Phuket-sick!!??

เกาะภูเก็ต! หนึ่งในหัวใจเศรษฐกิจสำคัญของไทย แต่ถูกละเลยการพัฒนาเมือง? ทั้งที่สร้างรายได้มหาศาล ส่งให้รัฐบาล จนการจราจรล่มสลาย, ระบบสาธารณูปโภคล้าหลัง และโครงการใหญ่ติดหล่มมานานนับสิบปี แหล่งท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลกแห่งนี้ มีส่วนอย่างมากต่อการล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจของชาติ ทว่าคนพื้นที่…ยังคงประสบปัญหาจากอาการ “ภูเก็ตซิค” ที่กำลังลุกลามสู่คนทั้งเมือง!!!

(อ่านฉบับแปลภาษาอังกฤษด้านล่างของบทความนี้)

เสียงคร่ำครวญจาก “คนภูเก็ต” กำลัง ลดทอน “เครดิต” ของรัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมา ไม่เว้นแม้กระทั่ง “รัฐบาลอายุ 4 เดือน” ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย

ใครจะคิด!!??ทั้งเมืองที่เป็นเกาะและแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก รองรับนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าว ปีละกว่า 15 ล้านคน สร้างเงินและจัดส่งเป็นรายได้แผ่นดินให้กับรัฐบาลปีละกว่า 4 แสนล้านบาท

กลับได้รับงบประมาณเพื่อการบริการเกาะทั้งจังหวัดเพียงไม่ถึง 200 ล้านบาท/ปี???

แต่นั่น…ยังไม่ใช่ปัญหลักและปัญหาหนักอึ้ง! ที่ได้สร้าง…ความกระอักกระอ่วนหนักใจและความทุกข์ร้อนของ “คนภูเก็ต” และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้เท่ากับ…

ความ “ไม่ใยดี” ต่อการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐานที่ตึงตัวถึงขั้นวิกฤต!!! จากการจราจรที่ติดขัดไปครึ่งเมือง…จากสนามบินถึงตัวเมืองภูเก็ต อย่างเป็นระบบและยั่งยืนในระยะยาว…

ถนนสายหลัก! ที่ควรจะ “หล่อเลี้ยง” ระบบเศรษฐกิจทั้งเกาะ! กลับกลายเป็น “เส้นเลือด” ที่ตีบตัน!…ขยายไม่ออก จนเหมือนเป็นอัมพาต???

ใช่! ภาพของ ถนนเทพกระษัตรี…เส้นทางหลักหนึ่งเดียว? ที่เชื่อมสนามบินกับตัวเมืองภูเก็ต ยังคงแน่นขนัด! ตั้งแต่เช้าจนค่ำ

รถหนาแน่นจนแทบขยับตัวไม่ได้…

ท่ามกลางการเดินเท้าบนถนนของผู้คนและยานพาหนะ ที่เบียดเสียดและปะปนอยู่บนเลนถนนเดียวกัน...

ช่างเสี่ยงอันตรายสุด ๆ!!!

ภาพของสนามบิน…ที่ขยายตัวรองรับผู้โดยสารจำนวนมาก ตัดกับความจริงของการเดินทางออกจากสนามบินที่ยังเป็นคอขวด มันคือ…ภาพความย้อนแย้ง! ที่ “คนภูเก็ต” ต้องแทนแบกรับสภาพปัญหาเช่นนี้…ทุกวัน!

หากถนน คือ “ระบบหมุนเวียนเลือด” ของเมืองท่องเที่ยว?

ภูเก็ต…คงมีสภาพไม่ต่างจาก “ผู้ป่วย” ที่กำลังมีอาการ “หัวใจขาดเลือดเรื้อรัง!” แบบที่ คนในพื้นที่…เริ่มเรียกกันในเชิงประชดว่าเป็น…

“ภูเก็ต-ซิค!!!”

เป็น…อาการป่วยทางใจของ “คนที่รักบ้านเกิด” จนเจ็บป่วย! เมื่อเห็น…เมืองของตัวเองเติบโตได้เร็วยิ่งกว่าการดูแลจากภาครัฐ!!??

ความรู้สึก “ภูเก็ต-ซิค” นี้…ไม่ใช่แค่ อาการ…คิดถึงบ้าน แบบ “โฮมซิค” แต่เป็นความเศร้าและโกรธปะปนกันอย่างลึกซึ้ง!!! เมื่อเห็น…เมืองที่สร้างรายได้มหาศาลให้ประเทศ แต่กลับถูกปล่อยให้ต่อสู้กับปัญหาเดิม ๆ มายาวนานเกินไป

ไม่ว่าจะเป็น…ระบบจราจรที่ล้มเหลว! โครงการที่ไม่เดินหน้า? หรือสาธารณูปโภคที่ไม่สอดคล้องกับภาระที่เมืองต้องแบกรับจากนักท่องเที่ยวและแรงงานนับแสนๆ คน!!!

โครงการระบบรางเบาที่ถูกพูดถึงมากว่าสิบปี เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด! ของความ “ล้มเหลว” ในการตัดสินใจเชิงโครงสร้าง…

เพราะความเป็นจริงแล้ว…ภูเก็ตควรจะมี “รถไฟฟ้า” ระบบรางเบา เชื่อมต่อสนามบิน – ถลาง – ตัวเมือง – ป่าตองได้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน

แต่กลับต้องยืนรออยู่ที่ “จุดเริ่มต้นเดิม!” ในรัฐบาลทุกสมัย มิต่างจาก…โครงการที่ถูก “แช่แข็ง!” ไว้กลางแดดร้อน!!??

ทั้งที่…เทคโนโลยี ไม่ใช่อุปสรรคที่แท้จริง

ทว่าสิ่งที่ขาด ก็คือ “ผู้นำที่มีหัวใจใหญ่พอ” ไม่ใช่ “ผู้นำใจมด?” ที่ปล่อยให้…โครงการประเภทนี้ คั่งค้างคามายาวนาน จนสร้างความสูญเสียในทุกมิติทั้งการเมือง, เศรษฐกิจ และสังคม ตลอดจน ความรู้สึกดีๆ ของคนพื้นที่กว่า 5 แสนคน และต่างชาติอีกกว่า 15 ล้านคนในแต่ละปี

ขณะที่ ประเทศอื่น…ต่างพากัน ขุดอุโมงค์ทะลุภูเขา สร้างรถไฟฟ้าข้ามทะเล หรือพัฒนาเมืองอย่างฉับไว? เพื่อแก้ไขปัญหาของตัวเอง

แต่ทว่า! เมืองภูเก็ต…กลับถูกบอกให้ “รอ…รอ…และรอ???” ต่อไป…

ภูเก็ต…สามารถสร้างรายได้ต่อประชากร 1 คน สูงมากกว่าจังหวัดส่วนใหญ่ของประเทศนี้ กับ ภาระความรับผิดชอบต่องานบริการ เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าว รวมกันมากกว่าในอีกแหล่งท่องเที่ยวของหลายจังหวัดรวมกัน

ทว่าภูเก็ตกลับได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ต่ำมาก ๆ!!!

เทียบรายได้ที่ส่งให้รัฐบาล (กว่า 4 แสนล้านบาท) กับ รายรับจากเงินงบประมาณแผ่นดินในแต่ละปี (ไม่ถึง 200 ล้านบาท) มันห่างกันมากกว่า 2,000 เท่า!!!

ตัวอย่างที่เห็นชัด! นั่นคือ ภาพความจริง! ที่เกิดขึ้นกับ…โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งผู้บริหารโรงพยาบาลฯต้องเรี่ยไรเงินมาเพื่อสร้างตึกผู้ป่วย…โดยที่ รัฐบาลกลางไม่เคยเหลียวแล???

สิ่งนี้คือ หนึ่งในความเหลื่อมล้ำเชิงนโยบาย! ที่ “คนภูเก็ต” คงยากจะยอมรับได้!!! เพราะเมืองเกาะ…ที่หารายได้จัดส่งให้รัฐบาล เพื่อจัดทำเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปี สำหรับบริหารงานทั้งประเทศ…

ควรหรือไม่? ที่พวกเขาจะต้องลุก! ขึ้นมาระดมทุนกันเอง เพื่อ “รับมือ” จำนวนผู้ป่วย…ที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณของชาวต่างชาติ ทั้งนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าว???

เสียงสะท้อนนี้! จึงไม่ใช่…เสียงโกรธ แต่เป็นเสียงของผู้ที่กำลังเจ็บป่วยด้วยอาการ “ภูเก็ตซิค!”

อันเป็น…ภาพสะท้อนของ “คนที่รักบ้านเกิด” มากเสียจนเจ็บปวดทุกครั้ง! ที่ได้เห็นเมือง…ซึ่งควรจะงดงามกว่านี้ แต่กลับถูก “มองข้าม” ในเชิงนโยบาย…หลายต่อหลายครั้ง และซ้ำแล้วซ้ำเล่า!!??

หากรัฐบาลยังบริหาร แบบ…แก้ไขกัน “วันต่อวัน” ปัญหาของภูเก็ต อาจลุกลามจากความอึดอัดทางใจ ไปสู่…ความเสียหายทางเศรษฐกิจ! ที่ใหญ่กว่าที่คาดคิด???

อย่าลืมว่า…ภูเก็ต ไม่ใช่เพียงจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ แต่เป็น “เครื่องยนต์หลัก” ที่ขับเคลื่อนรายได้จากการท่องเที่ยวปีละหลายแสนล้านบาทให้กับประเทศไทย

หากยังคงปรากฏ…ภาพการจราจรที่ติดขัดอย่างหนักหน่วงและรุนแรง

ระบบสาธารณสุขล้น? มีจำนวนผู้ป่วยมากกว่าศักยภาพที่โรงพยาบาลของรัฐจะรองรับได้…

โครงการหลักตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐที่เคยประกาศว่าจะเร่งจัดทำ กลับไม่คืบหน้า แม้จะถูกพูดซ้ำ และเลื่อนแล้วเลื่อนอีก โดยที่ยังไม่เริ่มลงมือสักที ไม่ว่าจะเป็น…

  • โครงการรถไฟฟ้ารางเบา (Light Rail / Monorail) ที่พูดมากว่า 10 ปี
  • โครงการอุโมงค์ป่าตองที่ล่าช้านานจนมีคนตายบนถนนซ้ำ ๆ
  • โครงการถนนใหม่ แก้ปัญหาคอขวด–คอสะพาน
  • โครงสร้างลดอุบัติเหตุบนเขาป่าตอง
  • ระบบขนส่งสาธารณะทั้งเกาะที่ยังไม่เป็นรูปธรรม
  • โครงการสำคัญระดับประเทศที่ “ยังอยู่บนกระดาษ”

อาการ “ภูเก็ต-ซิค” ข้างต้น ก็คงยากจะรักษาให้หายขาดได้ง่าย ๆ!!!

เหล่านี้…ได้กลายเป็นภาพจำของทั้ง “คนภูเก็ต” รวมถึง…นักลงทุนและนักท่องเที่ยว ไปเสียแล้ว!!!

ทางออกเชิงยุทธศาสตร์ จึงต้องเริ่มต้นจาก “รัฐบาลกลาง” โดยตรง!!!

นายกฯอนุทิน ที่ควบตำแหน่ง…รมว.มหาดไทย และ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง รวมถึง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.คมนาคม ซึ่งเป็นทั้ง “เจ้ากระทรวง” ที่กำกับดูแลงานด้านนี้โดยตรง แถมเป็น “คนใต้” โดยกำเนิดเสียอีก…

พวกเขา อาจต้องมองภูเก็ตในมุมใหม่? เป็นมุมในแบบ “เมืองเศรษฐกิจเชิงยุทธศาสตร์!” ไม่ใช่…จังหวัดหนึ่งที่รอขอความช่วยเหลือ อีกต่อไป!!!

แม้ “รัฐบาลอนุทิน” จะมีอายุสั้นแค่เพียง 4 เดือน และผ่านการบริหารประเทศมาแล้วครึ่งทาง

ที่สำคัญ…พวกเขาไม่ได้ก่อปัญหาที่สะสมมายาวนานนี้

กระนั้น ในความเป็น “รัฐบาลกลาง”  ที่ต้องดูแลทุกจังหวัด แบบเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขกันไป คงไม่พ้นที่จะต้องเข้ามาดูแลรับผิดชอบและวางกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหาของเมืองเกาะแห่งนี้

อย่างน้อย…การเริ่มต้นวางยุทธศาสตร์ ด้วยการลงมือทำ และ “ตอกเสาเข็ม – ต้นแรก” สร้างระบบรางแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดอย่างหนักหน่วง!

หากทำได้ในสมัยรัฐบาลนี้ เชื่อว่า…จะเป็นแรงเหวี่ยง! สำคัญส่งให้ นายกฯอนุทิน และรัฐบาลของเขา กลับมาสานต่องานที่ทำคั่งค้างเอาไว้

นั่นเพราะ…การแก้ด้วย “กลไกพิเศษ” ระดับชาติ! ด้วยการ จัดตั้ง “วอร์รูม” เชิงนโยบาย…ที่ควบรวมกระทรวงสำคัญๆ และเกี่ยวข้องกันการสลายปัญหาใหญ่นี้ อันได้แก่…มหาดไทย, คมนาคม, คลัง, สภาพัฒน์ และภาคเอกชนในพื้นที่ เพื่อร่วม ขับเคลื่อนโครงการ…โครงสร้างพื้นฐานแบบมีเป้าหมายชัดเจน!

การสร้าง…รถไฟฟ้า “ระบบรางเบา” ให้กับภูเก็ต สามารถจะดำเนินการได้ภายในกรอบเวลา 36 เดือน ควบคู่ไปกับ…การขยายถนนสายหลัก, การสร้างระบบจราจรอัจฉริยะทั้งเกาะ รวมถึง การเพิ่มงบสาธารณสุข ฯลฯ

เหล่านี้…ล้วนเป็นการลงทุนที่ต้องทำใน “ตอนนี้” ไม่ใช่…ทำในสัก “วันหนึ่ง”!!??

นั่นเพราะ…ในทุกวันที่หากรัฐบาล…ปล่อยให้เกิดความล่าช้าออกไป! ก็ยิ่งจะทำให้ “คนภูเก็ต” และชาวต่างชาติจำนวนมาก ต้องทนทุกข์กับ…อาการ “ภูเก็ต-ซิค” ต่อไป ในแบบที่ไม่ควรจะมีใครสักคน? ต้องรู้สึกกับเมืองที่มีส่วนสำคัญต่อการหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจชาติ แห่งนี้!!!

ท้ายที่สุด! รัฐบาล, นายกฯอนุทิน และรองนายกฯเอกนิติ รวมถึง รัฐมนตรีอีกหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ นายพิพัฒน์ รมว.คมนาคม ควรต้องรับฟัง…เสียงจาก “คนภูเก็ต” เพราะเป็นเสียงที่มีส่วนร่วมในการหาเงินหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจของประเทศ…

และพวกเขา…ไม่ใช่เสียงของการขอทาน!!!

ทั้งยังจะเป็น…เสียงทวงความยุติธรรมเชิงนโยบาย! ของเมืองที่ทำหน้าที่ของตัวเอง…ได้อย่างเต็มที่มาตลอด

หากรัฐบาลรับฟัง และตอบสนองอย่างจริงจัง! ก็จะทำให้…ภูเก็ต กลายเป็น “ต้นแบบ” ของการพัฒนาเมืองท่องเที่ยวระดับโลก

ในกลับกัน!…หาก เมืองเกาะ…แหล่งท่องเที่ยวระดับโลกแห่งนี้ ยังคงจะถูก “มองข้าม” กันต่อไป??? ความเจ็บปวดในแบบ “ภูเก็ต-ซิค” จะกลายเป็น “อาการเรื้อรัง!” ที่ทั้งเมือง…อาจต้องแบกรับโรคร้าย! ทั้งที่มันไม่ควรต้องเป็นเช่นนั้น!!!

ภูเก็ต…ไม่ต้องการความสงสาร
ภูเก็ต…ต้องการการมองเห็น
และภูเก็ต…ต้องการการลงทุนที่ “สมศักดิ์ศรีของเมืองที่เป็นหัวใจของชาติ!”

แล้ว…“รัฐบาลอนุทิน” ล่ะ! มองเห็นเหมือน “คนภูเก็ต” บ้างหรือไม่???.

ทีมข่าวยุทธศาสตร์ No.1

(English Version)

“Phuket-sick” : A Structural Warning Sign for Thailand’s National Policy Priorities

Phuket is one of Thailand’s most critical economic engines, generating more than 430–500 billion THB in tourism revenue annually and welcoming 10–15 million foreign visitors each year—one of the highest volumes in the country. Despite this, the province’s economic growth has far outpaced the level of state investment in essential public infrastructure. This mismatch has led to what local residents describe as “Phuket-sick”—a growing sense of frustration, emotional fatigue, and structural strain caused by the perception that the city’s development needs have been repeatedly overlooked by the central government.

The province carries an extraordinary operational burden, far exceeding that of many other Thai provinces combined. Phuket must accommodate millions of tourists, over 120,000 registered migrant workers, foreign residents, and high seasonal populations, yet receives only a few hundred million THB in annual provincial budget allocations. This imbalance has contributed to severe congestion on major transport routes, overcapacity in public hospitals, and a backlog of essential infrastructure projects—particularly the long-discussed light-rail system, which has been stalled for more than a decade despite its necessity for sustainable mobility.

Phuket’s main roads, especially the route linking the airport and city center, operate far beyond their intended capacity, resulting in chronic traffic bottlenecks that affect tourism, logistics, local livelihoods, and emergency response times. Meanwhile, the public health system faces significant pressure: hospitals frequently exceed capacity and have even resorted to community fundraising to build new patient facilities—an unusual burden for a province that generates such substantial national revenue.

If left unaddressed, these structural issues threaten Phuket’s competitiveness as a world-class tourism destination and could have long-term consequences for Thailand’s national economy. As a key hub for international tourism, the province’s performance directly influences investor confidence, visitor satisfaction, and the country’s economic resilience.

To resolve these challenges, Phuket requires decisive intervention from the national leadership. The Prime Minister (who also serves as Minister of Interior) and Deputy Prime Minister Dr. Ekniti (Minister of Finance) hold pivotal roles in budget allocation and policy coordination, making their strategic support essential. Phuket should be recognized and managed as a Strategic Economic Zone, rather than treated merely as an ordinary province.

Key Policy Recommendations

1. Establish a National Phuket Infrastructure War-Room
A cross-agency task force involving the Ministry of Interior, Ministry of Transport, Ministry of Finance, NESDC, and private-sector stakeholders, with clear KPIs and deadlines to accelerate critical projects.

2. Implement the Phuket Light-Rail System within 36 Months
A rapid-transit solution is essential to relieving road congestion, enhancing mobility, and strengthening Phuket’s competitive positioning in global tourism.

3. Increase Public Healthcare Investment and Hospital Capacity
Funding should reflect the true service burden of Phuket’s hospitals—which serve residents, migrant workers, and millions of tourists annually—ensuring adequate facilities and staffing.

4. Reform Budget Allocation Based on “Actual Service Population”
Move beyond budget formulas based solely on registered residents and allocate funds according to real service demand: residents + migrant workers + tourists.

Conclusion

“Phuket-sick” is not merely an emotional expression—it is a structural warning sign. Phuket’s ongoing challenges reveal a misalignment between national revenue generation and state investment. If the government acts decisively, Phuket can become a global model for sustainable tourism and urban management. If ignored, the costs will extend far beyond the island—affecting Thailand’s economic stability, international reputation, and long-term national development.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password