กรอ. ผนึก 3 หน่วยงาน บุกจับ ขบวนการนำเข้า “ฝุ่นแดง” เถื่อนข้ามชาติ ของกลาง 736,425 ก.ก.

กรอ. ร่วมกับ กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงข่าวการตรวจยึดสินค้าวัตถุอันตรายนำเข้าจากต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย จำนวน 36 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักรวม 736,425 กิโลกรัม ท่าเรือกรุงเทพ

นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 กรมโรงงานอุตสาหกรรม และชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือทีมสุดซอย ร่วมกับ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการตรวจสอบตู้สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ สันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าอาจเป็นสินค้าเข้าข่ายของเสียอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด (Basel Convention on the Control of Transboundary Movements of Hazardous Wastes and Their Disposal) และของเสียเคมีวัตถุตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ที่ผ่านมา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการทีมสุดซอยเดินหน้าปราบปรามขบวนการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และกากอุตสาหกรรมอันตรายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณี “ฝุ่นแดง” ที่ตรวจพบการซุกซ่อนนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนนำเข้า มีข้อมูลเชื่อมโยงไปยังผู้เกี่ยวข้องหลายพื้นที่ ทั้งจังหวัดปทุมธานี ชลบุรี ระยอง และสมุทรสาคร จึงบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังและลงพื้นที่สืบหาข้อเท็จจริงอย่างต่อเนื่องจนพบว่า บริษัท เค เอ็ม ซี 1953 จำกัด ในตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นต้นตอลักลอบนำเข้าฝุ่นแดง 10,262 ตัน มาขายต่อไปยังโรงงานรีไซเคิลฝุ่นแดง ในหลายพื้นที่อย่างผิดกฎหมาย

ขณะเข้าตรวจค้นบริษัทฯ เจ้าหน้าที่ได้ยึดอายัดของกลางและพยานหลักฐาน ทำให้ได้ข้อมูลสำคัญจากเอกสารรายการขนส่งสินค้า (Cargo Tracking List) ว่าจะมีการนำฝุ่นแดงเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านท่าเรือกรุงเทพ จึงประสานด่วนที่สุดไปยังกรมศุลการกรเพื่อเฝ้าระวังการนำเข้าสินค้าอย่างเข้มงวด

นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรร่วมมือระหว่างหน่วยงาน รับนโยบายรัฐบาล ในการควบคุมการนำเข้าสินค้าอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซลฯ ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้ ได้สำรวจสินค้าตกค้างตามบัญชีของค้างบัญชีเรือ LIST F ที่ 012/2568 (ฝบศ.2 สบศ.2) ใบตราส่ง CASA83377900 ผู้รับตราส่ง KMC 1953 CO., LTD สำแดงสินค้าเป็นผงสังกะสี (Zinc Concentrate) จากการตรวจวิเคราะห์ด้วยวิธีการ X-ray fluorescence (XRF) พบสินค้ามีลักษณะเป็นผงละเอียด สีน้ำตาล กลิ่นฉุน มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นสังกะสีและเหล็ก โดยปนเปื้อนตะกั่ว และแดคเมียม บรรจุถุงกระสอบในตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต จำนวน 36 ตู้ น้ำหนักรวม 736,425 กิโลกรัม

“สินค้าดังกล่าวที่ตรวจสอบ มีลักษณะและองค์ประกอบสันนิษฐานเบื้องต้นว่าเป็นฝุ่นจากเตาหลอมเหล็ก หรือ ฝุ่นแดง ซึ่งปนเปื้อนตะกั่วและแคดเมียม จึงจัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ที่เข้าข่ายเป็นของเสียเคมีวัตถุ (Chemical Wastes) ลำดับที่ 2.2 ตามบัญชี 5.2 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และเข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซลฯ หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนอย่างรุนแรง โดยการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดนและยังไม่ได้รับความยินยอมจากประเทศปลายทาง ถือเป็นการเคลื่อนย้ายข้ามแดนแบบผิดกฎหมายภายใต้อนุสัญญาบาเซลฯ โดยหลังจากนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจ (Competent Authority) ตามอนุสัญญาบาเซลฯ ของราชอาณาจักรไทย จะดำเนินการแจ้งการส่งคืน (Return Shipment) ตู้สินค้ากลับไปยังประเทศผู้ส่งออกต้นทางในทันที พร้อมแจ้งสำนักเลขาธิการอนุสัญญาบาเซลเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายข้ามแดนแบบผิดกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ กรมศุลกากรจะดำเนินคดีผู้นำเข้าตามกฎหมายว่าด้วยการศุลกากร พร้อมผลักดันตู้สินค้าดังกล่าวกลับประเทศต้นทาง การดำเนินการร่วมกันระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรมและกรมศุลกากรในครั้งนี้ ยกเป็นคดีตัวอย่างในการบังคับใช้กฎหมายหลายฉบับ เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน” นายพรยศ กล่าว

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password