พาณิชย์ ชู ซาอุฯ ประตูการค้าสำคัญ สู่ ตะวันออกกลาง

สนค.ชี้ ตลาด ซาอุดีอาระเบีย โอกาสฟื้นฟูการค้า เปิดประตูสู่ตะวันออกกลาง จาก 2 ประเทศฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูต วางเป้าหมาย เพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้เติบโตได้ในปี 2565

วันที่ 7 ก.พ. 2565 นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผอ.สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้ศึกษาโอกาสการส่งออกสินค้าไปตลาดซาอุดีอาระเบีย หลังมีการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน และเป็นไปตามนโยบายส่งเสริมตลาดส่งออกของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ซึ่งเน้นการรักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ และฟื้นฟูตลาดเก่าให้กลับคืนมา โดยซาอุฯ ถือเป็นหนึ่งในตลาดเก่า ที่จะฟื้นฟูการส่งออกให้กลับมามีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนให้ภาพรวมการส่งออกของไทยไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางขยายตัวเพิ่มขึ้น

ซาอุฯ ถือเป็นตลาดที่มีเศรษฐกิจใหญ่ เป็นอันดับสองในภูมิภาคตะวันออกกลาง รองจากตุรกี จากข้อมูลของธนาคารโลก ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของซาอุฯ อยู่ที่ประมาณ 700 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีรายได้ต่อหัวเฉลี่ย 46,700 เหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าในปี 2565 เศรษฐกิจของซาอุฯ จะขยายตัวที่ 4.9% จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากการลงทุนที่ขยายตัว นอกจากนี้ยังมองว่าเศรษฐกิจของซาอุฯ ในปี 2566 จะยังคงขยายตัวที่ 2.3%

สัดส่วนการส่งออกของไทยไปซาอุฯ ก่อนหน้าที่จะลดความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เฉลี่ยอยู่ที่ 2.4% (เฉลี่ยปี 2527-2531) และเริ่มลดลงนับแต่นั้น โดยปี 2533 การส่งออกไปซาอุฯ หดตัว 11.0% แต่ก็ยังมีการค้าระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีสัดส่วนการส่งออกที่ลดลงก็ตาม

สำหรับการฟื้นฟูความสัมพันธ์ หากมองในแง่เศรษฐกิจการค้าทั้ง 2 ฝ่าย สามารถสร้างความร่วมมือ 5 ด้านหลัก ได้แก่ แรงงาน การลงทุน การท่องเที่ยว การค้า และอาหาร ซึ่ง สนค. คาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยไปซาอุฯจะกลับไปเหนือระดับ 100,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ไทยเคยมีมูลค่าการส่งออกไปซาอุฯ สูงสุด(ปี 2557) และคาดการณ์ว่า ในปี 2565 (ณ 1 ก.พ. 2565) มูลค่าการค้ารวมระหว่างสองประเทศ จะอยู่ที่ประมาณ 280,336 ล้านบาท ขยายตัว 20.3% โดยการส่งออก จะมีมูลค่า 54,678 ล้านบาท ขยายตัว 6.2% การนำเข้า จะมีมูลค่า 225,658 ล้านบาท ขยายตัว 24.3% และขาดดุลการค้า 170,980 ล้านบาท

โดย สินค้าส่งออกที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปและผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง

ขณะที่ สินค้านำเข้าที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ได้แก่ น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ แร่และผลิตภัณฑ์จากแร่ เครื่องใช้และเครื่องตกแต่งภายในบ้านเรือน และส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password