มุมนี้ Strategy X (ep.6) ตอน : แถลงการณ์ “วาระร่วม – MOU แรก” รัฐบาลก้าวไกล วัดใจ ส.ว.“ทรงแบด”
>>OO>> กรมอุตุนิยมวิทยา…ประกาศให้วันที่ 22 พฤษภาคม 2566 เป็น “วันแรก” ของฤดูฝนในปีนี้ ทว่ากลับมีการทำนายทายทักกันว่า…ปีนี้ “ฝนจะน้อย” ผิดปกติ! คงเพราะปรากฏการณ์ “เอลณิญโญ่” ที่กลายเป็น “ต้นเหตุ” สำคัญทำให้ “อากาศวิปริตแปรปรวน” ร้อนหนักในหน้าฝน…ฝนตกน้อย และจะ “ทิ้งช่วง” ไปอีกยาวนาน อาจมีหนักๆ บ้างในช่วงต้นฤดู จากนั้นจะ…ทิ้งช่วงกันแ และกลับมาตกหนัก ๆ อีกที ก็ราวเดือนสิงหาคม สลับร้อน-ฝน จนสิ้นสุดฤดูกาล…กลางเดือนตุลาคม โดยจะเป็นเช่นนั้น…ตลอด 2-3 ปี นับจากนี้ไป!
>>OO>> วันเดียวกัน…ในทางการเมือง ได้กำหนด…เวลานัดหมาย “ดีเดย์” 16.30 น. พันธะสัญญาใหม่ “8 พรรคร่วมรัฐบาล” ลงนามเซ็นต์ MOU จัดตั้งรัฐบาล…ครั้งแรกของประเทศไทย เหตุที่เลือกเอา “ห้วงวันและเวลา” ตรงกับเหตุการณ์ยึดอำนาจของ คสช. เมื่อ 9 ปีก่อน นัยว่า…ต้องการตอกย้ำ “สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลง” สะท้อนภาพ…ประชาธิปไตย ย่อมมีชัยเหนืออำนาจเผด็จการ
>>OO>> ปรัชญาการเมืองกับความเป็น “รัฐบาลผสม” คือ ทุกพรรคร่วม 8 พรรค ต้องยึดเอา “วาระหรือนโยบาย” เป็นตัวตั้งไม่ใช่เอา “กระทรวงหรือตำแหน่ง” เป็นตัวตั้งเหมือนเช่นอดีต หากทำได้จริง…จะถือเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการเปลี่ยนแปลงรอบนี้ แต่เมื่อมี บางแนวคิด…นโยบาย ที่อาจไปกันไม่ได้ง่ายนัก สมควรแล้ว…หากจะแยกแยะ ความเป็น… วาระ “ร่วม” ที่ทุกพรรคร่วมรัฐบาล…เห็นตรงกัน พร้อมผลักดันร่วมกันผ่านกลไกบริหารและนิติบัญญัติ และ “รับผิดชอบร่วมกัน” บรรจุใน MOU ส่วนที่เห็นต่างกัน แยกกำหนดให้เป็น วาระ “เฉพาะ” ของแต่ละพรรคการเมือง ไม่ถูกระบุใน MOU และเป็นเรื่องที่แต่ละพรรคจะต้องขับเคลื่อนวาระและนโยบายของตนเอง ผลักดันผ่านกลไกบริหารของกระทรวงที่พรรคมีตัวแทนเป็นรัฐมนตรี แต่จะต้องไม่ขัดแย้งกับนโยบายใน MOU
>>OO>> มาดูกันพันธะใน MOU สรุปสั้น ๆ ตามนี้… โดยที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” โชว์เดี่ยว…ควงไมค์แถลง พร้อมตอบคำถามสื่อไทยและสื่อเทศน์ ด้วยภาษากลางของโลก ได้อย่างโดดเด่นไม่อายผู้นำชาติใดในโลกนี้ เริ่มจาก…ว่าที่นายกฯคนที่ 30 ระบุว่า…วันนี้…นับเป็นอีกวันแห่งประวัติศาสตร์ สะท้อนความสำเร็จที่สามารถเปลี่ยนผ่านการปกครองสู่ความเป็นประชาธิไตย ผ่านระบบรัฐสภาอย่างสันติ ส่วน วัตถุประสงค์ของการทำ MOU คือ การรวบรวม “วาระร่วม” ของทุกพรรคที่เห็นตรงกัน ผลักดันผ่านกลไกของรัฐบาลและรัฐสภา โดยเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทั้ง 8 พรรคร่วมฯ
>>OO>> โดยบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล และทำงานร่วมกันของ 8 พรรคการเมืองนี้ ทำขึ้นเพื่อสร้างพื้นฐานในการจัดตั้งรัฐบาล และทำงานร่วมกัน ระหว่างความเข้าใจร่วมกันของทุกการเมือง ที่เห็นร่วมกันถึงภารกิจของรัฐบาล ที่ทุกพรรคจะผลักดันนั้น ต้องไม่กระทบต่อรูปแบบของรัฐ การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และการดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ไล่เรียง “วาระร่วม” แบบสรุปรวบยอด ได้ดังนี้…
>>OO>> 1. ฟื้นฟูประชาธิไตย และจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับของประชาชนให้เร็วที่สุด โดยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน 2. ยืนยันผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม รับประกันสิทธิสมรสคู่รักทุกเพศ ไม่บังคับหากขัดแย้งกับหลักการศาสนา 3. ผลักดันการปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพ และกระบวนการยุติธรรม ให้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย ยึดความโปร่งใส ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน 4.เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับเป็นระบบสมัครใจ โดยยังคงการเกณฑ์ทหารในยามศึกสงคราม 5.ร่วมผลักดันกระบวนการสันติภาพอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
>>OO>> 6.ผลักดันการกระจายอำนาจ ทั้งภารกิจและงบประมาณ ไปยังท้องถิ่น ตอบสนองประชาชน ปราศจากการทุจริต 7.แก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยสร้างวัฒนธรรมและระบบรัฐโปร่งใสที่ตรวจสอบได้ 8.ร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยยึดหลักเพิ่มรายได้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นธรรม 9.ยกเครื่องกฎหมายเกี่ยวกับการทำมาหากินและการดำรงชีวิตของประชาชน ช่วยเหลือสภาพคล่องด้านการเงินและสร้างแต้มต่อให้เอสเอ็มอี สนับสนุนสินค้าไทยให้เข้มแข็งในตลาดโลก 10.ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันการค้าที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
>>OO>> 11.ปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ โดยปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม แก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนระหว่างรัฐกับประชาชน รวมถึงทบทวนคดีจากนโยบายทวงคืนฝืนป่า 12.ปรับปรุงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้า การคำนวณราคา และกำลังการผลิตที่เหมาะสม เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน และสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน 13.จัดทำงบประมาณแบบใหม่ เน้นจัดทำแบบฐานศูนย์ 14.สร้างระบบสวัสดิการดูแลประชาชน ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงวัย โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและภาระทางการคลังระยะยาว 15.แก้ไขปัญหายาเสพติดโดยเร่งด่วน
>>OO>> 16.นำกัญชาไปอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษ ผ่านประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยมีกฎหมายควบคุมและรองรับการใช้ประโยชน์จากกัญชา 17.ส่งเสริมเกษตรและปศุสัตว์ปลอดภัย ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มการเข้าถึงตลาด เทคโนโลยี และแหล่งน้ำ สร้างความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกรเพื่อวางแผนการผลิต 18.แก้ไขกฎหมายประมง ขจัดอุปสรรค เยียวยา และพัฒนาอาชีพประมงให้ยั่งยืน 19.ยกระดับแรงงานทุกอาชีพ ให้มีสภาพการจ้างงานที่เป็นธรรม และได้รับค่าแรงที่สอดคล้องกับค่าครองชีพ และการเติบโตของเศรษฐกิจ
>>OO>> 20.ยกระดับของสาธารณสุข ให้ประชาชนเข้าถึงการบริการที่มีคุณภาพ ทั้งการส่งเสริม ป้องกัน การรักษา และการฟื้นฟูสุขภาพ 21.ปฏิรูปการศึกษา เพื่อยกระดับคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต 22.สร้างความร่วมมือและกฎไกภายในและระหว่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 รวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ โดยเร็วที่สุด และ 23.ดำเนินนโยบายต่างประเทศ โดยฟื้นฟูบทบาทผู้นำของไทยในอาเซียน และเวทีระหว่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือต่างๆ โดยเฉพาะกรอบฯพหุภาคี รวมถึงรักษาสมดุลการเมืองระหว่างประเทศไทยและมหาอำนาจ
>>OO>> ทั้งนี้ ทุกพรรคเห็นพ้องที่จะบริหารประเทศ ภายใต้การปฏิบัติ ดังนี้ 1.ทุกพรรคจะคุ้มครองสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองของประชาชนทุกคน 2.ทุกพรรคจะทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต หากมีบุคคลของพรรคใดมีพฤติกรรมทุจริต จะยุติการดำรงตำแหน่งของบุคคลนั้นทันที 3.ทุกพรรคจะทำงานโดยให้เกียรติกันและกัน จริงใจต่อกัน สนับสนุนการทำงานซึ่งกันและกัน โดยยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งมากกว่าผลประโยชน์ของพรรค 4.ทุกพรรคมีสิทธิในการผลักดันนโยบายอื่นเพิ่มเติม แต่ไม่ขัดแย้งกับนโยบายใน MOU โดยอาศัยอำนาจฝ่ายบริหารของรัฐมนตรีของพรรคฯ
>>OO>> และ 5.ทุกพรรคมีสิทธิในการผลักดันนโยบายอื่นเพิ่มเติม แต่ไม่ขัดแย้งกับนโยบายใน MOU โดยอาศัย และอำนาจนิติบัญญัติ ของ ส.ส.ในสังกัดพรรคฯ ยาวนิด…แต่จำต้องร่วมบันทึกหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย รอบนี้เอาไว้…หลายเรื่องเราคนไทยเคยได้ยินมาบ้างแล้ว แต่นี้…มาจากคำแถลงการณ์ของ “ว่าที่นายกฯคนที่ 30” อย่างเป็นทางการ ต่อหน้าแกนนำ 8 พรรคร่วม กองทัพสื่อ และประชาชนคนไทย ที่คอยรับชมการถ่ายทอดสด และข่าวที่จะมีตามมาหลังจากวันนี้ไป…
>>OO>> ไม่ว่า…อนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นใด? “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อาจโดนฟาดแรง…ปม “ถือหุ้นสื่อ” ถึงขั้นหลุดโอกาสเป็น “นายกฯคนที่ 30” หรือรัฐบาลจะไม่ผ่านมติเสียงโหวตของ 250 ส.ว. ที่ยามนี้…แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก…โหวตเลือก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็น “นายกฯคนที่ 30” และกลุ่ม 2 ไม่เลือกฯ แยกเป็น 2.1 ไม่เลือกแน่ๆ และ 2.2 ไม่ลงมติ ซึ่งก็คือ…ไม่เลือกอยู่ดี เพราะท้ายที่สุด หาก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ได้คะแนนหนุนในรัฐสภาไม่ถึง 376 เสียง ก็ต้องสลับให้พรรคการเมืองอื่น ไปรวบรวมเสียง ส.ส.ให้ได้เกิน 250 เสียง แล้วเสนอกลับมาให้ 250 ส.ว. โหวตเลือกนายกฯกันใหม่ หลายสื่อถึงเขียนอำกันแรง…“เพื่อไทย” รอเสียบตั้งรัฐบาล และ “ก้าวไกล” อาจสลับข้างไปทำหน้าที่ “ฝ่ายค้าน” หากรูปการณ์ออกมาอย่างนี้…คงได้เห็น “ม็อบส้ม” กระจายทั่วไทยชัวร์!!!
>>OO>> การตั้งรัฐบาล และโหวตเลือก “นายกฯคนที่ 30” จะสัมฤทธิ์ผล…เช่นที่ประชาชนได้ฝากความหวัง ผ่านการเทคะแนนเสียงให้ “ก้าวไกล” หรือไม่? แต่ แกนนำ “ก้าวไกล” ก็เดินสายไปในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อขอบคุณประชาชนไปบ้างแล้ว ขณะที่ ส.ส.ก้าวไกล เอง ก็ลงพื้นที่…ทำงานและรับฟังปัญหาของชาวบ้านกันแล้ว โดยที่ยังไม่ได้กินเงินเดือนจากเงินภาษีของประชาชน ต่างจาก ส.ส.รัฐบาล สมัยก่อน และ ส.ว.ส่วนใหญ่ ในยามนี้
>>OO>> หากไม่เจอพิษต้าน จาก… ส.ว. “ทรงแบด” แล้ว คนในแวดวงเศรษฐกิจ-ธุรกิจ และข้าราชการในสังกัดกระทรวงการคลัง คงได้ยลโฉมของ “ขุนคลังหญิง” คนแรกของประเทศไทย “น้องไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล ดีกรีไม่ธรรมดา เป็นทั้ง รองหัวหน้าพรรคฯ และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แถมยังคุ้นชิน…เพราะเคยทำงานร่วมกับ “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนปัจจุบัน แต่หากต้องเจอกัน…สถานะเปลี่ยนไป! รอบนี้…ลูกน้องสาว จะเขยิบมากุมนโยบายภาพใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายใด? การเงินหรือการคลัง ก็อันเดอร์…เธอคนนี้
>>OO>> ฟังวิสัยทัศน์ของ…ว่าที่ “ขุนคลังหญิง” คนนี้ ทั้งจาก…เวทีอภิปรายในและนอกสภาฯ, การเดินสายหาเสียง และสัมภาษณ์ออกสื่อ ถือว่า…เป็นสาวที่มีไฟและศักยภาพแรงสูงนัก! หลายนโยบายที่ดูแลคนไทยตั้งแต่เกิดยันตายโดนใจคนไทยรุ่นเก่า กลางและใหม่สุดๆ แต่ที่ได้ใจเว่อร์ๆ คือ การลดปัญหา และแผยการทลาย “ทุนผูกขาด” ทั้งในแวดวงการค้า อุตสาหกรรม โดยเฉพาะด้านพลังงาน ที่รู้กันลึกๆ ว่า มี “รมต.ในสังกัด” ของเจ้าสัวฯทุนผูกขาด ฉะนั้น ก็อย่าแปลกใจหากช่วงหลายวันมานี้…หุ้นในสังกัดกลุ่มทุนข้างต้นจะตกแรงต่อเนื่อง! เดากันได้ไม่ยาก…งานนี้ มีเสียว! แล้วความเสียวที่ว่า…อาจสะท้อนกลับไปถึงการจัดตั้งรัฐบาล “ก้าวไกล” ไม่วันนี้…ก็วันหน้า!!! ลากกันมายาวและล่าช้า แต่ย้ำอีกครั้งว่า…มันคือความจำเป็น! แล้วพบกันใหม่ ep.7.
By…ทีมข่าวยุทธศาสตร์ No.1