คุ้มครองสิทธิฯผนึก 4 พันธมิตร ร่วมแก้หนี้บุคลากรสาธารณสุข

กรมคุ้มครองสิทธิฯ จับมือ 4 หน่วยงานภาครัฐ ลงนามความร่วมมือ ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข หลังจากนายกรัฐมนตรีประกาศให้การแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชนเป็นวาระแห่งชาติ

เมื่อช่วงบ่าย วันพุธที่ 26 มิถุนายน 2567 ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข,  นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนแผนความมั่นคงปลอดภัยทางด้านการเงิน พร้อมมอบนโยบายการสร้างขวัญกำลังใจ และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข ระหว่าง กระทรวงสาธารณสุข กับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี และธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมี นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ลงนามร่วมกับ  ผู้บริหารหน่วยงานภาคีทั้ง 4 หน่วยงาน ได้แก่ นายจิตเกษม พรประพันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายคุ้มครองและตรวจสอบบริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย นายทรงศิลป์ ภิรมย์กุล ผู้ตรวจราชการกรมบังคับคดี นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และ นายแพทย์พงศธร พอกเพิ่มดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และมี ดร.โฆสิต สุวินิจิต คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดร.ธปภัค บูรณะสิงห์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการระงับข้อพิพาท ผู้บริหารจาก 4 หน่วยงาน และบุคลากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นสักขีพยาน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินบุคลากร ตามนโยบายการสร้างขวัญกำลังใจ สอดรับกับนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศให้การแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชนเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งนี้ หนึ่งในปัญหาหนี้สินของบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข คือ หนี้ กยศ. โดยมีประมาณ 35,472 คน ซึ่งบางส่วนมีโอกาสถูกฟ้องร้องได้ จึงได้หารือกับ กยศ. เพื่อวางแนวทางให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะกลุ่มค้างชำระหนี้ 5,702 คน เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ โดยวันที่ 6-7 กรกฎาคม 2567 นี้ จะจัดมหกรรมความสุขทางการเงิน เน้นการแก้หนี้อย่างครอบคลุม ยั่งยืนและครบวงจร ให้กับชาวสาธารณสุขทุกคน จึงมีการลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแนวทางการแก้ปัญหาและเร่งรัดปิดหนี้ ให้สอดคล้องกับกฎหมายฉบับใหม่ คือ พ.ร.บ.กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ที่มีการปรับลำดับการหักเงินใหม่ จากเดิมเป็นเบี้ยปรับ ดอกเบี้ย และเงินต้น มาเป็นหักจ่ายเงินต้นก่อน ตามด้วยดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ สามารถผ่อนชำระได้ทั้งรายปี รายไตรมาสและรายเดือน ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกิน 1% ต่อปี และเบี้ยปรับไม่เกิน 0.5% ต่อปี

อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้ร่วมกล่าวแถลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาหนี้สินครั้งนี้ว่า กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ มีการดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้อง ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 เพื่อลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาล พร้อมเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการไกล่เกลี่ยระหว่างหน่วยงาน อันเป็นประโยชน์แก่การดำเนินงานไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ตามขอบเขต หน้าที่ และอำนาจที่กฎหมายหรือระเบียบกำหนดไว้ นอกจากนี้ จะร่วมมือกันในการพัฒนาศักยภาพผู้ไกล่เกลี่ย การสนับสนุนบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ด้านกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ร่วมมือกันติดตามประเมินผลกระบวนการดำเนินงานเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และรายงานผลการดำเนินงานรวมทั้งให้ข้อเสนอแนะเพื่อส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป

ด้าน นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กล่าวว่า ขณะนี้ กองทุนฯ ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี และธนาคารแห่งประเทศไทย ในการร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข โดยการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นผู้กู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา สนับสนุนการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระของผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืน

โดย กองทุนฯจะเปิดโอกาสให้ผู้กู้ยืมทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ให้โอกาสขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้อีก 15 ปี ชำระเป็นรายเดือนในอัตราเท่ากันทุกเดือน ในการชำระเงินงวดสุดท้ายผู้กู้ยืมเงินต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ เมื่อชำระหนี้งวดสุดท้ายเสร็จสิ้นกองทุนฯจะให้ส่วนลดเบี้ยปรับเดิมที่ตั้งพักไว้ทั้งหมด 100% ซึ่งผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากความรับผิดทันทีหลังจากทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้

“ความร่วมมือในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยสร้างขวัญกำลังใจในการทำงานให้กับบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุนฯมากยิ่งขึ้น และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียน นักศึกษารุ่นน้องต่อไป” ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าว

ทั้งนี้ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้ดำเนินการจัดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ทั่วประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้ได้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม จึงขอเชิญชวนลูกหนี้เข้าร่วมงานมหกรรมฯ พร้อมรับโปรโมชั่นดีๆ รวมถึงสิทธิประโยชน์จากสถาบันการเงินที่เข้าร่วม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนยุติธรรม โทร. 1111 กด 77 และสายด่วนกรมบังคับคดี โทร. 1111 กด 79 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password