ฝัน(อย่า)สลาย!!??

ฝ่ายที่ต้องการจะ ดับฝันพยายามสร้างเงื่อนไขนำไปสู่การชิงประกาศตัดหน้ายุบสภาฯ ขณะที่อีกฝ่าย วาดฝันขอให้ฝันอย่าได้สลาย

การเมืองไทยในช่วงเวลานี้ ถูกเขย่า! ภายใต้การตัดสินใจด้วย เงื่อนไขพิเศษ! เฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่บางส่วนของสังคมไทย แอบคาดคิดกันไว้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว

ทันทีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ ทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานยุบสภาผู้แทนราษฎร โดยให้เหตุผลว่า…

รัฐบาลไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพราะพรรคประชาชนตัดสินใจสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

แต่จะไม่เข้าร่วมรัฐบาล

ทำให้ เสียงของฝ่ายรัฐบาลเหลือเพียงราว 130 กว่าเสียง ซึ่งถือเป็นเสียงข้างน้อยในสภา และย่อมไร้ซึ่งเสถียรภาพทางการเมือง

การอ้างเหตุผลดังกล่าว ถูกมองว่า…เป็นเพียงการสร้างข้ออธิบายเพื่อรองรับการยุบสภา

ทั้งที่แท้จริงแล้ว…เบื้องหลังสะท้อนถึงข้อเท็จจริง ที่พรรคเพื่อไทยและนายทักษิณ ชินวัตร รับไม่ได้! หากพรรคภูมิใจไทยจะก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาลชุดใหม่

ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นวานนี้ (2 ก.ย.) ที่ พรรคเพื่อไทย โดยมี 2 อดีตนายกรัฐมนตรี อย่าง…..แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค และนายทักษิณ ชินวัตร ผู้ก่อตั้งพรรค ปรากฏตัวเข้าร่วมประชุม

ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า…การตัดสินใจทางการเมืองครั้งนี้ อาจไม่ได้เป็นเพียงการดำเนินการของรักษาการนายกรัฐมนตรีเท่านั้น

แต่ยังมีแรงผลักดันจาก อดีตผู้นำที่ยังคงมีอิทธิพลต่อทิศทางการเมืองของพรรคอย่างเข้มข้น

เหตุผลที่ถูกหยิบยกขึ้นมาในการยุบสภาฯ ไม่ว่าจะเป็น กรณีการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่จะไม่สามารถบริหารประเทศได้ หรือ ความกังวลต่อความเชื่อมั่นของสังคมไทย

ทั้งหมด…ต่างถูกมองว่าเป็นเพียง ข้ออ้างที่ใช้เพื่อกลบความจริงอีกด้านหนึ่ง ทำนอง…

พรรคเพื่อไทยและนายทักษิณไม่อาจยอมรับได้ หากภูมิใจไทยขึ้นมาเป็นรัฐบาล

เพราะนั่น…อาจหมายถึงการสูญเสียอำนาจต่อรองและส่งผลกระทบต่อคดีความสำคัญที่เกี่ยวพันกับอดีตนายกฯ โดยตรง

การที่ พรรคประชาชน หันไปสนับสนุน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากภูมิใจไทย แต่ไม่เข้าร่วมรัฐบาล ถือเป็น เกมการเมืองที่พลิกกระดานอย่างไม่ทันตั้งตัว

พรรคเพื่อไทย ย่อมตระหนักดีว่า…การเดินหน้าต่อไปในสภาฯ ด้วยเสียงเพียง 130 กว่าเสียง จะทำให้รัฐบาลอ่อนแอและอาจเสี่ยงต่อการจะถูกโจมตีตากฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยู่เบื้องหลังนั้นมากไปกว่าความกังวลต่อเสถียรภาพการเมือง นั่นคือ…

หากภูมิใจไทยขึ้นมามีอำนาจบริหารประเทศ ความเป็นไปได้ที่คดีความทางการเมือง โดยเฉพาะกรณีที่ดินเขากระโดงและคดีการฮั้ววุฒิสภา จะถูกแช่แข็งหรือล้มไป หรือไม่???

กลับกัน กับคดีความของอีกฝั่งการเมือง จะถูกเร่งรัดจรผิดปกติหรือเปล่า?

 รวมถึงการวางเครือจ่ายคนของตน ลงในตำแหน่งสำคัญๆ รองรับการเลือกตั้งครั้งใหม่

สิ่งเหล่านี้ ย่อมสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างใหญ่หลวงต่อเครือข่ายอำนาจของนายทักษิณ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง

ดังนั้น การเลือกใช้กลยุทธ์ “ยุบสภา” จึงเปรียบเสมือนการสละม้าตัวหนึ่ง (นายภูมิธรรม) บนกระดานหมากรุก เพื่อรักษาหมากทั้งกระดานในระยะยาว

ในแง่ของการอธิบายต่อสังคม พรรคเพื่อไทยและแกนนำได้พยายามสร้างความชอบธรรม โดยยกเหตุผลเรื่องความจำเป็นของรัฐบาลเสียงข้างมาก ซึ่งในหลักการแล้วเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า..รัฐบาลเสียงข้างน้อยมีโอกาสสูงที่จะถูกบีบให้ล้มครืน

แต่ในทางการเมืองที่แท้จริง การยุบสภาไม่ใช่เพียงการคืนอำนาจให้ประชาชน หากแต่เป็นการกันไม่ให้ภูมิใจไทยมีโอกาสก้าวขึ้นเป็นรัฐบาลเต็มตัว!!!

พรรคเพื่อไทยจึงต้องหาทางออก! ที่แม้จะดูเหมือนเป็นการยอมถอย แต่แท้จริงแล้ว มันคือการถอยเพื่อวางหมากใหม่ และหวังจะกลับมาเป็นผู้ทิศทางการเมืองอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม การยุบสภาไม่อาจเกิดขึ้นได้ โดยปราศจากพระราชอำนาจ

ข้อเท็จคือ…พระมหากษัตริย์ ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยสูงสุดว่าจะโปรดเกล้าฯ ให้ยุบสภาตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรีหรือไม่???

นี่คือจุดสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า…การเมืองไทยยังคงต้องดำเนินอยู่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญและพระราชอำนาจ

หากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการยุบสภา การเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60 วัน คือ สิ่งที่จะต้องเกิเขึ้ตามมา และหลีกเลี่ยงไม่ได้

มากกว่านั้น พรรคเพื่อไทยจะมีโอกาสใช้สนามเลือกตั้ง เป็นเวทีฟื้นความชอบธรรม

แต่หากไม่ทรงพระราชทานการยุบสภา สภาผู้แทนราษฎรยังคงอยู่ รัฐบาลเพื่อไทยจะถูกบังคับให้เดินหน้า จนกว่าจะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่

ถึงตอนนั้น เขื่อว่า…แรงกดดันจากสังคมไทย จะบีบให้พรรคเพื่อไทยต้องยอมรับผู้นำรัฐบาลจากขั้วการเมืองอื่น

ทั้งหมดนี้…จึงทำให้การตัดสินใจของเพื่อไทย และนายทักษิณ ถูกตีความได้ว่า…อาจเป็นเพียงการแถและเอาสีข้างเข้าถูในทางการเมือง

เป็นการสร้างข้ออธิบาย เพื่อหวังยเบังเหตุผลแท้จริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งก็คือ…

การไม่ยอมปล่อยให้ภูมิใจไทย ได้มีโอกาสเป็นรัฐบาลชุดใหม่ ไม่เปิดโอกาส ให้ นายอนุทิน ได้ก้าวสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีลำดับที่ 32

 ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด ก็ตาม แต่ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์นี้ จึงไม่ใช่การถอยเพราะจำเป็น

แต่เป็น…การถอยเชิงกลยุทธ์!!!

ถอยเพื่อรักษาเกมอำนาจในระยะยาว

การเมืองไทยในเวลานี้ จึงเสมือนกระดานหมากรุกที่ ผู้เล่นตัวจริง?” วางเกมเดินหมากใยลักษณะ

ยอมสละหมากตัวสำคัญ

ปล่อยให้เขาคนนั้นทำการ ฮาราคีรีตัวเอง! เพื่อปกป้องหมากรุกทั้งกระดาน

คำถามที่สังคมไทยกำลังรอคอยคำตอบ นั่นคือ…ผลการของการประกาศยุบสภาฯ จะมีผลหรือไม่? อย่างไร?

เพราะนี่ คือ ตัวแปรสำคัญที่สุด! ที่จะกำหนดทิศทางใหม่ของการเมืองไทยในอนาคต

ฝ่ายหนึ่ง…เคยประกาศก่อนหน้านี้ พร้อมจะดับฝันของใครบางคน? อยู่แล้ว…

ขณะที่ อีกฝ่าย…ได้แต่หวังในความเป็น “พรรคอนุรักษ์นิยม” ที่เหลืออยู่ และหน่วยเหนือ…สามารถจะไว้วางใจได้

จะดับฝันก็ได้ แต่ฝัน(อย่า)สลาย เป็นพอ!!??.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password