“จุรินทร์” เข้ม! สั่งเร่งปรับลดราคาน้ำมันปาล์มขวด ให้สอดคล้องต้นทุนใหม่ ภายในสัปดาห์นี้


รมว.พาณิชย์ สั่งทุกฝ่าย เร่งปรับลดราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มขวด ให้สอดคล้องกับต้นทุนใหม่ ภายในสัปดสห์นี้ ชี้ ที่ยังไม่สามารถลดได้ในตอนนี้ เนื่องจากเป็นต้นทุนเดิมที่ซื้อมาในราคาสูง

วันที่ 12 ก.ค.2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงราคาผลปาล์มขึ้นไปสูงมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จากกิโลกรัมละ 2 บาทกว่า ขึ้นเป็น 4-5 บาท/กก. และไ ปถึง 11-12 บาท/กก. ซึ่งเกษตรกรได้รับประโยชน์สูงมาก แต่ในช่วงปลายเดือนที่แล้วราคาผลปาล์มปรับลดลง เนื่องจากอินโดนิเซียหันมาเร่งรัดการส่งออกอีกครั้งหนึ่ง มีผลทำให้ราคาในตลาดโลกปรับลดลง มีส่วนในการทำให้ราคาผลปาล์มปรับลดลงมาในช่วงนี้

แต่อย่างไรก็ตามคำถามที่ว่า ทำไมราคาผลปาล์มลดลงมาแต่ราคาน้ำมันปาล์มขวดบริโภคยังสูงอยู่ ขอเรียนว่ากระทรวงพาณิชย์ติดตามตลอด ราคาน้ำมันปาล์มขวดบริโภคยังทรงอยู่ เพราะเป็นสต๊อกเดิมที่รับซื้อในช่วงที่ราคาผลปาล์มสูงมาก สกัดเป็นน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มขวดในช่วงต้นทุนที่สูง แต่ตนสั่งการไปแล้วก่อนหน้านี้ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเร่งกำกับให้ปรับลดราคาน้ำมันปาล์มขวดบริโภคลงมาให้สอดคล้องกับต้นทุนให้เร็วที่สุด จะมีตัวเลขสต๊อกล่าสุดกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่งจากการสำรวจล่าสุดในวันนี้ จะเห็นตัวเลขว่าสามารถปรับลดราคาได้เมื่อไหร่ คาดว่าเป็นในช่วงสัปดาห์นี้สอดคล้องกับต้นทุนใหม่ที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้จะพยายามดูแลผลประโยชน์ของทุกฝ่ายให้ดีที่สุดไม่ต้องกังวล ยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลักเหมือนที่ตนพูดว่าเป็น “วิน-วินโมเดล” ดูแลทั้งเกษตรกร ทั้งผู้ประกอบการ ผู้ผลิตและผู้บริโภคให้อยู่ร่วมกันได้ให้เป็นภาระของแต่ละฝ่ายน้อยที่สุด ให้เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุด

ต่อข้อถามถึงประเด็นที่นมขอปรับราคาขึ้น นายจุรินทร์ตอบว่า ได้มีการเสนอขอปรับขึ้นราคานมผงและนมพร้อมดื่ม ทั้งพาสเจอไรซ์และยูเอชที แต่กระทรวงพาณิชย์ ยังไม่อนุญาตให้มีการปรับราคาขึ้นพยายามตรึงไว้ให้นานที่สุด จนกว่าจะอั้นไม่อยู่จริงๆ เมื่อต้นทุนปรับสูงขึ้นจนผู้ประกอบการไม่สามารถผลิตต่อได้ ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาของขาด ถ้ามีของขาดจะมีความรู้สึกใหม่ตามมาคือ แพงหน่อยดีกว่าไม่มีของกินต้องพยายามดูให้สมดุลที่สุด รักษาประโยชน์ของทุกฝ่ายไว้ให้ได้มากที่สุด

ซึ่งได้ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการและต้องดูด้วยเหตุด้วยผลแต่ละกรณี หากส่วนไหนจำเป็น ต้นทุนสูงขึ้นมาจริง ต้องพิจารณาใช้เป็นกรณีไม่ใช่อนุมัติให้ปรับราคาทั้งหมดโดยไม่ดูว่าอันไหนสูงขึ้นจริงหรือสูงขึ้นไม่จริง หรือเป็นแค่ข้ออ้างว่าสูงขึ้นในภาพรวม ต้องยอมรับว่าขณะนี้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้นจริงในภาพรวม ที่เราเห็นก็คือราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊สหุงต้ม ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและค่าขนส่งก็สูงขึ้นตามไปด้วย ต้องให้กระทบกับราคาขายปลีกไปยังผู้บริโภคน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังดีขึ้นในช่วงระยะหลัง.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password