กลเกม!!?? ‘ขึ้น VAT’

(บทเรียน VAT: จากคาแรกเตอร์ รมว.คลัง?…สู่ความจำเป็นของการ “ปฏิรูปภาษี” ที่ไม่กระทบวิถีชีวิตของไทย แต่ประเทศชาติได้ประโยชน์มากขึ้น!)

แม้ฝ่ายการเมืองจะติดเบรก! “ขึ้นภาษี VAT 8.5-10%” แต่ภารกิจ “ยกเครื่อง” ฐานะการคลังของประเทศ ยังเดินหน้าต่อ กับบทเรียน “คาแรกเตอร์” รมว.คลัง เตือนว่า…คำเดียว – ประโยคหนึ่ง อาจสั่นสะเทือนทั้งระบบ! และนี่คือยุทธศาสตร์ขึ้น VAT แบบไม่กระทบคนไทย…เพราะได้ “เงินทอน” คืน! ขณะที่ต่างชาติ…ต้องจ่ายส่วนเกิน 100%
ประเทศไทยกำลังยืนอยู่บน “สะพานแขวนทางการคลัง” ที่…ข้างหนึ่ง คือ ความเปราะบางของเศรษฐกิจในปัจจุบัน และ ปลายทางอีกข้าง คือ ความจำเป็นที่จะต้องมีรายได้เพื่อพัฒนาประเทศในระยะยาว
ขณะที่ ตรงกลาง คือ พื้นที่บางเฉียบ! ที่ “คำพูดหนึ่งคำ” ของ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง สามารถเขย่าความเชื่อมั่นได้ทั้งระบบ!!??
เหตุการณ์ความสับสนเรื่อง “การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)” เป็น 8.5% และ 10% ระลอกล่าสุด! ที่ ดร.เอกนิติ พูดในหลักการและเป็นไปตามแผนการคลังระยะกลางของรัฐบาล โดยไม่ได้ปรับเพิ่มจริงแต่อย่างใด?
ปมนี้! ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า…การกำหนด “คาแรกเตอร์” ของคนทำหน้าที่ “รมว.คลัง”…มันไม่ใช่เรื่องเล็ก???
เพราะตำแหน่งนี้…ไม่ใช่เพียง “ผู้บริหารนโยบาย” แต่เป็น “ตัวแปรทางความเชื่อมั่น (confidence variable)” ของทั้งระบบเศรษฐกิจและการเมืองพร้อมกัน!!!
หากสื่อบางราย? เริ่ม “เคลมความสนิท” เปิดปฏิบัติการ…อวดอ้างความสัมพันธ์! กับคนเป็น รมว.คลัง ในทำนอง “พรรคพวกกัน…คุยได้…ขอกันได้…โทรคุยได้ตลอด ฯลฯ”…
สิ่งนี้…อาจกระทบต่อ ภาพของ “ความเป็นกลาง (neutrality)” และ “ความน่าเชื่อถือ (credibility)” มิต่างจากการเริ่มถูก “เจาะรูเล็ก ๆ” ที่หากปล่อยไว้นานๆ ก็อาจจะกลายเป็น “รูรั่ว” ของเรือทั้งลำได้!!??
หาก คำอวดอ้างข้างต้นเป็นจริง! ทั้งหมดนี้…อาจนำพาเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ควรเป็นประเด็น…เชิงโครงสร้าง พัฒนากลายเป็น “ระเบิดทางการเมือง” เพียงเพราะคำอธิบายตามหลักวิชาการ ที่ถูกตีความว่าเป็น…“การประกาศนโยบาย”
ทั้งที่ความเป็นแล้ว…มันไม่ใช่!!!
จนเมื่อทุกอย่างมีความชัดเจนนั่นแหละ…ภาพความจริงจึงปรากฏ สิ่งสำคัญที่สุด! ก็คือ…คำถามที่คนไทยมีเหมือนกันทั่วประเทศว่า…ถ้าไม่ขึ้นภาษี VAT แล้วเราจะเดินหน้าอย่างไร? และ หากจำเป็นต้องขึ้นภาษี VAT ในอนาคต จะทำให้คนไทยไม่เดือดร้อนแค่ไหน?
คำตอบของคำถามข้างต้น คือ…การประกาศขึ้นภาษี VAT นั้น รัฐบาลสามารถจะทำได้ แต่ต้องทำอย่างเป็นยุทธศาสตร์ และต้อง “ตัดไขมัน” ที่ไม่จำเป็นของรัฐออกไปก่อน การประกาศขึ้นภาษีตัวนี้
ความจริงที่คนไทยต้องรู้? นั่นคือ…ประเทศไทยมีรายได้ภาษี ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น! แต่รายจ่ายของรัฐ โดยเฉพาะ รายจ่ายในด้านสวัสดิการของข้าราชการ และภาระทางด้านสังคม…กลับเพิ่มขึ้นทุกปี!!!
เป็นความจริงที่ สำนักข่าวยุทธศาสตร์…ต้องพูดกันแบบตรงๆ ชนิดไม่ต้องเกรงใจใคร? เพราะเรา…ไม่เลือกข้าง ไม่เลือกสี และไม่เลือกพรรคการเมืองใด
นอกจากผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน!!??
ในโลกสากล…ประเทศที่ “รักษา” สมดุลการคลัง ได้ดี มักมี “ความสามารถในจัดเก็บภาษีที่เหมาะสมกับขนาดเศรษฐกิจ”
แต่ประเทศไทย…ไม่ได้อยู่ในจุดนั้นมานานแล้ว???
ภาษี VAT บนกระดาษนโยบายของรัฐไทย ได้ตั้งไว้ที่ 10% แต่รัฐบาลทุกชุดตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา มิอาจฝ่าปัญหาของประเทศ ด้วยการทำความจริงให้ปรากฏ!
พวกเขา (รัฐบาลในอดีต) จึงได้ร่วมกัน “แช่แข็ง” ภาษี VAT โดยการใช้มติคณะรัฐมนตรี ประกาศคงอัตราภาษี VAT ให้เหลืออยู่ที่ระดับ 7% มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน…
ในขณะที่ ประเทศคู่แข่ง ทั้งด้าน…การค้าการลงทุน และ/หรือ ด้าน การท่องเที่ยวของไทย พวกเขาได้ทำการ จัดเก็บภาษีเดียวกันนี้ อยู่ที่ระดับ 10–15% เพื่อนำรายได้หลักของประเทศจากภาษี VAT ไปใช้เพื่อการพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐานและเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนในชาติ
หันมาดูประเทศไทย…เรา “สูญเสียศักยภาพทางด้านการจัดเก็บรายได้ภาษี VAT” โดยไม่จำเป็น…มาเป็นเวลานาน
แต่กับ รัฐบาลชุดนี้…ด้วยถ้อยแถลงของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ที่ได้สรุปชัด ๆ ว่า…
ช่วงนี้…รัฐบาลจะไม่ขึ้นภาษี VAT อย่างเด็ดขาด!!!
ด้วยเหตุผลที่พอเข้าใจได้ นั่นคือ…เศรษฐกิจไทยยังคงเปราะบาง, เงินเฟ้อ/ฝืดยัวอาจกดดัน, กำลังซื้อยังไม่ฟื้น
ดังนั้น การขึ้นภาษีของรัฐบาลในตอนนี้ ก็คือ…การฆ่าตัวตายดี ๆ นี่เอง
ฆ่าด้วยความเชื่อมั่นจากมือของรัฐบาล!!!
อย่างไรก็ตาม ความจำเป็นเชิงโครงสร้างไม่ได้หายไปไหน? ประเทศไทย…ยังจะต้องมีรายได้ใหม่ๆ เข้ามาแก้ปัญหาด้านงบประมาณของรัฐบาล เพื่อการลงทุนพัฒนาประเทศ และยกระดับคุณภาพให้กับประชาชน
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ ดร.เอกนิติ คนที่เคยเป็น…ข้าราชการระดับ “อธิบดีฯ” มาหลายกรม และเป็นถึง “2 กรมภาษี” (กรมสรรพากรและกรมสรรพสามิต) ที่ได้ขยับขึ้นมามาเป็น “รมว.คลัง” ได้ปล่อย “สัญญาณด้านเทคนิค (technical signal)” ที่ว่า…
หากไม่สามารถเพิ่มรายได้จาก VAT รัฐบาลก็ต้อง…ลดสวัสดิการข้าราชการ, ลดรายจ่ายซ้ำซ้อน และดันการลงทุนผ่านรัฐวิสาหกิจ และโครงการร่วมทุนภาครัฐและเอกชน (PPP) แทน…
นั่นเพราะ “สมการการคลัง” มีเพียง 3 ตัวแปรสำคัญ ก็คือ…รายได้, รายจ่าย และวินัยการคลัง!!!
นี่คือความจริง! ที่ใครมาเป็น “รมว.คลัง” ไม่พูด…ไม่ได้!!?? แต่ก็ไม่อาจจะพูดในแบบ “ข้อมูลล้วน ๆ” ได้อีกต่อไป
เพราะบทบาทของ “รมว.คลัง” มันคือ…การถือ “ดาบสองคม” หากตอบชัดเจนเกินไป…ก็กลายเป็น “ดราม่า!” แต่หาก…ตอบเบาเกินไป ก็กลายเป็นความสับสนของคนในชาติได้!!??
เมื่อมองใน มิติความเป็น…ยุทธศาสตร์? สิ่งที่สังคมไทยต้องเข้าใจให้เร็วที่สุด! ก็คือ…
ขึ้น ภาษี VAT ไม่ใช่การสร้างภาระเพิ่มให้กับคนไทย…หากรัฐบาลทำให้ถูกวิธี???
ที่สำคัญ ก่อนจะประกาศปรับขึ้น…ภาษี VAT และ/หรือ ภาษีตัวใด? ก็ตามที่ รัฐบาลจะต้อง “ตัดทิ้ง!” ไขมันส่วนเกิน ที่เคยเป็น…ภาระด้านงบประมาณของประเทศ ออกไปให้หมดก่อน และต้องทำให้คนไทยได้เห็นจริงๆ ด้วย
ทำให้คนไทยเห็นว่า…การปรับเพิ่มภาษี มันคือ…แกนกลางของ “นโยบายที่ควรจะเป็น” ไม่ใช่ “นโยบายที่จะทำทันที”
เพราะ “โมเดลใหม่” สำหรับประเทศไทย ไม่ได้อยู่ที่ว่า…รัฐบาลจะประกาศ “ขึ้นภาษี VAT หรือไม่ขึ้นภาษี VAT” แต่ต้องเป็น…
“ขึ้นภาษี VAT อย่างไร? ให้คนไทยไม่เดือดร้อน และเป็นชาวต่างชาติในไทยเท่านั้น…ที่จะต้องเป็นคนจ่ายภาษีตัวนี้จริง!”
ลองมอง…ตัวเลขพื้นฐานที่ควรรู้ นั่นคือ… แต่ละปี ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยเกือบ 40 ล้านคน (ไม่นับรวมกลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามาทำงาน/แรงงานต่างด้าว, นักเรียน/นักศึกษา และพ่อแม่ผู้ปกครองที่เข้ามาอาศัย เพื่อดูแลบุตรหลานในไทย อีกเป็นจำนวนหลายแสนคน)
คนกลุ่มนี้…มีการใช้จ่ายในไทย รวมเกือบหรือมากกว่า 2 ล้านล้านบาท ในปี 2568 นี้…
ถ้า รัฐบาลไทย สามารถขยับภาษี VAT จาก 7% ไปเป็น 8.5% หรือ 10% ในอนาคตอันใกล้ ตามแผนการคลังระยะกลาง และ รัฐบาลวางแผนที่จะ “ทอนเงินคืน” ให้กับคนไทย…ในแบบไม่ต้องเก็บใบเสร็จ ไม่ต้องยื่นหลักฐาน
แต่ใช้ “ระบบดิจิทัล” เดียวกับ…แอปฯเป๋าตัง ในรูปแบบ “เหมาจ่าย” ตามพฤติกรรมในอดีต เชื่อว่า…ผลลัพธ์ของเรื่องนี้…จะเปลี่ยนสมดุลทั้งระบบ! อย่างมีนัยสำคัญ? เลยทีเดียว
เพียงแค่…รัฐบาลและกระทรวงการคลัง ต้องสื่อสารให้ชัด! การปรับเพิ่มภาษี VAT จาก 7% เป็น 8.5% หรือ 10% นั้น…
คนไทยยังคงจ่ายเท่าเดิม เพราะจะได้ “เงินทอน” กลับคืนมาในเวลาไม่นานนัก…
ที่สำคัญ…คนไทยจะไม่เสียเงินและยังคงมีเม็ดเงินใช้จ่ายได้ตามปกติ ขณะที่ รัฐบาลเอง นอกจากจะมีรายได้ภาษี VAT เพิ่มขึ้นจากชาวต่างชาติแล้ว ก็ยังจะได้ “เครื่องมือ” เพื่อการ “กระตุ้น!” กำลังซื้อของประชาชนในห้วงเวลาสั้นๆ
เป็นผลมาจากการที่คนไทย…ได้รับเงินคืน และนำกลับมาใช้จ่าย หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ
และที่สำคัญ…การปรับเพิ่มภาษี VAT หากจะมีขึ้นนั้น ก็เป็นชาวต่างชาติเท่านั้น ที่จะเป็น “คนจ่าย” ส่วนต่างของภาษีที่ปรับเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ
คนไทย…แม้จะจ่ายเงินภาษีส่วนในเบื้องต้นไปก่อน แต่ท้ายที่สุด! พวกเขาก็จะได้รับ “เงินทอน” กลับคืนมาในรูปแบบต่าง ๆ ที่…กระทรวงการคลัง จะต้องกลับไปคิดให้ตกผลึก! และวางแผนการสื่อสารกับคนไทยให้ชัดเจนและเป็นระบบ
นี่คือ…โมเดลที่หลายประเทศทั่วโลก เขาก็ทำกันอยู่แล้ว…เรียกว่า Consumer Neutrality (ผลกระทบสุทธิของผู้บริโภคเป็นศูนย์)
คำแปล…อย่างตรงไปตรงมา ก็คือ…เป็นการที่รัฐบาลประกาศ “ขึ้นภาษี (VAT) โดยไม่กระทบประชาชนในประเทศ” นั่นเอง…
แต่หาก รัฐบาล…อยากทำแบบนี้จริง! ในอนาคต ก็อย่างที่เกริ่นในตอนต้น จะต้องเร่งขจัดและ “ตัดทิ้งไขมันส่วนเกิน” ออกไปก่อน! และต้องทำให้เห็นจริงเป็นรูปธรรม?
เพราะนี่คือ “ใบอนุญาตทางสังคม (social license)” ก่อนที่รัฐบาลจะออกมาพูดเรื่องภาษีใด ๆ ก็ตาม…
และอะไรที่เป็น “ไขมันส่วนเกิน”???
“ไขมันส่วนเกิน” ที่รัฐบาลจะต้องเร่งขจัดและตัดทิ้งโดยเร็ว ก่อนจะประกาศปรับเพิ่มภาษี VAT นั่นคือ…งบประชาสัมพันธ์, งบเดินทางศึกษาดูงานในต่างประเทศ, งบสัมมนาที่ไม่ก่อผลผลิต, งบโครงการเล็กซ้อนทับกันหลายกระทรวง และงบที่ “ถ้าไม่ตั้ง…ก็ไม่มีใครเดือดร้อน”
รวมถึง…สวัสดิการภาครัฐที่กระจายตัว โดยไม่มีหลักการประเมินผลกระทบที่ชัดเจน!!!
หากรัฐบาล “ผ่าตัดไขมันส่วนเกิน” ให้ประชาชนได้เห็นจริง ๆ แล้ว คำว่า…“ขึ้นภาษี VAT เพื่อทำโครงสร้างประเทศให้ดีขึ้น!”…
จะไม่ใช่…ระเบิดทางการเมือง! แต่มันจะกลายเป็น…ภาษีที่คนไทยไม่รู้สึกว่าเป็นภาษีของตัวเอง!!??
นั่นเพราะ…โมเดลนี้ มีเพียง ชาวต่างชาติเท่านั้น ที่จะเป็นผู้จ่ายเพิ่มภาระภาษี โดยที่คนไทย…ไม่เสียเพิ่มแม้แต่สตางค์แดงเดียว!!!
รัฐบาลเอง ก็จะมีรายได้เพิ่ม เพื่อนำมาจัดทำเป็นงบประมาณเพื่อการพัฒนาประเทศและคุณภาพชีวิตของไทยไทย โดยไม่ไปกระทบปัญหาปากท้องของคนไทย แม้แต่นิดเดียว!!!
ผู้ประกอบการ…ก็ได้ความชัดเจน, เศรษฐกิจไทย…ได้กำลังซื้อกลับคืนมา
นโยบายนี้…ไม่ใช่การเก็บภาษี แต่มันคือ “การจัดสรรภาระใหม่” ให้เหมาะสม และคือ “การปฏิรูประบบภาษีแบบไม่ลดกำลังซื้อของคนไทยเลยแม้แต่น้อย”
แม้ว่า…การเมืองในสถานการณ์นี้ ยังคงเดินหน้า…แบบไม่พร้อมขึ้นภาษี VAT ทั้งในปีนี้, ปีหน้า หรือปีถัดไป…ไม่เป็นไร???
แต่ “ระบบ” ต้องพร้อมอยู่เสมอ!!!
เพราะวันหนึ่งในอนาคตอันใกล้…ประเทศไทยจะไม่มีทางเลี่ยงในการ “เพิ่มรายได้” เพื่อรักษาความสามารถแข่งขันระยะยาว???
เมื่อถึงวันนั้น…หากรัฐบาลได้พิสูจน์แล้วว่า ได้ “ตัดไขมันส่วนเกิน” ออกไปก่อนแล้ว อีกทั้งยังได้สื่อสารอย่างถูกต้องว่า…“คนไทยได้ทอนคืน ต่างชาติเป็นผู้จ่าย”!!!
คำว่า “ขึ้นภาษี VAT” จะไม่ใช่คำที่น่ากลัว!!! อีกต่อไป มันจะกลายเป็น “เครื่องมือพัฒนาประเทศโดยไม่ทำร้ายประชาชน”
และเป็นก้าวสำคัญเพื่อให้ประเทศไทยไม่ต้องเดินอยู่บน “สะพานแขวนทางการคลัง” ที่สั่นไหว! ในทุก ๆ ปี
ในวันนั้น…ภาษี VAT จะไม่ใช่ภาระภาษีของคนไทยทั้งประเทศ…
แต่จะเป็น “ตัวเร่งอนาคตของประเทศ”…หาก รัฐบาลไทยและกระทรวงการคลัง สามารถจะวางรากฐานให้ถูกต้องและสื่อสารไปถึงคนไทยทั่วประเทศอย่างมีกลยุทธ์…ตั้งแต่ “บัดนาว” เป็นต้นไป!!!…






