รุมกินโต๊ะ!!!

เมื่อกัมพูชาและผู้นำ “2 พ่อลูกตระกูลฮุน”…จอมหักหลังและลวงโลก ผู้เล่นสองหน้า และทำลายกติกาสากล กลายเป็น “หมาก” ที่ 2 มหาอำนาจ “สหรัฐฯ – จีน” รวมถึงชาติอาเซียน…เริ่มจะหมดความอดทน น่าสนใจว่า…สถานการณ์ “รุมกินโต๊ะ” จะเกิดขึ้นกับพวกเขาที่กำลังถูกโดดเดี่ยว! กันอย่างไร? และเมื่อไหร่??? ไม่แน่ว่า…สิ่งนี้ อาจมาเร็วกว่าที่คิด!!!

เหตุปะทะระหว่าง ทหารไทยและกัมพูชา เมื่อวันที่ 24–28 กรกฎาคม 2568 ไม่ได้จบลงเพียงด้วยการหยุดยิง! แต่กลับปลุกกระแสความไม่พอใจต่อ “รัฐบาลกรุงพนมเปญ” ไปทั่วโลก

หลักฐานจาก สื่อต่างประเทศชั้นนำหลายสำนัก อาทิ สำนักข่าว Al Jazeera, Reuters, AP ไปจนถึงรายงานจาก คณะทูตและทหารต่างประเทศ ที่ยืนยันตรงกันว่า…

กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตี มีการเสริมกำลังต่อเนื่อง วางแผนล่วงหน้า และ จงใจยิงถล่มพื้นที่พลเรือน

สิ่งที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากยิ่งขึ้น! เมื่อ นายฮุน เซน และนายฮุน มาเนต สั่งการให้รัฐบาลและกองทัพกัมพูชา โหมประโคมข่าวหลอกลวง ด้วยการสร้าง ขบวนการโกหกอย่างเป็นระบบ โดยกัมพูชาเปิดเกมรุกให้ข่าวว่า…ไทยรุกรานก่อน!!!

โหมใช้ถ้อยคำว่า “ไทยเป็นฝ่ายรุกรานอย่างไร้เหตุผล” ทั้งที่ความจริงคือ รัฐบาลพนมเปญเปิดฉากก่อนทุกประตู

นี่คือ พฤติกรรมที่ไม่เพียงละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ แต่ยังทำให้หลายประเทศรู้สึกว่า กัมพูชากำลังใช้ “ข่าวลวง” เป็นอาวุธ เพื่อบิดเบือนความจริง!!!

ลำพัง การเปิดศึกกับไทย กระทั่ง ถูกโจมตีด้วยอากาศยาน จนพื้นที่ทหารของกัมพูชาได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก และมีทหารกัมพูชาล้มตายและหายสาบสูญนับพันคน และ การทำลายเอกภาพของความเป็น…องค์กรอาเซียน

สิ่งนี้ ก็ถือว่า…เหนื่อยมากๆ แล้ว สำหรับรัฐบาลกัมพูชา

ทว่า “2 พ่อลูกตระกูลฮุน” กลับเลือกเกมที่เสี่ยงยิ่งกว่า!!! นั่นคือ…การเดิมเกมหลอกลวง “ผู้นำสหรัฐฯ” และหักหลัง “รัฐบาลจีน”

ดูเหมือนว่า…ชะตากรรมของกัมพูชา ภายใต้การบงการของ นายฮุน เซน และนายฮุน มาเนต จะถึงกาลอวสานในเวลาอีกไม่ช้านับจากนี้???…

รัฐบาลกรุงพนมเปญ..หลอกให้ “วอชิงตัน” เชื่อว่า…กัมพูชาเป็น “ผู้ถูกกระทำ” จน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องเปิดยุทธการกดดันไทย–กัมพูชา ผ่านมาตรการภาษี 36% พร้อมเสนอเป็นคนกลางช่วยยุติความขัดแย้ง

เมื่อความจริงปรากฏ! สหรัฐฯกลับลำแทบไม่ทัน!!!

แม้ใจลึกๆ…รัฐบาลสหรัฐฯยังคงอยากจะได้พื้นที่ตั้ง “ฐานทัพ” ในกัมพูชา ก็ตาม แต่เพราะความเสี่ยงที่จะโดนข้อหา “สมคบคิดกับอาชญากรสงคราม” จึงทำให้ ประธานาธิบดีทรัมป์ จำต้องถอยห่างออกมาก่อน อย่างน้อยก็ในยามนี้

ด้าน “รัฐบาลกรุงปักกิ่ง” ที่วันนี้…เริ่มรู้ตัวแล้วว่า พวกเขาก็โดน “หักหลัง” ไม่ต่างจาก…ไทยและเวียดนาม ที่เคยมีพระคุณกับคนในประเทศนี้มาตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่ก็โดนหักมาโดยตลอดเช่นกัน

สิ่งที่ “ผู้นำจีน” อย่าง…นายสี จิ้นผิง รู้สึกโกรกมากๆ นั่นก็คือ…การที่กัมพูชา กวักมือเรียกและเปิดทางให้สหรัฐฯ เข้ามาใช้ท่าเรือเรียมและสนามบินที่จีนลงทุนสร้าง ซึ่งถูกมองว่าเป็นการเล่นเกม “สองหน้า” ที่ รัฐบาลกรุงปักกิ่ง ยากจะทำใจให้ยอมรับได้

ผลจากพฤติกรรมที่สั่งสมมานับพันปีของสายเลือกคนกัมพูชา คือ การหักหลัง…ตลบตะแลง…โกหก…โง่…ขี้โกง…ชอบเอาเปรียบ…ตลบหลัง…นกสองหัว…สารพัดความเลวระยำตำบอน!!!

ไม่เพียงจะทำลายความไว้ใจจาก “ชาติมหาอำนาจ” หากแต่ยังทำ “ลายภาพลักษณ์” ของตนเองในฐานะ “พันธมิตรที่ซื่อสัตย์” ทั้งต่อจีนและอาเซียน จนไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

ไม่น่าแปลกใจที่พฤติกรรมเลวๆ ของกัมพูชา ไม่เพียงจะส่งผลกระทบต่อไทย แต่ยังทำให้เอกภาพของอาเซียนในสายตาของนานาชาติ ถูกมองว่า…แตกเป็นเสี่ยงๆ โดยไม่มีชิ้นดี!!!

ทั้งที่ความเป็นจริง! ที่แตกคือ…กัมพูชา แตกออกจากอาเซียนเท่านั้น

แทนที่ รัฐบาลกรุงพนมเปญจะเลือกใช้ ASEAN way เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น กลับกวักมือเรียก…ชาติมหาอำนาจ เข้ามาในวงอาเซียน กระทั่ง สร้างความรู้สึกไม่พอใจให้กับหลายประเทศสมาชิกฯ

มีเสียงวิจารณ์ภายในอาเซียน ที่เริ่มดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในทำนองว่า…

“เราจะปล่อยให้สมาชิกที่โกหกโลกและทำผิดกติกา นั่งโต๊ะเดียวกับเราอย่างไร?”

นาทีนี้ เมื่อโลกได้รู้จักกำพืดของกัมพูชาและ “2 พ่อลูกตระกูลฮุน” โอกาสที่จะหันกลับมา “รุมกินโต๊ะ!!!” ประเทศที่น่ารังเกียจนี้ ก็ย่อมจะสูงและเกิดขึ้นได้ทันที

ในทางการทหารอาจไม่ใช่เรื่องง่าย หากนานาชาติจะ “รุมกินโต๊ะ” เนื่องจากกัมพูชา…เล็ก ด้อยพัฒนา อ่อนแอ และยากจน แต่ก็มีความเป็นไปได้ หากบางชาติ โดยเฉพาะ จีน เลือกจะสร้าง “สงครามตัวแทน” โดยให้ สปป.ลาว ภายใต้อิทธิพลตัวเอง เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีกัมพูชา

ด้วย 2 เหตุผล คือ หนึ่งสปป.ลาว เคยถูกกัมพูชาโจมตีในทางการทหารก่อนหลายครั้ง และ สองสปป.ลาว มีขนาดประเทศและจำนวนประชากร น้อยกว่ากัมพูชา การจะเปิดศึกระหว่างกัน โดยได้รับสนับสนุนทั้งเงินทุน อาวุธ และบุคลากรทางการทหารจากมหาอำนาจและบางชาติในอาเซียน

ย่อมไม่ถือเป็นการรังแกชาติที่เล็กและด้อยกว่า

การเปิดฉาก “รุมกินโต๊ะ” ในทางการทหาร…ใส่กัมพูชา ผ่านทาง สปป.ลาว ก็มีโอกาสความเป็นไปได้เช่นกัน

อย่างไรก็ดี การ “รุมกินโต๊ะ” ที่ไม่ใช่วิธีการทางการทหาร ทั้งจาก ชาติอาเซียน และชาติมหาอำนาจ “จีนถูกหักหลัง – สหรัฐฯที่ถูกหลอกลวง” รวมถึง นานาประเทศ ก็สามารถจะ ดำเนินการได้…ทำได้ทันทันในตอนนี้เลย

ด้วยพฤติกรรม ละเมิดกฎหมายสากล โกหกต่อประชาคมโลก และหักหลังพันธมิตร กัมพูชากำลังถูกผลักเข้าสู่จุดที่ เสี่ยงถูก “รุมกินโต๊ะ” ในหลายมิติ…

สหรัฐฯ อาจหันมาใช้มาตรการกดดันหนักขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง หากพบว่ากัมพูชาหลอกใช้วอชิงตันเพื่อผลประโยชน์ฝ่ายเดียว

ตั้งแต่การใช้วิธีการ…คุมเกมผ่านมาตรการทางการค้า (ขึ้นภาษี, ระงับสิทธิพิเศษ GSP) รวมถึงอาจเพิ่มแรงกดดันทางการทูต เช่น ออกแถลงการณ์ร่วมกับ EU กล่าวหากัมพูชาเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายสงคราม และสนับสนุนภาคประชาสังคมหรือฝ่ายค้านภายในกัมพูชา เพื่อสร้างแรงกดดันทางการเมืองต่อ “รัฐบาลฮุน”

จีน อาจตอบโต้ด้วยการลดความช่วยเหลือ หรือจำกัดการลงทุน เพื่อเตือนพันธมิตรที่ “เล่นสองหน้า”

ไม่ว่าจะเป็น…การลดความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ โครงการ BRI และการลงทุนใหม่, กดดันให้กัมพูชา “เลือกข้าง” ในการใช้ท่าเรือเรียมและสนามบิน หากยังเปิดให้สหรัฐฯ ใช้งาน และใช้เวทีอาเซียน–จีนเพื่อบีบให้พนมเปญต้อง “สำนึกผิด” ต่อพฤติกรรมสองหน้า

ชาติอาเซียน ประเทศสมาชิกที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น ไทย อาจผลักดันให้อาเซียนทบทวนบทบาทกัมพูชาในเวทีภูมิภาค และกดดันให้พนมเปญรับผิดชอบ

อาทิ…ไทยและชาติที่ได้รับผลกระทบ อาจยกระดับปัญหาเข้าสู่เวทีรัฐมนตรีอาเซียน พร้อมเสนอให้มี คณะสอบสวนพิเศษ ตรวจสอบเหตุการณ์ชายแดน, เสนอใช้กลไก “ASEAN Minus X” (ทำข้อตกลงโดยไม่ต้องให้กัมพูชาเห็นชอบ) เพื่อจำกัดอำนาจพนมเปญในบางเรื่อง และกดดันให้กัมพูชา ออกแถลงการณ์ยอมรับผิด หรือเสนอมาตรการเยียวยาไทยอย่างเป็นทางการ

ประชาคมโลก องค์กรสิทธิมนุษยชนและสหประชาชาติอาจเข้ามาเพื่อตรวจสอบการโจมตีพลเรือน ซึ่งถือเป็นการกทำที่ ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม และใช้มาตรการลงโทษ เข้ามาตรวจสอบ ไปจนถึง การคว่ำบาตรเฉพาะบุคคล (Targeted sanctions) ต่อ “ผู้นำตระกูลฮุน” และแกนนำกองทัพกัมพูชา

ถึงบรรทัดนี้ ย่อมกล่าวได้ว่า…“รัฐบาลพนมเปญ” กำลังเดินบน “เส้นลวด” ระหว่าง “2 มหาอำนาจ” และพันธมิตรในภูมิภาค ด้วยพฤติกรรมที่ทั้ง ละเมิดกฎหมายสากล โกหกอย่างโจ่งแจ้ง และเล่นเกมสองหน้า

หาก “2 พ่อลูกตระกูลฮุน” ยังคงเส้นทางนี้ต่อไป วันหนึ่งในอนาคตอันใกล้…กัมพูชาก็ อาจไม่เหลือที่ให้ยืนแม้แต่ในอาเซียน

นี่คือราคาที่ “จอมหักหลังและลวงโลก” ต้องจ่าย?  และบางที…มันอาจกำลังจะมาถึงเร็วกว่าที่ “รัฐบาลพนมเปญ” คาดคิดเอาไว้…ก็เป็นได้!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password