‘รองฯพิชัย’ ต้อนรับ ‘คณะ สส.มะกัน’ ถกหลายความร่วมมือเชิงลึก – ชี้! ไทยมีศักยภาพสูง! รับการลงทุนต่างชาติ

คณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา ยกทีมเข้าหารือ “รองนายกฯและรมว.คลัง” แลกเปลี่ยนมุมมองเศรษฐกิจ เผย! สหรัฐฯ เชื่อไทยมีศักยภาพในการลงทุนสูง ส่วนไทยแจงหนี้สาธารณะเหลือแค่ 64.2% ของจีดีพี ย้ำ! เป็นหนี้นอกแค่ 0.8% ลดความเสี่ยงได้เยอะ! พ่วงหารือดุลการค้าและภาษี การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทางสื่อดิจิทัล การฉ้อโกงทางการเงิน ปัญหาสิทธิมนุษยชน รวมถึงปมพิพาทกัมพูชา

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะ “โฆษกกระทรวงการคลัง” เปิดเผยว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานการหารือกับคณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา นำโดย Beth Van Duyne สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ณ ห้องงาช้าง ชั้น 20 อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง ซึ่งการหารือดังกล่าวเป็นการหารือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

1. การลงทุนในประเทศไทย ฝ่ายสหรัฐฯ เห็นว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุน ขณะเดียวกันได้แลกเปลี่ยนความเห็นต่อหนี้สาธารณะของไทย โดย รมว.คลัง กล่าวว่า ปัจจุบัน หนี้สาธารณะของไทยอยู่ที่ร้อยละ 64.2 ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product) ซึ่ง โครงสร้างหนี้สาธารณะของไทย ประกอบด้วย หนี้ภายในประเทศร้อยละ 99.2 และ หนี้จากภายนอกประเทศร้อยละ 0.8 และหนี้สาธารณะของไทยอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น

2. การขาดดุลการค้า (Trade Deficit) และมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ฝ่ายไทยได้แสดงความขอบคุณต่อสหรัฐฯ ที่ปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทยเป็นร้อยละ 19 (ปรับจากเดิมร้อยละ 36) ภายใต้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ พร้อมยืนยันเจตนารมณ์ในการปฏิบัติตามข้อตกลง ได้แก่ การเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตร สินค้าพลังงาน และสินค้าทางทหารจากสหรัฐฯ การลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers: NTBs) และ การกำกับดูแลภาษีการถ่ายโอนสินค้าผ่านประเทศที่สาม (Transshipment)

อีกทั้ง ยังหารือในประเด็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทางสื่อดิจิทัล การฉ้อโกงทางการเงิน (Financial Fraud) และ ความสำคัญของสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะ ด้านแรงงานและการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของแรงงาน ซึ่ง ฝ่ายไทยได้ชี้แจงถึงการดำเนินมาตรการคุ้มครองสิทธิแรงงานทั้งไทยและต่างด้าว ตลอดจนการปรับปรุงกฎหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองของแรงงานในประเทศไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

“นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งฝ่ายไทยได้ยืนยันเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยึดแนวทางสันติวิธีและการเจรจาอย่างสงบ ทั้งนี้ ไทยไม่ประสงค์ให้สถานการณ์ดังกล่าวลุกลามหรือก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบต่อความสัมพันธ์โดยรวมระหว่างสองประเทศ โฆษกกระทรวงการคลัง ย้ำ.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password