ความเปลี่ยนแปลง!!??

วันนี้…นาทีนี้ หาก “กองทัพ” จะทำการ “ยึดอำนาจ” รัฐบาลเพื่อไทย จะด้วยการทำ รัฐประหารแบบ “เปิดหน้า” หรือว่าจะเป็น “รัฐประหารเงียบ” ก็คงแทบไม่มีใครจะเห็นใจหรือเข้าข้าง…การเมืองกลุ่มนี้อีกแล้ว

คำพระ “กรรมเป็นเครื่องเจตนา” สะท้อนภาพได้ชัดว่า…ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีของการเป็นรัฐบาลนั้น นักการเมืองในสังกัดพรรคเพื่อไทย คิดและทำอะไรเพื่อคนไทยและประเทศไทยบ้าง?

จากจุดแรกเริ่ม ก่อน พลิกขั้ว…สลับข้าง หันไปจับมือกับ กลุ่มการเมืองฝั่งตรงข้าม เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล

เขี่ยทิ้ง! พรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงและมีจำนวน ส.ส.มากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร อย่าง…พรรคก้าวไกล ในขณะนั้น  ชนิดไม่สนใจเสียงคำทักท้วงและคัดค้านที่ดังมาจากทั่วทุกสารทิศ

จนถึงวันนี้…แต้มในทางการ โดยเฉพาะ แต้มจาก “อุดมการณ์การเมือง” นั้น อาจพูดได้ว่า…ถึงจะไม่เป็นศูนย์หรือติดลบ แต่พรรคเพื่อไทย..ก็มีเหลือน้อยเต็มที!

ยิ่งเรื่อง…การบริหารประเทศ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ การต่างประเทศ และภารกิจด้านความมั่นคง ด้วยแล้ว…

พูดตามตรง…เกือบสอบผ่าน!!!

ไม่รู้เหมือนกันว่า…หากการเลือกตั้งใหญ่ครั้งใหม่บังเกิดขึ้นมาคราใด พรรคเพื่อไทย…ยังจะมีอะไรให้ใช้เพื่อการหาเสียงกันได้บ้าง?

ยิ่งเมื่อเกิด สถานการณ์ปัญหาความขัดแย้งทางด้านชายแดนกับประเทศข้างบ้าน อย่าง…กัมพูชา และ รัฐบาล ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ที่ประกาศชัดว่า…ทั้งตัวเองและครอบ มีความสัมพันธ์แนบแน่น ระดับ “เพื่อน (สนิท?)” กับ นายกฯกัมพูชา และ ครอบครัว “ฮุนเซน”

ยิ่งสร้างกระแสความไม่พอใจต่อ….ผู้คนในสังคมไทย รวมถึงความไม่พอใจต่อ “ผู้นำเหล่าทัพ” ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ทหารของพระราชา” ทุกเหล่าทัพ อย่างมากและมากขึ้นในทุกๆ วัน ที่เวลาผันผ่าน…

หลายครั้งที่ “กองทัพ” ตัดสินใจดำเนินการด้านความมั่นคง โดยไม่สนใจรัฐบาล เช่น การประกาศกฎอัยการศึก ในพื้นที่ตามแนวชายแดนกับประเทศข้างบ้าน

รวมถึง คุมเข้มวันและเวลา “เปิด-ปิด” ด่านชายแดน และ ควบคุมการจำหน่ายสินค้าบางอย่างที่อาจใช้เป็นยุทธภัณฑ์ทางการทหาร

และแนวโน้มว่า อาจจะขยายในวงกว้าง…ไปถึงการประกาศตัดน้ำ ตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต แม้กระทั่ง สั่งห้ามคนไทยเข้ามาเล่นพนันได้-เสียในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา

ถึงขั้น…จำเป็น ก็อาจต้องยกเลิกการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป!

ทั้งหมด…ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจบ่อนคาสิโน รวมถึง ธุรกิจสีเทาและดำในฝั่งประเทศข้างบ้าน ซึ่งว่ากันว่า…ผลประโยชย์จำนวนมหาศาลจากธุรกิจ ทั้งที่ถูกและผิดกฎหมายเหล่านี้ ได้ถูกส่งต่อไปหล่อเลี้ยงคนในตระกูลของ “ผู้นำกัมพูชา” รวมถึงญาติสนิทและคนใกล้ชิด ที่เป็น…นายทุน/เจ้าของธุรกิจสีเทาและดำ เหล่านั้น…มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน หลายสิบปีมาแล้ว…

สิ่งที่ “กองทัพ” ตัดสินใจดำเนินการในช่วงหลายวันที่ผ่าน ต่างได้รับ “เสียงเชียร์และการสนับสนุน” จากคนไทยทั่วประเทศ แตกต่างจากสิ่งที่ รัฐบาล ภายใต้การนำของ “นายกฯแพทองธาร” ได้รับ ในแบบ…

ฟ้าสูงกับเหวลึก? ยังไงยังงั้น!!!

เป็น รัฐบาล เสียอีก! ที่จำต้อง ปรับกลยุทธ์ เดินตามเกมของ “กองทัพ” เพื่อไม่ให้ถูกมองว่า…เพลี้ยงพล้ำ! ในทางการเมือง

ล่าสุด วานนี้ (9 มิ.ย.2568) กองทัพบก ได้ส่งเทียบเชิญให้ “คณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ” จำนวน 47 ประเทศ แบ่งเป็น…ผู้เข้าร่วมประชุมแบบ “On Site” ณ ห้องประชุมกรมข่าวทหารบก ในกองบัญชาการกองทัพบก จำนวน 30 ประเทศ (คน)

ที่เหลืออีก 17 ประเทศ (คน) ใช้การประชุมแบบ On Line” (วิดีโอคอนเฟอเรนซ์)

จะด้วยเหตุผลที่…กองทัพบก ไม่เชื่อมั่นรัฐบาล หรือไม่ไว้ใจใน “ศักยภาพด้านการทูต” ของ กระทรวงการต่างประเทศ ก็ตาม แต่การที่ กองทัพบก ภายใต้การนำของ “บิ๊กปู” พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ มอบหมายให้ พล.ท. กำชัย วงศ์ศรี เจ้ากรมข่าวทหารบก เป็น ประธานการบรรยายสรุปรอบไตรมาส (Quarterly RTA Briefing) ประจำไตรมาสที่ 3 ในครั้งนี้…

ไม่เพียงเป็นการ “ตบหน้า” ผู้นำจิตวิญญาณ และรัฐบาลของประเทศข้างบ้าน หากยังลามไปถึง รัฐบาลไทย เองด้วยซ้ำ

การยิงตรง! นำเสนอข้อมูลและข้อเท็จจริง เกี่ยวกับประเด็นสถานการณ์ด้านความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้และสถานการณ์เฉพาะกรณีชายแดนไทย-กัมพูชา (รายละเอียดอ่านได้จากข่าวที่เกี่ยวข้องตามเว็บไซต์ข่าวทั่วไป)

สะท้อนว่า…กองทัพบก เลือกที่จะสื่อสารกับต่างประเทศ แทนการใช้บริการของกระทรวงการต่างประเทศ ที่สังคมไทย มองว่า…ล่าช้าไม่ทันกาล แถมประเด็นการสื่อสารกับต่างประเทศ ยังอ่อนน้ำหนักความน่าเชื่อถือ เทียบไม่ได้กับสิ่งที่ผู้นำจิตวิญญาณ และรัฐบาลของประเทศข้างบ้าน ได้สื่อสารและชี้แจง…แบบหนักแน่น เป็นระบบ เป็นขั้นตอน ในช่วงเวลาที่รวดเร็วและเหมาะสม

ทำเอา รัฐบาลไทย เกิดอาการ “หน้าม้าน” (การมีสีหน้าเผือดด้วยความละอายจนไม่กล้าสบตาคน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554) ในทันที!!!

รุ่งขึ้น! (วันนี้ – 10 มิ.ย.2568) เป็น…พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ออกมาให้สัมภาษณ์ที่ ทำเนียบรัฐบาล ในทำนอง…

สถานการณ์ดีขึ้นเล็กน้อย เพราะทั้งสองฝ่ายได้มีการปรับกำลังทหาร ไม่มีการเผชิญหน้ากัน และเรายังคงมาตรการควบคุมเรื่องการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนต่างๆ ต่อไป

ส่วนประเด็นการตัดไฟฟ้าและสัญญาณอินเตอร์เน็ต รมช.กลาโหม ระบุว่า…ต้องดูตามสถานการณ์ เพราะการตัดไฟมี 2 เรื่องที่อยู่ในเวลาเดียวกัน  (1.) คือ หน่วยกองกำลังป้องกันชายแดน ต้องการให้ตัดไฟ (2.) แต่ทาง ศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.) ที่มี ผบ.สูงสุด ผอ.ศูนย์ฯ  ต้องการให้ตัดไฟในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์

การตัดสินใจใดๆ คงต้องขึ้นอยู่กับ “ที่ประชุม สมช.” ว่าจะพิจารณามาตรการดังกล่าวด้วยความเหมาะสมหรือไม่? อย่างไร?

นั่นแค่บางส่วนที่ “ทีมข่าวยุทธศาสตร์” หยิบมาจากบทสัมภาษณ์ของ “คนในรัฐบาล” เพื่อเป็นการยืนยันว่า…รัฐบาลเอง ก็ไม่ได้เห็นพ้องกับสิ่งที่กองทัพทำสักเท่าใด?

แม้จะขัดขวางทางตรงไม่ได้ ก็ยังพอมีช่องทาง…เหนี่ยวรั้งและยื้อเกม ได้บ้าง

แต่ท้ายที่สุด! แรงเชียร์และเสียงสนับสนุน ที่แตกต่างราว…ฟ้าสูงกับเหวลึก! ก็น่าจะผลักดันให้ “กองทัพ” เดินหน้าตามภารกิจอย่างที่ฝ่ายความมั่นคงควรจะทำ เพื่อปกป้องดินแดนของไทย ต่อไป

กลับมาสู่เรื่องที่ “จั่วหัว” เมื่อต้นทางของบทความชิ้นนี้…การทำรัฐประหารแบบ “เปิดหน้า” หรือจะเป็น “รัฐประหารเงียบ” นั้น ก็อย่างที่รู้ๆ กัน…

การทำรัฐประหาร “ยึดอำนาจ” รัฐบาลพลเรือน เหมือนเมื่อปี 2549 หรือ 2557 ย่อมไม่ส่งผลดีต่อประเทศไทยในภาพรวมแม้แต่น้อย

การใช้พลังและอำนาจพิเศษ ตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2560 “เปิดช่องให้ทำ” เพื่อเปลี่ยนรัฐบาลและผู้นำประเทศ ก็ยังมีพอทางออกให้กับประเทศไทยและคนไทยอยู่บ้าง

ยิ่งมีกระแสข่าว ปัญหาความขัดแย้งภายในรัฐบาล นับแต่…การปรับ ครม. ที่พรรคแกนนำ…หวังดึงเอา กระทรวงสำคัญๆ กลับคืนไป

รวมถึง ปัญหาความเห็นต่างในกฎหมายหลายๆ ฉบับ โดยเฉพาะ ร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ที่เตรียมจะนำเข้าสู่การพิจารณาใน ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่าง…เปิดสมัยประชุม ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้

ที่สำคัญ ยังจะมี ปัญหาการเอาผิด “คดีฮั้ว สว.” และการครอบครองที่ดินแปลงใหญ่ใน จ.บุรีรัมย์ ที่กำลังงวดเข้ามาทุกขณะ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องเกี่ยวข้องและสาวโยงไปถึง อีกพรรคร่วมรัฐบาล

และขาดไม่ได้คือ การพิจารณาคดีชั้น 14 ของ อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ไม่ว่า…ผลจะออกมาเช่นใด?  ย่อมมีผลกระทบต่อ “รัฐบาลแพทองธาร” ทั้งสิ้น!

ความไม่ลงรอยนี้ อาจทำให้รัฐบาลชุดนี้ ไปไม่ถึงฝัน…อยู่ไม่ครบเทอม ก็อาจเป็นได้

ฉะนั้น ท่ามกลางสถานการณ์…ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ที่กำลังขมึงเกลียวเช่นนี้! ชื่อของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ 2 สมัย เกิน 8 ปี และปัจจุบันทำหน้าที่เป็น “องคมนตรี” จึงมีออกมาให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง

นั่นก็อาจเป็นเพราะ “ลุงตู่” ยังคง “มีชื่อ – ติดโผ” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ตามกรอบกฎหมายรัฐธรรมนูญ นั่นเอง!

ส่วน อนาคตของความเปลี่ยนแปลง? ที่บางฝ่ายคาดการณ์ว่า…อาจเร็วถึงขั้นมีความเปลี่ยนแปลงในช่วงเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้

ยังพอมีเวลาอีกราว 2 เดือน ให้ “คนไทย” ได้เกาะติดกันแบบห้ามกระพริบตา! โดยมีประเด็น ข้อพิพาทชายแดนกับประเทศข้างบ้าน และ การปรับ ครม. เป็น ตัวเร่งและสิ่งเร้า ว่า…

ท้ายที่สุด! ความเปลี่ยนแปลงนี้ จะเกิดขึ้นหรือไม่ และเป็นไปในลักษณะเช่นใด???.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password