กยศ.ชี้! 2 ใน 3 กลุ่มผิดนัดชำระฯ จงใจเบี้ยวหนี้ เตรียมเปิด สนง. ‘เก็บตก’ ไกล่เกลี้ยหนี้ 1.4 แสนราย

กยศ. พร้อมเข้าชี้แจงวุฒิสภาถึงหลักการและเหตุผลของ ร่าง พ.ร.บ. กยศ.ฉบับใหม่ ระบุ! การยึดเหตุผลทางการเมืองอาจกระทบต่อผู้กู้ยืมรายใหม่และวินัยการเงินการคลังของชาติ ชี้! 2 ใน 3 กลุ่มผิดนัดชำระเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา จากก้อนเต็ม 2.5 ล้านคน ส่วนใหญ่จงใจเบี้ยวหนี้ เผย! ยอดที่เหลือให้เร่งไกล่เกลี่ยหนี้มีถึง 1.4 แสนราย เตรียมเปิด สนง.กยศ. รับไกล่เกลี่ยหนี้ เริ่มต้น ต.ค.นี้

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวถึงกรณีที่ ร่าง พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาฉบับที่…. ที่ สภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นชอบในวาระ 3 และขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภา ว่า ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ทาง กยศ. ก็มีแผนเตรียมการรองรับอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม กยศ.จำเป็นจะต้องเข้าไปชี้แจงเพื่อให้รายละเอียดถึงหลักการและเหตุผลของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ว่าเป็นเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้กู้ ซึ่งก็คือนักเรียน นิสิตและนักศึกษาเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม หากทั้ง 2 สภาเห็นชอบที่จะยืนยันให้การกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาเป็นไปแบบปลอดดอกเบี้ย ไม่คิดค่าปรับผิดนัดชำระ และให้มีผลย้อนหลังผู้กู้ยืมเงินและผู้ค้ำประกันทุกรายนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของ กยศ.อย่างแน่นอน ทั้งในส่วนของวงเงินที่จะใช้ในการบริหารกองทุนฯ ซึ่งปัจจุบัน กยศ.มีวงเงินปล่อยกู้ยืมเพื่อการศึกษาแต่ละปีประมาณ 40,000 ล้านบาท ขณะที่ได้รับคืนเงินจากลูกหนี้ ทั้งในส่วนที่ลูกหนี้ชำระตรงกับ กยศ. หรือผ่านการหักบัญชีธนาคารรวมกันปีละประมาณ 30,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยรับคืนเดือนละ 3,000 บาท ซึ่งเงินส่วนนี้ กยศ.ก็จะนำไปปล่อยกู้ให้กับรายใหม่ หาก กยศ.ไม่มีรายได้จากอัตราดอกเบี้ยหรือค่าปรับเลย ย่อมต้องกระทบต่อรายได้และการดำเนินงานในอนาคต เนื่องจาก กยศ.เป็นกองทุนหมุนเวียน ที่ไม่ได้รับการจัดสรรจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีจากรัฐบาลแต่อย่างใด ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้กู้รายใหม่ ทั้งในแง่ของจำนวนคนที่จะได้รับเงินกู้และวงเงินกู้ที่แต่ละคนจะได้รับ

“นอกจากจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน กยศ.และตัวนักเรียน นักศึกษารุ่นต่อๆ ไปแล้ว หลายฝ่ายยังมองว่าเป็นการทำลายหลักการที่ดีของระบบการเงิน โดยเฉพาะผลกระทบต่อวินัยทางการเงินและการคลังของประเทศ” นายณรงค์ชัย กล่าว

จากข้อมูลสถิติพบว่า มีลูกหนี้ กยศ.ที่มีภาระต้องชำระหนี้รวมกันราว 3.5 ล้านคน และในจำนวนนี้ เป็นกลุ่มที่ผิดนัดชำระหนี้มากถึง 2.5 ล้านคน ที่เหลืออีกเกือบ 1 ล้านคน เป็นผู้กู้ที่อยู่ระหว่างการศึกษา/ปลอดหนี้  และยังมีผู้กู้เสียชีวิต/ทุพพลภาพอีก 68,787 ราย โดยในกลุ่มของผู้ที่ผิดนัดชำระเงินกู้กับ กยศ.นั้น แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

1.กลุ่มคนที่ยากจนจริงๆ เช่น เมื่อเรียนจบออกมาแล้วประกอบอาชีพเกษตรกรรม ก็อาจมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต และเป็นกลุ่มที่ กยศ. ยอมรับให้มีการชำระคืนในวงเงินที่ต่ำที่สุด อย่างน้อยเดือนละ 100 บาท ซึ่งคนกลุ่มนี้มีสัดส่วนน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับอีก 2 กลุ่มที่เหลือ

2.กลุ่มคนที่ขาดวินัยทางการเงิน ซึ่งมีมากที่สุด! คนกลุ่มนี้ มักใช้จ่ายเงินผิดประเภทและค่อนข้างจะฟุ้งเฟ้อ

และ 3.กลุ่มคนที่ไม่จิตสำนึก จากข้อมูลพบว่าเป็นกลุ่มคนที่อาชีพ มีรายได้ บางคนมีเงินฝากอยู่ในธนาคารเป็นจำนวนมาก แต่ไม่จิตสำนึก ที่จะชำระคืนหนี้กับ กยศ. ซึ่งคนใน 2 กลุ่มหลัง จำเป็นจะต้องดำเนินการเพื่อให้มีการชำระหนี้กลับคืนมาบ้าง

“ช่วงที่ผ่านมา กยศ. เราเดินสายไปร่วมงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ฯกับกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ทั่วประเทศ จากลูกหนี้ที่มีปัญหาประมาณ 180,000 ราย ซึ่งเราสามารถดึงมาไกล่เกลี่ย โดยไม่ต้องฟ้องร้องดำเนินคดีได้ 40,000 ราย ที่เหลืออีก 140,000 ราย เราจะเปิดให้เดินเข้ามาไกล่เกลี่ยได้ที่สำนักงานของ กยศ. ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคม 2565 เป็นต้นไป” ผจก. กยศ. ระบุ

อนึ่ง ข้อมูล ณ วันที่ 20 กันยายน 2565 พบว่า กยศ.ได้ให้โอกาสแก่นักเรียน นักศึกษาทั่วประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 6,284,005 ราย เป็นเงินให้กู้ยืมกว่า 702,309 ล้านบาท โดยมีผลการให้กู้ยืมในปีการศึกษา 2565 มีนักเรียน นักศึกษาได้รับอนุมัติให้กู้ยืมจำนวน 638,132 ราย รวมเป็นเงินให้กู้ยืมกว่า 38,879 ล้านบาท และสำหรับผลการรับชำระหนี้ในปีงบประมาณ 2565 กองทุนได้รับชำระเงินคืนแล้วกว่า 27,844 ล้านบาท.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password