‘เมย์แบงก์’ แนะ 3 หลักเกณฑ์เก็บหุ้นเข้าพอร์ตรับกระแสลงทุนปี’67
หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ ชี้! อัตราดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ความเสี่ยงส่วนต่างผลตอบแทนระหว่างตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ (MEYG) ลดลง แนะ 3 หลักเกณฑ์ให้นักลงทุนเตรียมเก็บหุ้นปันผลสูงและยั่งยืนเข้าพอร์ต
จากสถานการณ์และทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯและไทย ที่ดูน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ทำให้ความเสี่ยงเรื่องส่วนต่างผลตอบแทนระหว่างตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ (Market Earnings Yield Gap, MEYG) ลดลง ซึ่งปัจจุบัน MEYG ของ SET Index กับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี อยู่ที่ 3.95% สูงกว่าเฉลี่ย 10 ปี ที่ 3.6% จึงมีโอกาสที่จะเห็นเม็ดเงินลงทุนเคลื่อนย้ายเข้าสู่ตลาดหุ้นได้มากขึ้นในไตรมาส 1
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ทีมวิจัยหลักทรัพย์เมย์แบงก์ (MST Research) บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เชื่อว่า หุ้นปันผลสูงบนความยั่งยืน หรือ หุ้นที่จ่ายปันผลสูง สม่ำเสมอ และมีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน จะเป็นเป้าหมายสำหรับกระแสเงินลงทุนรอบใหม่ที่กำลังเข้ามา โดยแนะนำ 3 หลักเกณฑ์ในการคัดกรองหุ้นเพื่อลงทุน เก็บเข้าพอร์ต ดังนี้
1) เป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอและมากกว่า SET Index ในช่วง 2563-2565 หรือหุ้นที่จ่ายปันผลในปี 2566 มากกว่า 5%
2) เป็นหุ้นที่คาดว่าจะมี EPS Growth ปี 2567 เติบโต (EPS Growth 2567F > 0)
3) เป็นหุ้นที่ ESG Rating มากกว่าระดับ A ขึ้นไป
ซึ่งจาก 3 หลักเกณ์ดังกล่าว พบว่า ได้หุ้นปันผลสูงบนความยั่งยืน 10 บริษัท ประกอบด้วย SAT TISCO SCB TCAP AP ICHI SABINA PTT INTUCH และ SCC อ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติมตามตารางด้านล่างนี้.
ตาราง : รายละเอียดหุ้นปันผลสูงบนความยั่งยืน