ร่างพรบ.งบประมาณฯปี66วาระ1 ผ่านฉลุย 278 ต่อ 194 ฝ่ายค้าน แจงเหตุ ไม่รับร่างพรบ.งบฯ ไม่ตอบโจทย์ประเทศ รัฐตั้งงบฯเงินกู้สูงกว่าลงทุน ผิดกฎหมายการคลัง ไม่เอาตัวไปเสี่ยงตาราง ตอกหากยังจัดงบแบบเดิม ทำปชช.สิ้นหวัง เปิดช่องทุจริต

วันที่ 3 มิ.ย.2565 ที่รัฐสภา เวลา 23.45น. นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน และส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายสรุปร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ.2566 วงเงินกว่า 3.18ล้านล้านบาท ว่า ขณะนี้ประเทศเราป่วย ประชาชนเป็นทุกข์ การอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณ เหมือนการมาเอ็กซ์เรย์ประเทศ เรากำลังจะจ่ายค่ายา 3.18 ล้านล้านบาท แต่จะจ่ายยาถูกหรือไม่ ถ้าถูกประเทศก็แข็งแรงเดินหน้าต่อ ถ้าจ่ายยาผิดก็ฟุบ ตอนนี้เป็นโรคเศรษฐกิจอักเสบเรื้อรังมา 4-5ปี ในที่สุดจะเป็นมะเร็ง ล้มละลายเหมือนกับหลายประเทศ ขณะนี้ประชาชนรายได้ต่ำ รายจ่ายสูง เมื่อไม่สมดุลกัน เลยเป็นหนี้ ทั้งหนี้ประเทศสูงขึ้น หนี้ครัวเรือนจะทะลุ 90ไป100แล้ว และหนี้เอกชน จะเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ โดยเหตุที่เป็นหนี้ เกิดจากเครื่องยนต์เศรษฐกิจ 4 ตัวไม่กระดิก 1.การบริโภคภาคเอกชน ประชาชนจับจ่ายใช้สอยน้อย แม้ฟื้นตัว ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ 2.การลงทุนภาคเศรษฐกิจจบ 3.การลงทุนภาครัฐ คือ งบประมาณแผ่นดิน 4.การส่งออกสุทธิ แม้พอขยับตัวมาบ้าง แต่การขยับตัวของตัวนี้ ไม่แรงพอไปขยับให้เครื่องยนต์อีก 3 ตัว ขยับตาม

“การที่จะทำให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจ 4 ตัวติด ต้องใช้งบประมาณไปกระตุ้น หากจัดงบประมาณดี จัดถูก จะไปผลักเครื่องยนต์3ตัวไปได้ แต่ถ้าจัดผิดก็ดับ เมื่อเรามองว่าจัดผิด เลยไม่ให้ผ่าน ไม่อยากปล่อยไปในวาระ2-3 ชะลอไว้ ให้คนอื่นมาทำใหม่ ซึ่งไม่เสียโอกาส งบประมาณที่จะทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน โดยเป้าหมายที่ดีที่สุดคือ ต้องดูแลประชาชน 65ล้านชีวิตให้รอด โดยลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส จากนั้นดูแลประเทศ คือ ทำให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจ4ตัว เดินไปให้ได้ เมื่อไปดูการจัดงบประมาณ น่ากังวลมาก จึงปล่อยผ่านไม่ได้ รัฐบาลยังจัดงบแบบเดิมๆเหมือนปีที่แล้วคือ ขาดดุลแล้วก็กู้ งบประจำสูงขึ้น30เปอร์เซ็นต์ งบลงทุนต่ำ ซึ่งไม่ได้คิดแบบใหม่ ทำแบบใหม่ ที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น มีการลงทุนผิด เช่น การจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35 ไปลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ไปกระตุ้นบริโภคแต่ไม่กระตุ้นการผลิต ไม่ตอบโจทย์ประชาชนที่เขาอยากให้ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ไม่ตอบโจทย์ประเทศ”

นายสุทิน กล่าวต่อว่า เมื่อจัดงบไม่ตอบโจทย์ กลายเป็นความสิ้นหวัง นายกฯบอก จะเอาเงินจากไหน ก็ประเทศเป็นแบบนี้ จะหาเงินอย่างไร สิ่งที่ตกใจ ที่ให้ผ่านไม่ได้คือ รัฐบาลประมาณการรายรับผิด ไปบอกว่าปีหน้า จีดีพีจะโต 3.7 นำเอาตัวเลขนี้มาเป็นฐาน คาดว่าจะเก็บได้รายได้ 2.4 ล้านล้าน เลยกู้เพิ่มไป 6แสนล้านบาท เมื่อกู้เพิ่มก็จะไปชนเพดาน โดยคาดการณ์ผิด ที่เราสิ้นหวัง นอกจาก เศรษฐกิจไม่โต รัฐบาลยังหาเงินไม่เป็น ยังจะไปเก็บภาษีเพิ่มอีก ก็จะยิ่งหนัก นอกจากสิ้นหวังกับงบประมาณแล้ว ยังมีแววจะไปทุจริต จะตายอยู่ยังมีอารมณ์โกงอีก ขอทานจัดงานเลี้ยง และยังไปแจกกันอีก งบไปลงที่บุรีรัมย์เยอะ กองทัพยังมีอารมณ์จัดซื้ออาวุธ

“เราไปกู้เขามา เป็นเหมือนขอทาน ควรที่จะประหยัด งดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ไม่ต้องไปเลี้ยงวันเกิด ไม่ต้องไปแจก นอกจากนี้ยังเห็นงบที่เปิดช่องให้ทุจริตเยอะ การจัดงบไปเจอทางตัน ที่ได้กู้มาตลอดตั้งแต่ปี 2557 จนวันนี้ ในที่สุดจะจนมุม งบลงทุนกับกู้ชดเชยขาดดุลสูสีกันมาก ทั้งที่กฎหมายห้ามให้ทั้งสองตัวนี้มันเท่ากัน ปีที่แล้ว จัดงบกู้สูงกว่าลงทุน ผิดกฎหมายการคลัง พอมาปีนี้ ก็จะเป็นแบบเดิม จะให้เรารับหลักการแล้วไปเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางได้อย่างไร”นายสุทินกล่าว

นายสุทิน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ต่อว่าหรือตำหนิอย่างเดียว ฝ่ายค้านทุกพรรค หลังว่าเสร็จ ได้เสนอทางออกด้วย พรรคเพื่อไทยเสนอ ถ้าจะทำคือ สังคยนาใหม่ ไม่ใช่จัดงบแบบปีที่แล้ว แต่ต้องปรับระบบทำงบประมาณใหม่หมด ให้ข้าราชการไปทำ เราไปเห็นตอนครม. มาสภาฯ มาในชั้นกรรมาธิการ จะไปแก้อะไรได้ แต่ต้องเอาชาวบ้าน ส.ส.มาจัดกันตั้งแต่ต้นเลย ทุกแนวทางที่บอกคือ เมื่อปัจจัยทุกตัวขจัดได้คือ รัฐบาลจะทำหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ รัฐบาลหมดสภาพที่จะทำงบประมาณแบบที่คิดว่า จะทำให้ประเทศรอด อยู่ไปก็ยังทำแบบที่ทำมา ปัญหาไม่ได้อยู่ที่โควิด เงินเฟ้อ น้ำมันแพง แต่อยู่ที่คนบริหารสถานการณ์ คนทำงบประมาณ

“นายกฯครับ ปัญหาที่ตัวผู้นำ ไม่ยอมรับความจริงว่า เศรษฐกิจล้มตั้งแต่ก่อนโควิด พอโควิดไป ท่านก็ฟื้นไม่ได้ เพราะโรคเก่ามันจะกำเริบ ต่อให้การท่องเที่ยวมา นักท่องเที่ยวมา ถ้าโครงสร้างแบบเดิมอาจได้เงินจากเขาบ้าง แต่ถ้าปรับแบบใหม่ อาจจะได้เงินมากกว่าเดิม ถ้าไม่ปรับ ยังคิดแบบเดิม ไม่มีทางฟื้น ขณะเดียวกันสถานะความเป็นผู้นำขาดความน่าเชื่อถือ ความเชื่อมั่น ถ้าคนไม่เชื่อมั่นต่อรัฐ ก็ไม่มาลงทุน ส่วนเครื่องยนต์ภาคการบริโภค ประชาชนไม่มีกิน สินค้าเกษตร รายจ่ายสูง ไม่มีเงิน เศรษฐกิจซบเซา เครื่องยนต์ตัวนี้เลยไม่ติด”

นายสุทิน กล่าวอีกว่า งบประมาณปีนี้ เราเห็นว่า สิ้นหวัง เจอทางตัน มีการทุจริต รัฐบาลหมดสภาพ วันนี้ถ้าปล่อยงบประมาณฉบับนี้ไป เป็นเหมือนทุกปี ไปแก้ในวาระ2-3 ถ้าคนเข้าใจ ตัวแทนครม.16คน แม้มีจากฝ่ายค้าน แต่พรรครัฐบาลก็ยังเป็นเสียงข้างมาก ในประวัติศาสตร์ก็แก้ไม่ได้ การที่บอกว่า งบไม่ผ่านจะตัดลมหายใจประชาชน เป็นความเข้าใจที่ผิดมาก ทำให้ประชาชนไขว้เขว ในรัฐธรรมนูญบอก งบตกก็ได้ มีกันชนให้ประชาชน คือ ใช้งบปีเก่าไปพลาง แล้วกลับไปทำเสนอมาใหม่ยังทัน แต่ถ้ายังเป็นชุดความคิดเดิมไปทำ ก็จะมาแบบเดิม ให้มันตกไป พวกท่านก็ไป แล้วให้พวกเรามาทำ

“ท่านนายกฯ วันนี้ถึงจุดที่เราต้องเอาประชาชน เอาประเทศ เราพูดมาไม่รู้กี่ปี ท่านอาการไม่ตอบสนองต่อความต้องการประชาชน ถัดจากนี้ สัญญาณชีพรัฐบาลจะต่ำ ที่พูดไม่ได้แช่ง จากนั้นข้าราชการเกียร์ว่าง นักลงทุนก็จะรอ ปีนี้จะซ้ำเติมให้หนักไปอีก วันนี้เรารับไม่ได้กับงบประมาณ ที่บอกไม่รับแล้ว ประชาชนประเทศลำบาก คิดว่า ประชาชนน่าจะโชคดีกว่า ถ้าปล่อยให้งบประมาณฉบับนี้ผ่านไป ฝ่ายค้านขอรับผิดชอบต่อประชาชน ถ้าของไม่ดี งบไม่ดี ก็ไม่เห็นด้วย การที่เราไม่รับ คือ ขอโอกาสให้ประชาชน ทำใหม่ ให้มันได้ฟื้น เลยขอกราบเรียนไปยังรัฐบาลว่า เรารับไม่ได้จริงๆ ขอโอกาสทำใหม่ ให้โอกาสเครื่องยนต์4ตัวได้ติด ขอโอกาสให้ประเทศ ขอโอกาสให้ประชาชน”นายสุทิน กล่าว

เวลา1.05น. วันที่3มิ.ย. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ แจ้งว่า การอภิปรายเป็นอันยุติแล้ว ได้ตรวจสอบองค์ประชุมตามข้อบังคับ ก่อนลงมติ โดยผลการลงมติในวาระที่1 ปรากฏว่า รับหลักการ 278 ไม่รับหลักการ 194 งดออก เสียง 2