“เกาะล้าน” คึกคัก “นักท่องเที่ยว” แห่นั่งเรือไปเยือนเกือบ 2 หมื่นคน/วัน

“เจ้าท่าพัทยา” เผยท่องเที่ยวฟื้นตัว ผู้ประกอบแห่จดทะเบียนเรือโดยสารพุ่งเท่าตัว คาดปีนี้เพิ่มกว่า 1 พันลำ ชี้ “เกาะล้าน” ฮิตสุด ผู้โดยสารใช้บริการเรือเกือบ 2 หมื่นคน/วัน ขณะที่งานเสริมชายหาด เฟส 1 หาดจอมเทียนแล้วเสร็จ เม.ย.นี้ ส่งมอบท้องถิ่นบริหารจัดการใช้ประโยชน์ต่อ

วันที่ 27 มี.ค.2566 นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา เปิดเผยว่า ปัจจุบันการท่องเที่ยวในพัทยากลับมาฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ และมีแนวโน้มจะคึกคักมากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ในปี 62 เนื่องจากขณะนี้มีการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวตลาดรอง อาทิ อินเดีย รัสเซีย ยุโรป และไต้หวัน ขณะที่ตลาดหลักก่อนหน้านี้ชาวจีนยังไม่กลับมาเดินทาง 100%

อย่างไรก็ตามจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลบวกต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวทางน้ำโดยตรง ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาพัทยาเฉลี่ยปีละประมาณ 11 ล้านคน สัดส่วนกว่า 60% จะเดินทางท่องเที่ยวทางทะเล ทำให้ในปีนี้กรมเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล และขึ้นทะเบียนเรือทุกประเภทในพื้นที่พัทยา จึงประเมินว่าจะมีอัตราการขยายตัวของเรือโดยสาร เพื่อการท่องเที่ยวแบบก้าวกระโดดเท่าตัว

“ปัจจุบันเรือจดทะเบียนในพัทยามี 4,000 ลำ ในจำนวนนี้เป็นเรือบรรทุกผู้โดยสารเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวทางน้ำ เรือ ส่วนตัว สปีดโบ๊ท รวมประมาณ 800 ลำ โดยทุกวันนี้มีเข้ามาจดทะเบียนทุกวัน เฉลี่ยมากกว่า 10 ลำต่อวัน คาดว่าภายในปีนี้จะมีปริมาณจดทะเบียนเรือบรรทุกผู้โดยสารเพิ่มเป็นเท่าตัว รวมกว่า 1 พันลำ ขณะที่เรือเจ็ทสกี ซึ่งส่วนใหญ่นำมาบริการท่องเที่ยวทางน้ำ ขณะนี้มีจดทะเบียนกว่า 500 ลำ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น” นายเอกราช กล่าว

สำหรับปริมาณการเดินเรือในแต่ละวัน พบว่า ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปยังเกาะล้านสูงสุด เฉลี่ยราว 7-8 พันคนต่อวัน และช่วงวันหยุดหรือเสาร์อาทิตย์จะเพิ่มเป็นเท่าตัว เกือบ 2 หมื่นคนต่อวัน ซึ่งเพิ่มสูงมากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19ในปี 62 ที่มีปริมาณการเดินทางเฉลี่ย 4-5 พันคนต่อวัน และช่วงวันหยุดหรือเสาร์อาทิตย์จะมีปริมาณ 1 หมื่นคนต่อวัน อย่างไรก็ตามจากความต้องการการเดินทางท่องเที่ยวทางน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด กรมเจ้าท่าได้เน้นย้ำไปยังผู้ประกอบการให้เตรียมพร้อมปริมาณเรือบริการ ตรวจสภาพเรือ และคำนึงถึงความปลอดภัยในการให้บริการนักท่องเที่ยวให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กรมเจ้าท่ากำหนด 

นอกจากนี้ นายเอกราช ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเสริมทรายชายหาด เพื่อแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในระยะยาว และรองรับกิจกรรมการท่องเที่ยวด้วยว่า ปัจจุบันการเสริมทรายชายหาด ระยะที่ 1 บริเวณหาดจอมเทียน ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร(กม.) ตั้งแต่บริเวณหน้าร้านอาหารลุงไสว ถึงบริเวณซอยนาจอมเทียน 11 วงเงิน 589 ล้านบาท มีความคืบหน้าแล้วกว่า 95% คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน เม.ย.66 ส่วนระยะที่ 2 ขยายการเสริมทรายชายหาดอีก 16 กม. เชื่อมต่อจากจุดเดิมบริเวณซอยนาจอมเทียน 11 สิ้นสุดสวนน้ำพัทยาปาร์ค วงเงินประมาณ 400 ล้านบาท อยู่ระหว่างประกวดราคา อีกทั้งยังมีแผนดำเนินการเสริมทรายชายหาดในพื้นที่หาดบางแสน และอยู่ระหว่างศึกษาพื้นที่หาดบางเสร่ด้วย

โดยพื้นที่ดังกล่าวป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ เมื่อกรมเจ้าท่าพัฒนาแล้วเสร็จก็จะส่งมอบให้ท้องถิ่นนำกลับไปบริหารจัดการ ว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ในด้านใดบ้าง หรือให้ใครเข้ามาใช้พื้นที่ ซึ่งปัจจุบันทางพัทยาได้ใช้พื้นที่จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว อาทิ คอนเสิร์ต และกีฬาทางน้ำ ทำให้เห็นว่าชายหาดที่กรมเจ้าท่าดำเนินการครั้งนี้ สนับสนุนภาคการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นได้อย่างดี.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password