ประมูลข้าว10ปียังไม่จบ ‘ภูมิธรรม’ โยน ‘อคส.-พค.’ สอบ ขอทุกฝ่ายอย่ากังวล จะดูแลเต็มที่
ประมูลข้าวเก่า 10 ปี ไม่จบ!“ภูมิธรรม” โยนให้ “อคส.-พค.”ร่วมตรวจสอบ‘บริษัทวีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง’ที่ชนะประมูล ถูกต้อง ดีครบหรือไม่ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส พร้อมมั่นใจจะทันก่อนประกาศผู้ชนะ21มิ.ย.นี้ ขอ ทุกฝ่ายไม่ต้องกังวล ก.พาณิชย์จะติดตามดูแลอย่างเต็มที่
จากกรณีที่ องค์การคลังสินค้า หรือ อคส.เปิดซองประมูลเสนอซื้อการจำหน่ายข้าวสารในสตอกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2567 เป็นข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ประมาณ รวมเกือบ 15,000 ตัน ใน 2 คลัง จ.สุรินทร์เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2567 มีผู้ยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวในคลังทั้ง 2 หลัง 6 ราย จากผู้ผ่านคุณสมบัติ 7 ราย โดยผลการเปิดซองประมูลเบื้องต้น ผู้ที่เสนอราคาสูงสุดทั้ง 2 คลัง ได้แก่ คลังสินค้ากิตติชัย หลัง 2 และ ที่คลังสินค้า บจก.พูลผลเทรดดิ้ง หลัง 4 คือ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จ.กำแพงเพชร รวมราคาประมูลทั้ง 2 คลังกว่า 286 ล้านบาท หากคำนวณแล้ว จะเฉลี่ยประมูล ไปในราคากิโลกรัมละ 19 บาท
ทั้งนี้ มีการตรวจสอบและตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทวีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ที่ได้รับชัยชนะในการประมูลครั้ง กลับมีจดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563 มีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร นอกจากนี้ ยังพบว่าที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทยังเป็นที่อยู่เดียวกับ บริษัท ดีจี แรนซ์ จำกัด ประกอบกิจการค้าอุปกรณ์ทางด้านปศุสัตว์ ครอบคลุมถึงน้ำเชื้อพันธุกรรมสัตว์ ทั้งในและต่างประเทศ โดยมี นายภาคภูมิ มุ่งงาม เป็นกรรมการบริษัท
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า จากที่มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตบริษัทวีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ชนะประมูล ข้าวค้างเก่า 10 ปีของรัฐไป โดยเห็นว่า บริษัทนี้มีกิจการไม่ชัดเจนด้วยนั้น ไม่อยากให้ทุกฝ่ายไปมองกันในลักษณะนั้น แต่เมื่อมีข้อสังเกตมาก็จะทำให้เกิดความโปร่งใส
“โดยได้ให้คณะกรรมการขององค์การคลังสินค้าหรือ อคส.และ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (พค.) ไปตรวจสอบบริษัทดังกล่าว ให้มีความชัดเจนกันต่อไป ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่า ผลการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว จะทันการประกาศผลผู้ชนะประมูลและเป็นผู้มีสิทธิได้รับสินค้าข้าวสตอกรัฐจำนวนกว่า 15,000 ตันที่ อคส.จะประกาศได้ในวันที่ 21มิถุนายนนี้ อย่างแน่นอน” รมว.พาณิชย์ ระบุ
นายภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า ขณะนี้ถือได้ว่าสามารถขายข้าวสารค้างเก่าตามจำนวน 15,000 ตันนี้หมดแล้ว โดยได้ราคาประมูลเฉลี่ยกิโลกรัมละ19.07 บาท หรือเท่ากับตันละ 19,070 บาท เป็นเงินรวมกว่า 286 ล้านบาท ถือว่าเป็นราคาที่พอใจ แต่จะได้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้หรือไม่ก็อยู่ที่ทางคณะกรรมการต่อรองราคากับบริษัทที่ชนะประมูล หากได้มากกว่านี้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
ส่วนที่หลายฝ่ายยังกังวลใจโดยเฉพาะประชาชนเกรงว่าข้าวในล็อตนี้จะกลับเข้ามาสู่คนกินในประเทศด้วยนั้น รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ไม่ว่าข้าวสตอกนี้จะส่งออกหรือนำกลับมาบริโภคภายในประเทศได้จะต้องผ่านขบวนการนำไปขัดสีและปรุงแต่งข้าวให้ได้ตรงตามมาตรฐานของกระทรวงพาณิชย์ที่มีหน่วยงานกำกับดูแล
“หากเพื่อการส่งออกจะต้องทำให้ได้มาตรฐานของกรมการค้าต่างประเทศ หากเพื่อจำหน่ายภายในประเทศจะต้องได้มาตรฐานจากกรมการค้าภายในด้วยเช่นกัน จึงขอให้ทุกฝ่าย ไม่ต้องกังวลกระทรวงพาณิชย์ จะติดตามดูแลอย่างเต็มที่” นายภูมิธรรม ย้ำ.