ครม.รับทราบ MOU แรร์เอิร์ธ – ‘อนุทิน’ ยัน! เป็นแค่ความร่วมมือศึกษา ไม่ผูกพันทาง กม.

“นายกฯอนุทิน” ยืนยัน MOU แรร์เอิร์ธกับสหรัฐฯ ไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย ชี้! เป็นเพียงความร่วมมือเพื่อการศึกษาเท่านั้น หากไทยทำได้เองสามารถยกเลิกได้ทันที รัฐบาลย้ำ! MOU นี้เปิดโอกาสยกระดับอุตสาหกรรมแร่ไทย เชื่อมซัพพลายเชนโลก ไม่ใช่การให้สัมปทานหรือผูกขาดรายใดรายหนึ่ง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึง การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่หายาก หรือ “แรร์เอิร์ธ” ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา โดยยืนยันว่า สิ่งนี้ไม่ใช่ข้อตกลงที่ผูกพันทางกฎหมาย และไม่ได้เป็นการให้สัมปทานแก่ประเทศใด แต่เป็นเพียงกรอบความร่วมมือเพื่อศึกษาแนวทางพัฒนาในอนาคต หากประเทศไทยมีศักยภาพในการสำรวจ แปรรูป และจัดการตลาดได้ด้วยตนเอง ก็สามารถยกเลิก MOU ได้ทุกเมื่อโดยไม่เสียประโยชน์ใด ๆ
ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ฝ่ายแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและองค์ความรู้ โดยเฉพาะในกรณีที่สหรัฐฯ มีเทคโนโลยีหรือช่องทางตลาดที่สามารถช่วยเพิ่มศักยภาพให้ไทยได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าไทยจะต้องผูกขาดการทำงานกับสหรัฐฯ รายเดียว ทั้งนี้ การเจรจาและลงนามดำเนินการผ่านกระทรวงการต่างประเทศซึ่งได้ให้ความเห็นชอบแล้ว เห็นว่าเป็นการแสดงท่าทีที่เป็นมิตรและสร้างผลบวกต่อความร่วมมือในด้านอื่น ๆ เช่น การค้าและภาษี
นายกรัฐมนตรี เน้นว่า ไม่มีแรงกดดันจากสหรัฐฯ และไม่ใช่การ “ลักไก่” เพราะทุกอย่างผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างถูกต้อง พร้อมย้ำว่า ไทยยังคงรักษาสมดุลความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยได้ชี้แจงต่อจีนถึงรายละเอียดของความร่วมมือดังกล่าวแล้วเช่นกัน
เมื่อถูกถามถึง ข่าวลือเรื่องการลงนามจัดซื้อเครื่องบิน 80 ลำจากสหรัฐฯ นายอนุทิน ปฏิเสธชัดว่า “ไม่เกี่ยวกันเลย” และระบุว่า การหารือครั้งนี้เป็นเพียงการแสดงท่าทีที่เป็นมิตรระหว่างประเทศเท่านั้น ใครจะมองว่าเป็น “ซูเปอร์ดีล” ก็แล้วแต่ความคิดเห็นส่วนบุคคล
ด้าน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยภายหลัง การประชุม ครม. ว่า ที่ประชุมได้รับทราบมติ ครม. เกี่ยวกับบันทึกความเข้าใจเรื่องแร่หายาก ไทย–สหรัฐฯ โดยยืนยันอีกครั้งว่า MOU ดังกล่าวไม่ใช่กฎหมาย แต่เป็นเพียงกรอบความร่วมมือเพื่อพัฒนาห่วงโซ่อุปทานแร่หายาก ตั้งแต่การสำรวจ การสกัด การแปรรูป การกลั่น การรีไซเคิล ไปจนถึงการกู้คืนแร่ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง.






