ประชัน “นโยบาย” 5 พรรคการเมืองฝ่าย “อนุรักษ์นิยม” ลั่น เป็นนายกฯ ทำทันที
เปิดนโยบาย 5 พรรคการเมือง ฝ่ายอนุรักษนิยม สู้ศึกเลือกตั้ง ประกาศความพร้อม ดันนโยบายทันที หากได้เป็นนายกรัฐมนตรี หลังนโยบายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาทของพรรคเพื่อไทย จุดพลุให้พรรคการเมืองทุกขั้วต้องปรับตัว จากการชิงไหวชิงพริบ ดูด ส.ส.-เล่นเกมการเมืองตบตาโหวตเตอร์ 39 ล้านเสียง หันมาประชันนโยบายสู้ศึกการเลือกตั้งครั้งหน้า
พรรคพลังประชารัฐ คิกออฟนโยบายแรก จาก 104 นโยบาย ด้วยการสานต่อ “บัตรประชารัฐ” เพิ่มวงเงิน 700 บาทต่อเดือน จำนวน 19.6 ล้านราย เกทับนโยบายค่าแรง 600 บาทต่อวันของพรรคเพื่อไทย
พรรคพลังประชารัฐ ประกาศหากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล-พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เมื่อไหร่ พร้อมทำทันที ให้ “อยู่ดีกินดี มีเงินใช้ มีงานทำ”
“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ประกาศ “พร้อมประสานกับทุกคน คุยกันได้ทุกพรรค” ภายใต้สโลแกน “ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่”
การจัดแถวยืนแถลงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ โชว์ตัวขุนพล-มือทำงานเบื้องหน้า-เบื้องหลัง ส่วน “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ผู้ประกาศท้ารบเป็น “ดีเบต” กับแคนดิเดตพรรคการเมืองคู่แข่ง ต่อคิวรอเปิดตัวนโยบายในครั้งต่อไป
แถวหน้า ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร ยืนเป็นแกนกลาง-แถวหน้า ขนาบข้างซ้าย-ขวาด้วยรัฐมนตรีในรัฐบาล ไล่ตั้งแต่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม นานชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส และ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ
แถวหลัง นายไพบูลย์ นิติตะวัน และ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นายรงค์ บุญสวยขวัญ กรรมการบริหารพรรค-ส.ส.นครศรีธรรมราช นายนายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส นายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ ส.ส.สระแก้ว
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ชูยุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” หากได้เป็นรัฐบาล หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า เปิดตัวแคมเปญ ซีซั่น 1 ด้วยนโยบาย “สร้างเงิน” 8 นโยบาย
พุ่งเป้าไปที่โหวตเตอร์ “ครึ่งประเทศ” ในภาคเกษตรกรรม ต่อยอดโครงการประกันรายได้ ชาวนา 4.8 ล้านครัวเรือน รับครัวเรือนละ 3,000 บาท
ประชาธิปัตย์เดินกลยุทธ์การตลาด “เกี่ยวปั๊บรับ 3 หมื่น” ตามรอย “ค่าแรงวันละ 600 บาท” ของพรรคเพื่อไทย โดยการเพิ่มเงินในส่วนของค่าเก็บเกี่ยว
จากปัจจุบันชาวนาได้รับค่าเก็บเกี่ยวอยู่แล้ว ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน เป็นจ่ายค่าเก็บเกี่ยว ไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ต่อครัวเรือน
“4 ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ ดูแลกลุ่มเกษตรกรมาตลอด และเป็นภาคหลัก ซึ่งเกษตรกรภาคเกษตรทั้งหมด 9.7 ครัวเรือน ครัวเรือนละ 4 คน หรือมีคนอยู่ในภาคเกษตรกว่า 30 ล้านคน” นายนิพนธ์ บุญญามณี ผู้อำนวยการเลือกตั้งเฉลยแหล่งที่มาของเงิน
นโยบายที่ 1 “ส่วนต่าง” ประกันรายได้ พืชเศรษฐกิจ-การเมือง 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์ม และข้าวโพด
นโยบายที่ 2 นโยบายเกษตรกรปลูกข้าว 4.7-4.8 ล้านครัวเรือน รับ 30,000 บาท ต่อ 1 ครัวเรือน
นโยบายที่ 3 นมโรงเรียนฟรี 365 วัน จากปัจจุบัน 280 วัน
นโยบายที่ 4 ให้เงินอุดหนุนกลุ่มเกษตรกรประมง กลุ่มละ 100,000 บาทต่อปี 2,800 กลุ่ม จากเดิมปีละ 200 กลุ่ม
นโยบายที่ 5 ปลดล็อก ประมงพาณิชย์ จาก IUU
นโยบายที่ 6 ออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี แก้ปัญหาไม่มีที่ดินทำกิน
นโยบายที่ 7 ออกกรรมสิทธิ์ทำกินให้กับเกษตรกรที่อยู่ในที่ดินรัฐ
นโยบายที่ 8 ธนาคารหมู่บ้านและชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาททั้งประเทศ
“ภูมิใจกรุงเทพ” ดูแล 24 ชั่วโมง 7 วัน โดย พรรคภูมิใจไทย นอกจากดูด ส.ส.เกรดเอจากทุกพรรคแล้ว ยังต้องรักษามอตโต “พูดแล้วทำ” ทำทันที ภายใน 3 เดือน หลังจาก “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
พรรคภูมิใจไทย ประกาศนโยบาย พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ยคนละไม่เกิน 1 ล้านบาท ออกพันธบัตรรัฐบาล ชื่อ พันธบัตร “Thai Power” หรือ “พันธบัตรคนไทยรวมพลัง” จำหน่ายให้กับประชาชนผู้มีเงินฝาก ดอกเบี้ย ร้อยละ 2.5-3 แล้วนำเงินที่ได้จากการขายพันธบัตรมาแก้ปัญหาหนี้สินให้ประชาชน
นโยบายสาธารณสุข เครื่องฉายรังสีรักษามะเร็ง ฟรี ทุกจังหวัด ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอ ด้วยการติดตั้งเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งให้โรงพยาบาลทุกจังหวัด จังหวัดละ 1 เครื่อง เป็นอย่างน้อย ภายใน 4 ปี รักษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
นโยบายด้านเกษตร-เกษตรร่ำรวย ด้วย Contract Farming รู้ราคาก่อนปลูก รับเงินก่อนขาย เสียหายมีประกันเฟสแรก ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน เฟสที่สอง ข้าวโพด มะพร้าว ลำไย
นโยบายลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านฟรี โครงการรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า คันละ 6,000 บาท ผ่อนชำระเดือนละ 100 บาท 60 งวด
ภูมิใจไทย “พูดแล้วทำ” จับต้องได้ ทำได้จริง ไม่เพ้อฝัน ประกาศปักธง กทม. ด้วยนโยบายดูแลคนกรุงเทพฯ ทุกวัย ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน หรือ “นโยบาย 24/7” เพิ่มได้ราย เช่น การหารายได้เพิ่มได้ 3 กะ พันธบัตรรัฐบาล (Thai Power Bond)
ลดรายจ่าย เช่น พักหนี้ 3 ปี ปลอดดอก One day Pass Ticket ตั๋ววัน รถ เรือ เริ่มต้น 15 บาท ตลอดวันไม่เกิน 50 บาท รถไฟฟ้า เริ่ม 15 บาท ตลอดสายไม่เกิน 40 บาท เครื่องกรองน้ำดื่มทุกชุมชน ติดโซลาร์รูฟ ฟรี ลดภาษี 2 ทาง ผู้รับ/ผู้รับ
จุดยืน-อุดมการณ์ ชูนโยบายอันดับ 1 ปกป้อง-เทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์
พรรคชาติพัฒนากล้า ชูนโยบาย ยกเลิกหนี้แบล็กลิสต์ 5.5 ล้านราย เป็น นโยบายชุดแรก “ยกเลิกแบล็กลิสต์ รื้อระบบสินเชื่อ” ใช้ระบบ Credit Scoring โดยมีคนติดแบล็กลิสต์ 5.5 ล้านคน ในจำนวนนี้ 3.2 ล้านคน ติดแบล็กลิสต์ช่วงโควิด-19 ระบาด
“วันนี้ชาติพัฒนากล้าจึงออกนโยบายที่สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยไม่ต้องใช้เงินภาษีแม้แต่บาทเดียว ด้วยการรื้อระบบเก็บข้อมูลของบริษัทเครดิตบูโร ยกเลิกระบบแบล็กลิสต์ ใช้ระบบ Credit Scoring หรือวิธีประเมินสินเชื่อตามจริงแทน” นายกรณ์โชว์มันสมองอดีต รมว.คลังโลก
กรณ์ ระบุว่า ยกเลิกแบล็กลิสต์บูโร ใช้ Credit Score แทน..การมีการระบุประวัติการผิดนัดชำระหนี้ และถูกยกเป็นเหตุผลการปฏิเสธการขอสินเชื่อ นั่นคือการมีแบลกลิสต์โดยพฤตินัย สิ่งที่พรรคเสนอ คือ
ไม่ใช่การยกเลิกเครดิตบูโร
ไม่แม้แต่ลบประวัติใคร
แต่เป็นการปรับระบบเป็นระบบ credit score
ใช้ Data ข้อมูลอื่นๆ มาเป็นองค์ประกอบคำนวน score ร่วมกับประวัติชำระหนี้.