โวยถูกสกัด! ชี้แจงแทน ‘ธรรมนัส’ ปมโยงทุนสีเทา-แก๊งคอลเซ็นเตอร์

ที่ปรึกษา ผู้กองธรรมนัส โวย “รังสิมันต์ โรม” กีดกันไม่ให้เข้า กมธ. แจงแทน ปมโยง “เบน สมิธ” ทุนสีเทา ลั่น! ถ้าไม่จริง? ต้องมีคนรับผิดชอบ!!!
นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวแสดงความไม่พอใจ หลังถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าห้องประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ซึ่งมี นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธาน โดยระบุว่า ตนได้รับมอบหมายจาก ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรฯ ให้มาชี้แจงแทนในประเด็นความสัมพันธ์กับ นายเบน สมิธ ชาวต่างชาติที่ถูกกล่าวอ้างเชื่อมโยงกับขบวนการฟอกเงินและแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ทั้งนี้ ตนเดินทางมาที่รัฐสภาตามกำหนด แต่ต้องนั่งรออยู่หน้าห้องประชุมเกือบ 40 นาที โดยไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดมาแจ้งหรือเชิญเข้าชี้แจง จึงสงสัยว่าทำไมไม่ให้ตนเข้าไปอธิบาย ขนาดเตรียมเอกสารมาครบทุกประเด็น ยังถูกกันไว้นอกห้อง พร้อมยืนยันว่า จะรายงานเรื่องนี้ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ
ภายหลังการประชุมฯ นายธนดลได้เผชิญหน้ากับนายรังสิมันต์ บริเวณหน้าห้อง กมธ. โดยย้ำว่า ตนมาในฐานะผู้ได้รับมอบหมายตามกฎหมาย พ.ร.บ.อำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการ ซึ่งเปิดทางให้รัฐมนตรีส่งผู้แทนมาชี้แจงได้ แต่กลับถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วม ด้าน นายรังสิมันต์ ตอบกลับว่า กมธ.ใช้เพียง “หนังสือเชิญ” ไม่ได้ออกคำสั่งตามอำนาจเรียก และเน้นว่า กรณีนี้ต้องให้ ร.อ.ธรรมนัส มาชี้แจงด้วยตัวเอง เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ
อย่างไรก็ตาม นายธนดล ยังคงยืนยันว่า ตนปฏิบัติตามกฎหมายทุกขั้นตอน และเตรียมเอกสารหลักฐานครบถ้วนเพื่อพิสูจน์ ว่า “เบน สมิธ ที่ถูกกล่าวถึงกับบุคคลที่รู้จักกับ ร.อ.ธรรมนัส เป็นคนละคนกัน” พร้อมกับอ้างว่า ตนได้ตรวจสอบเอกสารและเห็นด้วยตาตนเอง และท้าให้นายรังสิมันต์เปิดหลักฐานต่อสาธารณะ หากเชื่อว่าเป็นบุคคลเดียวกัน
“ถ้าไม่จริง คุณโรมต้องรับผิดชอบ เพราะสิ่งที่พูดกระทบชื่อเสียงของทั้งคนไทยและต่างชาติ” นายธนดล กล่าว
ต่อมา นายธนดล ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่ตนถืออยู่ระบุว่า เมื่อปี 2562 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เคยตรวจพบการขายหุ้นโดยใช้ชื่อปลอมของชาวต่างชาติรายหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ “เบน สมิธ” ที่รู้จักกับ ร.อ.ธรรมนัส และยืนยันว่าผู้ที่ถูกดำเนินคดีในคดีนั้น “ไม่ใช่” เบนจามิน เบอร์เจอร์ หรือ เบน สมิธ ตามที่ถูกกล่าวหา
พร้อมระบุว่า “เรื่องนี้เป็นคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่เรื่องการเมือง และไม่ควรถูกใช้เพื่อโจมตีทางการเมือง”
นายธนดล ยังกล่าวอีกว่า การพาดพิงว่า “เบน สมิธ” เป็นทุนสีเทาหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น เป็นการกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน และหาก กมธ. พบข้อมูลการกระทำผิดจริง ควรนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ไม่ใช่ขยายผลในทางการเมือง “ถ้าคุณรู้ว่ามีการกระทำผิดแต่ไม่แจ้งความ คุณก็ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เหมือนกัน” เขากล่าวอย่างเคร่งเครียด และย้ำว่า…
“เบน สมิธ” ไม่เคยถูกดำเนินคดี ไม่มีหมายแดง และสามารถเดินทางเข้าออกประเทศไทยได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ความสัมพันธ์ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส กับเบน สมิธ เป็นเพียงความคุ้นเคยในระดับพี่น้อง ไม่มีธุรกิจหรือผลประโยชน์ใดร่วมกัน พร้อมทิ้งท้ายว่า “ถ้ามีหลักฐานว่าเขาเป็นคอลเซ็นเตอร์หรือทุนสีเทาจริง ก็ไปแจ้งความได้เลย แต่ถ้าไม่จริง คนที่ใส่ร้ายต้องรับผิดชอบ”
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าว จากเหตุการณ์ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นความตึงเครียดระหว่างฝ่ายการเมืองกับกระบวนการตรวจสอบเชิงอาชญากรรม โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับ เงินทุนข้ามชาติและขบวนการฟอกเงิน ซึ่งยังคงเป็นประเด็นอ่อนไหวที่สังคมจับตามองอย่างใกล้ชิด.