ ที่ออกมาให้ภาพชัดขึ้น ยืนยันว่า…แม้จะมีการเลื่อน แต่ใจความสำคัญไม่ได้เปลี่ยนไป นั่นเพราะ…
“เราต้องแสดงความเห็นคัดค้านไว้ให้ประชาชนรับทราบ แม้จะรู้ว่าเสียงเราสู้ไม่ได้ แต่การบริหารจัดการน้ำท่วมครั้งนี้ผิดพลาดร้ายแรงอย่างไม่ควรเกิด ผู้นำอ่อนแอเกินไป ทำงานเหมือนเด็กเล่นขายของ”
คำพูดดังกล่าว สะท้อนว่า…ฝ่ายค้านไม่ได้มองวิกฤตน้ำท่วมเป็นเพียงภัยธรรมชาติ แต่เป็น “หลักฐานสาธารณะ” ของการบริหารที่ล้มเหลว ซึ่งจะถูก “ซักฟอกเต็มรูปแบบ” ในเวทีสภาฯ อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน ภายในรัฐสภา…ยังมีอีกสมรภูมิหนึ่ง? ที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ นั่นคือ…การพิจารณาร่างแก้รัฐธรรมนูญในวาระที่ 2 และ 3 โดย นายประยุทธ์ ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย ชี้ว่า…“โอกาสผ่านวาระ 3 แทบไม่มี เพราะติดล็อกเสียง ส.ว. 1 ใน 3 ซึ่งเสียง ส.ว. ไม่น่าจะให้ผ่าน! เป็นการเบี้ยวเอ็มโอเอ”
เสียงเตือนนี้…ไม่ใช่เพียงมุมมองของฝ่ายค้าน แต่เป็นความจริง! ที่นักการเมืองทุกฝ่ายต่างรับรู้กันดี!!!
อีกด้านหนึ่ง นายกฯอนุทิน เอง ก็พยายาม “รักษาน้ำหนัก” ทางการเมือง โดยย้ำหนักแน่นว่า…“รัฐบาลนี้ไม่เกินวันที่ 31 มกราคม 2569 แน่นอน! เรามี MOA และผมทำทุกอย่างตามเงื่อนไขที่ให้ไว้”
และเมื่อถูกถาม เรื่องกระแสซักฟอก เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่สะท้อนทั้งความเหนื่อยและความพยายามว่า… “หายใจอีกแป๊บเดียวก็ยุบสภาฯแล้ว ถ้ายุบตอนมีภัยพิบัติ รัฐบาลจะทำงานช่วยเหลือประชาชนได้ลำบาก แต่ถ้าจำเป็นก็ไม่มีทางเลือก เราต้องพร้อม”
คำกล่าวนี้ บ่งบอกชัดว่า…รัฐบาลรู้ดีว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนเส้นบาง ๆ ระหว่าง…การต้องแก้ปัญหาน้ำท่วม กับการรักษาเสถียรภาพทางการเมือง
หากฝ่ายค้านเลือกยื่นซักฟอกในจังหวะที่น้ำยังไม่ลด! ความเดือดร้อนยังหนัก และการเยียวยายังไม่ทั่วถึง ก็มีโอกาสที่สังคมจะย้อนถามกลับ ว่า…พรรคเพื่อไทยกำลังใช้ช่วงเวลาแห่งทุกข์ของประชาชน เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่???
ซึ่งถือเป็น ความเสี่ยง! ที่…พรรคเพื่อไทย เอง ก็มองเห็นอยู่…
แต่ในทางกลับกัน หากรอจนถึงช่วงที่ ร่างแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 ถูกลงมติจากที่ประชุมร่วมรัฐสภา (สว. + สส.) และ “ไม่ผ่าน” ตามที่หลายฝ่ายได้ประเมินเอาไว้
ทันทีที่เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้น! โอกาสของฝ่ายค้านก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก! และความล้มเหลวของรัฐบาลในรอบนี้ จะกลายเป็น “มรดกบาป” ในทางการเมือง…ที่รัฐบาลมิอาจจะลบออกไปได้ง่าย ๆ
เมื่อร่างแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 ถูกตีตก! ท่ามกลาง “บาดแผล” จากการบริหารน้ำท่วม การซักฟอกที่จะตามมาในช่วงต้นเดือนมกราคม 2569 จะถือเป็น “พายุลูกใหญ่!” ที่โจมตีความเชื่อมั่นของรัฐบาล พร้อมกันที่เดียวใน 2 จุด!!!
ทั้งในเชิงการบริหารที่ผิดพลาด และภารกิจโครงสร้าง (ร่างแก้รัฐธรรมนูญฯ) ที่ทำไม่สำเร็จ…
อีกด้านหนึ่ง รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย เอง ก็รู้ดีว่า…การถูกอภิปรายในจังหวะที่ “คะแนนนิยม” กำลังร่วง! หลังน้ำท่วม อาจสร้างความเสียหายระยะยาว
ด้วยเหตุนี้…การยุบสภาฯ อาจกลายเป็น “ยุทธศาสตร์” ที่ดีที่สุด! ของรัฐบาล
ไม่ใช่เพราะต้องการ “หนีซักฟอก” แต่เป็นเพราะ…การเลือกตั้งใหม่ อาจให้โอกาสพรรคภูมิใจไทย และพรรคพันธมิตร จะได้เร่ง “รีเซ็ต” เกมทางการเมือง กันใหม่
โดยเฉพาะเมื่อ นายกฯอนุทิน แสดงความมั่นใจแบบกึ่งประชด จากผลโพลหลายสำนักที่มีออกมาในห้วงนี้ ในทำนอง… “ผมมาจาก 0.2% ทุกวันนี้ได้อันดับ 3 ผมก็ไหว้สาธุแล้ว”
นั่นคือสัญญาณ ว่า…รัฐบาลกำลังประเมินทุกตัวเลือกอย่างจริงจัง???
ส่วนใคร? จะได้ประโยชน์มากที่สุด! หากเกิดการ “ซักฟอก” กระทั่ง นำไปสู่การ ประกาศยุบสภาฯ นั้น คำตอบ…ไม่ได้จำกัดอยู่แค่พรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ขึ้นกับว่า…พรรคใดมีโครงสร้างที่พร้อม มีความสามารถในการจัด “ผู้สมัคร” ลงพื้นที่ และ “ไม่ถูก – ดิสเครดิต” จากวิกฤตน้ำท่วม
พรรคภูมิใจไทย อาจ “ถือไพ่” เหนือบางพรรคที่แบกรอยแผลการเมือง แต่ พรรคฝ่ายค้านบางส่วน ก็อาจได้ประโยชน์จากการ ทำให้ภาพรัฐบาลอ่อนแรงลง ก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้ง
ขณะที่ พรรคใหม่ หรือพรรคที่วางตัวเป็น “ทางเลือกนอกระบบพรรคใหญ่เดิม” ก็อาจ “กอบโกย” คะแนนความเบื่อหน่ายการเมืองแบบเดิม ๆ ได้ไม่มากก็น้อย
ท้ายที่สุด! การเลื่อนซักฟอกของพรรคเพื่อไทย จึงไม่ใช่การถอย? แต่เป็นการ “รอจังหวะ” ให้ทรงพลังที่สุด!
เมื่อ 2 วิกฤต “น้ำท่วมใหญ่ – ร่างรัฐธรรมนูญถูกตีตก” ค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหากัน…อย่างมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้แล้ว ในจังหวะนั้น…ไม่ว่าจะเป็นการ “ซักฟอก” ที่เปิดศักราชปีใหม่ หรือการ “ยุบสภาฯ” ที่เร็วกว่าคาดการณ์เดิม
การเมืองไทย…ห้วงต้นปี 2569 ก็จะถูกเขียนหน้าประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่! ด้วยพลัง “วิกฤตคู่” ที่ไม่มีฝ่ายใด?สามารถหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป!!!.






