ปรับ-ตัด? ก่อนบานปลาย!!!

ภาพคนรุ่นใหม่ Gen Z เคลื่อนไหวคัดค้าน “สวัสดิการเกินจำเป็น” ของนักการเมือง ยังคงฝังใจ จดจำ จนยากจะลืมเลือน? เหตุการณ์ที่ “อินโดฯ – เนปาล – ฟิลิปปินส์” กำลังจะถูกส่งต่อมายังประเทศไทยหรือไม่? กับการตั้งงบค่าอาหารที่สูงเกินจริงและเกินความจำเป็น ไม่นับรวม…การใช้จ่ายผ่านโครงการฟุ่มเฟือยอื่นๆ ท่ามกลางภาพตัด “ส.ส.โดดประชุมฯ” การพิจารณา “ปรับลด – ตัดงบฯ” อาจช่วยมิให้สถานการณ์นี้…บานปลายใหญ่!!! อ่าน… “6 ข้อเสนอ” จากทีมข่าวการเมืองฯ

ผ่านวันแรก (29 ก.ย.2568) ไปแล้ว…สำหรับ การแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา!!! หลายเรื่องที่ “รัฐบาลอนุทิน” ไม่ได้บรรจุไว้ในนโยบายของรัฐบาล???

และเป็น ประเด็นที่ฝ่ายค้าน ทั้งฝั่งค้ำและแค้น พุ่งเป้าโจมตี โดยเฉพาะ นโยบายแก้ปมทุจริตคอร์รัปชั่นของทั้งนักการเมืองฝ่ายบริหารและฝั่งข้าราชการประจำ

อีกเรื่อง! ดูเหมือนทั้ง รัฐสภา คือ…ฝั่ง ส.ส. และฟาก ส.ว. ไม่เอ่ยถึงกันเลย และไม่แน่ว่า…การแถลงนโยบายฯในวันที่ 2 (30 ก.ย.) ซึ่งเป็นวันสุดท้าย…จะมีการเอ่ยถึงบ้างหรือไม่?

นั่นคือ ข้อเสนอให้มีการพิจารณา “ตัดงบค่าอาหารของ ส.ส.และ สว.” เนื่องเพราะงบประมาณเดิม โดยเฉพาะ ในฝั่งของ ส.ส. ที่ สภาผู้แทนราษฎร ได้กำหนดวงเงินงบประมาณค่าอาหารเอาไว้…ปีละประมาณ 72 ล้านบาท นั้น

จากข้อมูลการเบิกจ่ายจริง! พบว่า…มีการใช้จ่ายกันเพียง 35 ล้านบาทเท่านั้น ในปีงบประมาณ 2567

นั่นจึงนำไปสู่การเสนอ…ขอให้ สภาผู้แทนราษฎร ได้ทำการพิจารณาปรับลดงบค่าอาหารฯ ในส่วนของ ส.ส. โดย นพ. ทศพร เสรีรักษ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย กระทั่ง นำไปสู่การหั่นงบฯส่วนนี้ออกไป 15 ล้านบาท จากเดิม 72 ล้านบาท เหลือ 57 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2568

แม้จะเหลืองบค่าอาหารของ ส.ส. 57 ล้านบาท แต่การนำเงินไปใช้จริง…ก็ยังเหลืออยู่ดี???

และในความเหลือของงบประมาณเพื่อการนี้ มี ส.ส.หลายคน…ตั้งข้อสังเกตถึงคุณภาพเทียบกับราคาอาหารที่ค่อนข้างแพง

บางคนตั้งคำถามกับผู้เกี่ยวข้องในทำนอง…อาหารแพงไปหรือไม่?

แปลก! คำตอบของข้อสงสัยข้างต้น? ทำให้มีการปรับลดราคาอาหารลงมา โดยที่ยังคงคุณภาพอาหารไว้เหมือนเดิม…มันคืออะไรกันนี่!!??

กระนั้น ปริมาณอาหารที่มีในวันประชุมสภาฯ กับความต้องการกินของบรรดา ส.ส. พบว่า…มีเหลือมากพอให้ คนติดตาม ส.ส. ข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างของสภาฯ พากันหอบหิ้วกลับบ้าน จนกลายเป็น…ภาพชินตา ของนักข่าวประจำสภาฯและผู้คนทั่วไป

ขนาดฟุ้งเฟ้อ…ฟุ่มเฟือยกันขนาดนี้ ยังใช้จ่ายงบประมาณที่มี…ได้ไม่ถึงครึ่งของงบฯเดิม (72 ล้านบาท) ที่ตั้งกันไว้???

ณ วันนี้…ตัวเลขของงบค่าอาหารของบรรดาท่าน ส.ส. ยังคงวิ่งอยู่ที่ระดับสูงกว่า 50 ล้านบาทต่อปี แล้วมันจะ คุ้มค่ากับบทบาทหน้าที่ของ ส.ส. ที่บางคน? ยังใช้วิธีการ “หนีประชุม” ไม่ว่าจะเป็นมา…ขาด ลา มาสาย ไม่เข้าสภาฯ โดดประชุม ฯลฯ สารพัด…หรือไม่? อย่างไร?

หากการแถลงนโยบายในวันที่ 2 นี้ ไม่มี ส.ส.ฝ่ายไหน? ฟากใด? หยิบยกเรื่องนี้ ขึ้นมาพูด…ก็นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะเงินของแผ่นดิน ทุกบาททุกสตางค์ “ตกน้ำไม่ไหล…ตกไฟไม่ไหม้” ควรจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

การเอาเงินงบประมาณแผ่นดิน มาใช้กับ พวก…ขี้เกียจสันหลังยาวนั้น คนไทย…ก็คงอดคิดไม่ได้ว่ามันคุ้มค่าหรือไม่???”

ท่ามกลางห้วงเวลาที่ สังคมไทย…กำลังเผชิญกับความท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม การจะปลุกให้มีเสียงเรียกร้องต่อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้คนกลุ่มนี้…ใช้ภาษีประชาชนอย่างคุ้มค่าและเหมาะสม

ดังขึ้นมา!!! ย่อมไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปนัก

โดยเฉพาะ “งบค่าอาหาร” ซึ่งเป็น หนึ่งในสวัสดิการของ ส.ส. ที่สังคมไทย อดคิดไม่ได้ว่าเป็นการสิ้นเปลืองและฟุ่มเฟือยหรือเปล่า?

เพราะ ส.ส.ทุกคน ต่างได้รับเงินเดือนและเบี้ยประชุมที่เพียงพออยู่แล้ว!!!

นาทีนี้…เริ่มมีเสียงสะท้อนจาก ประชาชนในโลกออนไลน์จำนวนมาก ที่แสดงออกถึงความไม่พอใจต่อการใช้จ่ายเช่นนี้ และนั่น อาจนำไปสู่การปลุกกระแส…กดดัน! เพื่อให้เกิดการ “ตัดงบ” หรือ “ปรับลด” เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม…ก็อาจเป็นไปได้???

นอกจาก นพ.ทศพร ซึ่งได้เสนอในการประชุมสภา เพื่อให้ “ตัดงบค่าอาหาร ส.ส.” แล้ว ก็เคยมีข้อเสนอของ

“ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ซึ่งได้อภิปรายเรื่องการปรับลดงบประมาณของรัฐสภาในแง่มุมอื่น ๆ โดยเฉพาะ งบประมาณเพื่อปรับปรุงสิ่งก่อสร้างและอุปกรณ์ภายในอาคารรัฐสภา เช่น โครงการปรับปรุงศาลาแก้วมูลค่ากว่า 120 ล้านบาท โครงการปรับปรุงห้องประชุมอีกกว่า 100 ล้านบาท รวมทั้ง โครงการติดตั้งจอ LED ทั้งภายในและนอกอาคาร

ซึ่งถูกมองว่า…เป็นความสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น!!!

ข้อเสนอดังกล่าว ยังทำให้เห็นว่า…ไม่ใช่เพียงงบอาหารเท่านั้นที่ถูกตรวจสอบ แต่ยังรวมถึงงบฟุ่มเฟือยประเภท “โครงการปรับปรุง” ภายในรัฐสภาที่ถูกตั้งคำถามว่ามีความจำเป็นจริงหรือไม่???

เมื่อมองย้อนกลับไปใน ประวัติศาสตร์การเมืองของเพื่อนบ้านในเอเชีย กระทั่ง เหตุการณ์จริง…ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่นานนัก จะพบว่า…หลายประเทศต่างเผชิญกับปัญหาคล้ายคลึงกัน

หากละเลยไม่จัดการตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็อาจบานปลายจนกลายเป็น “วิกฤตศรัทธา” ต่อระบบการเมืองทั้งหมด!!!

กรณีของ อินโดนีเซีย เคยเกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก เกี่ยวกับ…สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของ ส.ส. ที่ถูกมองว่าฟุ่มเฟือย โดย NGO และสื่อมวลชนออกมากดดันจนรัฐบาลต้องยอมเปิดเผยการเบิกจ่ายและปรับลดสวัสดิการบางส่วน

ส่วน เนปาล ก็เคยเผชิญการประท้วงใหญ่ เมื่อ สมาชิกสภาอนุมัติเงินพิเศษสำหรับตนเองทั้งที่ประเทศกำลังอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จนรัฐสภาถูกขนานนามว่าเป็น…Parliament of Perks” หรือ “สภาแห่งสิทธิประโยชน์” และต้องเผชิญแรงกดดันอย่างหนักในการปฏิรูป

ในขณะที่ ฟิลิปปินส์ ก็มีกรณีอื้อฉาว pork barrel funds” ซึ่งเป็น กองทุนพิเศษที่ ส.ส. สามารถนำไปใช้ในพื้นที่ตนเองได้ และกลายเป็นช่องทางทุจริตครั้งใหญ่ จนนำไปสู่การเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ Million People March” ที่ประชาชนออกมาประท้วงเป็นล้านคน

สุดท้าย! รัฐบาลฟิลิปปินส์ ก็ต้องยกเลิกกองทุนนี้และดำเนินคดีกับนักการเมืองจำนวนมาก

บทเรียนจาก 3 ประเทศเพื่อนบ้านของไทย มันได้ชี้ให้ชัดๆ ว่า…หากฝ่ายการเมือง ทั้งบรรดา ส.ส. และ/หรือ ส.ว. ละเลยสวัสดิการที่ไม่จำเป็นเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจกลายเป็นเชื้อไฟลามจนเกิดการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ใหญ่โต

และ ประเทศไทยเอง ก็ไม่อาจมองข้ามความเสี่ยงนี้ได้ โดยเฉพาะในยุคที่ คนรุ่นใหม่ หรือ Gen Z กำลังมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น

พวกเขา คือ กลุ่มคนที่เติบโตมากับโลกออนไลน์ มีความคุ้นเคยกับการใช้โซเชียลมีเดีย เป็นพื้นที่ต่อสู้ทางการเมือง และเคยมีประสบการณ์เคลื่อนไหวมาแล้วในการชุมนุมทางการเมืองระหว่างปี 2563–2565

ทำให้ความตื่นตัวใน เรื่องการใช้งบประมาณของรัฐสภาที่ไม่คุ้มค่า อาจกลายเป็น “ชนวนใหม่” ที่กระตุ้นให้เกิดกระแสเรียกร้องรอบใหม่ได้ไม่ยาก

หาก ส.ส. ยังไม่เร่งจัดการปัญหานี้ สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เป็นไปได้สูง!

เริ่มตั้งแต่…ความเสื่อมศรัทธาต่อสภาอย่างรุนแรง!!??

ประชาชนจำนวนมาก อาจรู้สึกว่า…นักการเมืองไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชน แต่กลับเป็นเพียง “ข้าราชการการเมืองที่กินภาษี”

โอกาสจะเกิด การประท้วงเชิงสัญลักษณ์ โดย กลุ่มเยาวชน Gen Z เช่น การนำข้าวกล่องราคาถูกไปวางหน้ารัฐสภาเพื่อเปรียบเทียบกับงบอาหาร ส.ส. ก็อาจเกิดขึ้นจริง ขณะที่ ในโลกออนไลน์ อาจมีการสร้างแคมเปญติดแฮชแท็ก เช่น #ส.ส.กินฟรี! ภาษีประชาชน

สิ่งเหล่านี้…อาจจะสร้างแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นประเด็นใหญ่ระดับชาติ???

ความน่าเชื่อถือของสภาฯ ในสายตานานาชาติ…ก็อาจถดถอยลง หากถูกเปรียบเทียบว่า…ประเทศไทยไม่ยอมจะปฏิรูป!

แม้แต่เรื่องเล็กน้อยที่เกี่ยวกับ…ความโปร่งใสทางการเงิน!!!

ฝ่ายการเมืองของไทย…อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงดังกล่าว ดังนั้น “ทีมข่าวการเมือง – ยุทธศาสตร์” ก็มีข้อเสนอแนะถึงแนวทางแก้ไขที่อาจช่วยให้รัฐสภา สามารถจัดการปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่กระทบต่อการทำงาน

ข้อเสนอเหล่านี้ ประกอบด้วย…

1.การแยกงบอาหารประจำ ออกจากงบเลี้ยงรับรองให้ชัดเจน

2.การกำหนดบทลงโทษ…แบบค่อยเป็นค่อยไป สำหรับการขาดประชุม หรือมาสาย

3.การออกเกณฑ์สิทธิและข้อยกเว้นที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการตีความผิดพลาด

4.การเปิดเผยข้อมูลการเบิกจ่ายออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้

5.การประเมินผลกระทบต่อประสิทธิภาพการประชุม เพื่อลดข้ออ้าง

และ 6.การเชื่อมโยงเกณฑ์การเข้าประชุม กับการประเมินผลงานของ ส.ส. เพื่อให้การทำหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิผลและคุ้มค่าภาษีประชาชน

ทั้งหมดนี้…ไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาเชิงสัญลักษณ์ แต่มันคือ…การวางรากฐานใหม่ให้กับสภาผู้แทนราษฎรไทย เพื่อให้…สามารถทำงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้

หากปล่อยให้เรื่องเล็ก ๆ เช่น งบค่าอาหาร หรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ถูกใช้ไปโดยไม่จำเป็น ก็ไม่ต่างจากการปล่อยให้ไฟเล็ก ๆ ลุกลามจนยากที่จะควบคุมได้ในภายหลัง

ท้ายที่สุด! บทเรียนจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งใน…อินโดนีเซีย เนปาล และฟิลิปปินส์ ก็อาจเป็นแรงขับ และส่งสัญญาณเตือนกลับมายังประเทศไทย ในทำนอง…

สภาผู้แทนราษฎรของไทย…ควรทำการ “ปรับลด – ตัดงบฯ” ที่ไม่จำเป็น รวมถึง…หันมาเร่งปฏิรูประบบสวัสดิการที่ไม่จำเป็น…

เริ่มเสียแต่วันนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลาย และกลายเป็น กระแส Gen Z ในประเทศไทย!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password