นายกฯ ถก ก.ตร. ปมคำสั่งปลด “บิ๊กโจ๊ก” ออกราชการ “วินัย” ยัน อนุก.ตร.ชี้ ถูกต้อง

กองทัพสื่อ ปักหลักรอทำข่าว นายกฯ นัดประชุม ก.ตร. ปมคำสั่งปลด “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการชอบหรือไม่ นายกฯ มาถึง ตบไหล่ให้กำลังใจ “บิ๊กต่าย” ขณะ “พล.ต.อ.วินัย” ยันคำสั่งปลด “บิ๊กโจ๊ก” ชอบด้วยกฎหมาย เมินถูกฟ้องเรื่องจิ๊บๆ

วันที่ 26 มิ.ย. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศช่วงเช้า มีสื่อมวลชนหลากหลายสำนัก ทยอยเข้ามาปักหลักรอทำข่าวการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เข้าร่วมประชุมในช่วงบ่ายของวันนี้

โดยหนึ่งในวาระที่ต้องจับตา คือวาระหารือคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ซึ่งที่ประชุม จะนำผลของคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย (อนุ ก.ตร.วินัย) ที่มีความเห็นว่า คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ชอบด้วยกฎหมายแล้ว มาพิจารณาชี้ขาดด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้คณะกรรมการกฤษฎีกาออกมาระบุว่า ขั้นตอนคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น ไม่ถูกต้อง

ทั้งนี้ มีรายงานว่า เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เดินทางเข้ามาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากมีภารกิจ แต่เลี่ยงการพบสื่อมวลชนที่มารอในช่วงเช้า โดยนำรถลงไปจอดบริเวณชั้นใต้ดิน

ล่าสุด เวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาถึง เพื่อเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 5/2567 โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ พร้อมด้วยรอง ผบ.ตร. มารอต้อนรับบริเวณประตูทางเข้า ทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และทักทายสื่อมวลชนอย่างอารมณ์ดี โดยเฉพาะ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. ได้พูดคุยกับสื่อด้วยท่าทียิ้มแย้ม อารมณ์ดีส่งมินิฮาร์ทให้ และได้สอบถามสื่อฯอากาศบริเวณห้องโถงเย็นดีแล้วหรือไม่ ตนมาเช็คให้ทุกวัน อากาศตรงนี้เย็นแล้วแต่ข้างบนร้อน

ผู้สื่อข่าวถามว่าตรงนี้เย็นแล้วอากาศข้างบนเป็นอย่างไร หนาวหรือร้อน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยิ้มพร้อมกล่าวว่า อบอุ่น อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางถึง ได้รับไหว้และทักทายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่มารอต้อนรับ โดยเฉพาะเมื่อเดินผ่าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ นายกรัฐมนตรีได้เอามือแตะไหล่ให้กำลังใจ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้ไหวหรือไม่ นายกรัฐมนตรีหันมายิ้มพร้อมชู 2 นิ้วให้ ก่อนเดินขึ้นห้องประชุม

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการประชุม ก.ตร.นายกรัฐมนตรี ได้ใช้เวลาหารือนอกรอบกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และนายตำรวจระดับสูง ประมาณ 20 นาที ก่อนที่จะเดินเข้าห้องประชุม จากนั้น นายกฯกล่าวเปิดการประชุมว่า การประชุม ก.ตร. วันนี้ มีวาระสำคัญหลายเรื่องที่ต้องร่วมกันพิจารณาตามกรอบที่ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติกำหนด พร้อมกำชับให้ทุกฝ่ายพิจารณาตามหลักกฎหมายและยึดเรื่องการคืนความยุติธรรมให้กับทุกฝ่าย

“ผมขอให้ที่ประชุมแห่งนี้ยึดมั่นในองค์กรโดยช่วยกันใช้ดุลพินิจพิจารณาตามหลักนิติธรรมตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และตาม พ.ร.บ.ตำรวจแหงชาติ พ.ศ.2565 ด้วยความสุจริตและมีความรอบคอบ ระมัดระวังในการพิจารณาเรื่องต่างๆ ในวันนี้ โดยยึดหลักการคืนความยุติธรรมให้กับทุกฝ่ายเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ และประชาชนส่วนรวมจึงขอให้ที่ประชุมพิจารณาตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไปครับ”

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เปิดเผยก่อนประชุม ก.ตร. เกี่ยวกับเรื่องที่ถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ฟ้องหมิ่นประมาท ว่าตนได้รับแต่งตั้งให้ ทำหน้าที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย และเป็นประธานคณะอนุกรรมการ ก.ตร.ด้านวินัย ตามที่ ก.ตร.มอบหมาย เพื่อพิจารณาเรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อ ก.ตร. กรณีที่รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติใช้อำนาจในการให้ออกจากข้าราชการก่อนไม่ถูกต้อง ซึ่งที่ประชุมคณะอนุกรรมการวินัยที่มีประมาณ 19 คน ได้อภิปรายกันอย่างมากมาย ซึ่งความเห็นของคณะอนุวินัยฯก็ยังไม่จบ โดยกฎหมายกำหนดให้ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) เป็นที่สุดท้าย

โดย คณะอนุฯก.ตร.วินัย มีมติเสียงส่วนใหญ่ โดยงดออกเสียงหนึ่งคนว่า การดำเนินการของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามมาตรา 131 ถูกต้องตามกฎหมาย

“ขอขอบคุณหลายสื่อที่เปิดโอกาสให้ตนสามารถนำข้อเท็จจริงที่มีอยู่ทั้งหมด จากการเป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่สอบข้อมูลทุกด้าน นำพยานหลักฐานที่มีอยู่ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งเส้นทางการเงินรูปภาพ และอีกหลายอย่างให้สาธารณชนจะได้รับรู้ว่าใครผิดใครถูก ใครทำผิดกฎหมาย ใครทำถูกกฎหมาย เปิดถึงความดีความชั่ว ใครทำดีใครทำชั่ว ใครคนดีใครคนชั่ว เปิดถึงตำรวจอาชีพ กับ อาชีพตำรวจ มาอาศัยเครื่องแบบในการแสวงหารายได้ เปิดถึงคุณธรรมจริยธรรม ว่าผู้ที่จะเป็นผู้บังคับบัญชา เป็นผู้นำของสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรจะประพฤติปฏิบัติอย่างไร”

เมื่อถามว่า การที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฟ้องถือว่าเป็นการฟ้องแก้เกี้ยวหรือไม่ พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ตนไม่รู้ไม่สามารถไปคิดแทนพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ แต่ที่เขาฟ้องตนก็ถือว่าเป็นการป้องกันตัวเองและวงศ์ตระกูล เมื่อถามว่า หลังจากที่ถูกฟ้อง ยังมีสิทธิ์เข้าประชุม คณะกรรมการ ก.ตร. อยู่หรือไม่ พล.ต อ.วินัย กล่าวว่า ศาลยังไม่ได้ประทับรับฟ้องอะไรเลย แต่ตนจะแสดงตัวในที่ประชุมว่า เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้แล้ว คณะกรรมการในที่ประชุมเห็นด้วยอย่างไร ซึ่งก็แล้วแต่คณะกรรมการในที่ประชุม

“เห็นผมอยู่ในสภาพร้ายแรงหรือไม่” หากผลออกมาว่า ตนอยู่ในสภาพร้ายแรงก็จะไม่โต้เถียง เมื่อถามว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินหน้าฟ้อง คนที่อยู่ในคณะกรรมการคุณ ก.ตร. และผู้ที่เกี่ยวข้อง จะทำให้เกิดเดทร็อค ใน ก.ตร.หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการพิจารณา ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 จาก 16 คน ประมาณ 8-9 เสียง แต่วันนี้ก็ขาดไปหลายท่าน ทั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคู่ขัดแย้ง (ที่มีส่วนได้เสีย)

เมื่อถามว่า ถ้าเข้าประชุมได้ จะสามารถนำเสนอผลการตรวจสอบของคณะกรรมการวินัยได้เต็มที่เลยใช่หรือไม่ และสามารถพิจารณาว่าชอบหรือไม่ชอบได้หรือไม่ พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า คณะกรรมการมีหลายท่าน ทั้งผู้ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะนี้ และ ผู้ที่เกษียณอายุราชการแล้ว จึงต้องหาความเห็นของทุกคน และคนเหล่านี้ถือว่ามีความรู้ทางด้านของวินัยตำรวจจึงต้องฟัง และที่ผ่านมามีการลงมติมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกมีผลเอกฉันท์ ว่า รักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจ​ตามกฎหมาย แต่ครั้งที่ 2 มีควาทเห็นแย้ง เราก็บันทึกไว้

เมื่อถามว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ ไม่ว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไร จะยืนตามอนุหรือเห็นต่าง และจะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุม ก.พ.ค.ตร.หรือไม่ พล.ต.อ. วินัย กล่าวว่า ตามกฎหมาย กำหนดไว้ว่าการเพิกถอนคำสั่งหรือการอุทธรณ์คำสั่ง เป็นอำนาจของคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม ดังนั้น วันนี้คณะกรรมการ ก.ตร.จะพิจารณา ว่า สิ่งที่รักษาการ ผบ.ตร. ดำเนินการชอบหรือไม่ชอบ หลังจากที่คณะอนุกรรมการวินัย มีมติเสียงส่วนใหญ่ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ใช้อำนาจตามมาตรา 131 ชอบด้วยกฎหมาย แต่ทั้งนี้ มติของ ก.พ.ค.ตร.​ ผลออกมาอย่างไร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องทำตามแย้งไม่ได้เลย และเมื่อพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นร้อง ก.พ.ค.ตร. ไปแล้ว เขาก็น่าจะดึงข้อมูลจากทุกฝ่ายมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ก.ตร. ประกอบด้วยคณะกรรมการ 16 คน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เป็นประธาน แต่ปรากฏว่า นาย ฉัตรชัย พรหมเลิศ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผบ.ตร. รักษาราชการแทน รองผบ.ตร. ติดภารกิจต่างประเทศ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นคู่ขัดแย้ง เข้าร่วมประชุมไม่ได้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผบ.ตร ที่เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนคดีเว็บพนัน และเกี่ยวพันกับการออกหมายจับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ก็จะถูกตัดสิทธิ์ ประชุมเช่นกัน และ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่พึ่งถูกฟ้อง.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password